ตอนที่ 441 อัจฉริยะแห่งตระกูลไป๋

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 441

อัจฉริยะแห่งตระกูลไป๋

“น้องจูล่ง!”ทั้งไป๋หลินทั้งชิงชิวกะพริบตาปริบๆมองไป๋จูล่งที่เดินเข้ามาขวางระหว่างกลางเสียเฉยๆ

“หนีไป”ชิงชิวว่าพลางดึงร่างของไป๋หลินออกมาพร้อมใช้พลังธาตุลมตัดรากไม้ดำที่พันขาไป๋หลินเอาไว้ ตัวชิงชิวไม่มีดวงตาสีม่วงเลยไม่ทราบว่าจูล่งมีพลังระดับไหน แต่ต่อให้มีพลังระดับไป๋จูเหวินก็ยังไม่แน่ด้วยซ้ำว่าจะสามารถเอาชนะเจ้าลัทธิจางหลงผู้นี้ได้

“หนี? ทำไมต้องหนีล่ะขอรับ”จูล่งถามพลางมองชิงชิวที่พาไป๋หลินออกมาให้ห่างจากร่างของจางหลง เห็นได้ชัดเลยว่าพวกมันทำอะไรจางหลงไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

“ไม่ได้ เราต้องจัดการเจ้านั่นก่อน ไม่อย่างนั้น…”ไป๋หลินส่ายหน้าพลางขืนแรงของชิงชิวเอาไว้ นางทราบดีเรื่องผลร้ายของพลังมาร นางไม่มีวันยอมปล่อยให้จางหลงออกไปแล้วเผยแพร่วิชามารให้คนทั้งอาณาจักรแน่ๆ

“เราจัดการมันไม่ได้”ชิงชิวพูดพลางกุมมือไป๋หลินแน่น แม้จะเจ็บใจแต่ก็ต้องยอมรับ

“แต่…”ไป๋หลินพูดพลางมองไปทางจางหลง หากปล่อยไปตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับคนในอาณาจักรที่จางหลงคิดจะยึดกัน

“พวกเราต้องการกำลังเสริม บางทีถ้าท่านไป๋จูเหวินกับท่านเหม่ยหลินร่วมมือกับอดีตจักรพรรดิอู๋ แล้วก็พี่ปักเป้า…อสูรเต่ายักษ์….”ในหัวชิงชิวคิดหาวิธีที่จะตอบโต้จางหลงให้ได้ ในเมื่อตัวจางหลงมีพลังเทียบเท่าคนระดับเจ้าสวรรค์ 7 คนรวมกัน ก็หาคนระดับเจ้าสวรรค์ระดับ 7 คนรวมกันมาจัดการเสีย ตอนนี้ในแผ่นดินมีคนระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 10 อยู่ 3 คน และอสูรระดับบรรพกาลขั้นที่ 10 อยู่อีก 3 ตน แต่ไป๋จูเหวินและเหม่ยหลินมีทั้งพลังอสูรและพลังวิญญาณ หากรวมทุกคนได้ ก็อาจจะสามารถรับมือจางหลงได้ไม่ยาก

“ไป๋หลิน เราถอยกันก่อน แล้วค่อยรวบรวมกำลังเข้ามาจัดการมันอีกครั้งเถอะ”ชิงชิวว่าพลางเรียกเอาผ้าคลุมใยแมงมุมออกมาจากมิติของตนเอง แม้จะเป็นเจ้าลัทธิจางหลง แต่ความสามารถเรื่องการซ่อนตัวของชิงชิวก็ไม่ได้กระจอก เพียงพาไป๋หลินหนีไปให้ได้ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากเกินไป

“แต่…”ไป๋หลินยังมองไปทางเจ้าลัทธิจางหลงเหมือนกำลังเป็นห่วงอะไรสักอย่าง

“แต่จูล่งยังไม่ออกมาเลย”ได้ยินไป๋หลินพูดเช่นนั้นชิงชิวก็สะดุ้งวาบ เมื่อครู่มันบอกให้หนีมาแล้วไม่ใช่หรือยังไง ทำไมจูล่งถึงยังอยู่ตรงนั้นอีก

“เจ้าหนู เจ้าเป็นใคร”จางหลงที่โดนจูล่งจับดาบเอาไว้ถามด้วยท่าทีสนใจ อีกฝ่ายยังดูเด็กมากทีเดียว แต่กลับสามารถรับการโจมตีของมันได้ อย่างน้อยมันก็ควรเป็นผู้มีพลังระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 10 เป็นอย่างน้อย

“ข้าชื่อไป๋จูล่งขอรับ”จูล่งตอบด้วยใบหน้าซื่อๆ เจ้าหนูนี่ตอบคำถามมาเสียอย่างนั้น

“พลังของเจ้า ไม่ธรรมดาเลย มาเป็นลูกน้องข้าดีหรือไม่”เจ้าลัทธิจางหลงถามพลางยิ้มออกมา ตอนนี้พลังมารทั้งหมดของอาวุธมารหลอมเข้ามาในร่างของมันจนหมดแล้ว ทำให้วิญญาณของศิษย์ในลัทธิอย่างพวกราคะถูกปลดปล่อยไปแล้ว การจะสร้างลัทธิมารฟ้าขึ้นมาใหม่จำเป็นต้องรับศิษย์ใหม่เข้ามา และเจ้าหนูตรงหน้าก็เป็นวัตถุดิบที่ไม่เลวเลย

“ไม่ขอรับ”จูล่งตอบโดยแทบไม่ต้องคิด อีกฝ่ายพึ่งหันดาบใส่พี่ชิงชิวกับพี่สาวของมัน มันไม่คิดจะไปเป็นลูกน้องหรือศิษย์ในลัทธิของมันแม้แต่น้อย

“น่าเสียดาย”เจ้าลัทธิจางหลงพูดพลางชูดาบมรกตขึ้นฟ้า

เปรี้ยง!! ดาบมรกตฟันลงมาอย่างรวดเร็วด้วยกำลังมหาศาล แต่จูล่งกับเดินออกมาจากระยะฟันได้อย่างง่ายดายเสียอย่างนั้น

ตูม!! เสามรกตถูกสร้างขึ้นมาจากพื้นหลังจากการฟันดาบมรกตลงพื้นแทบจะทันที มันพุ่งเข้าหาจูล่งหมายจะบดขยี้ให้เป็นชิ้นๆ เพียงแต่จูล่งกลับปลายตามองเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะเดินหลบเสามรกตที่พุ่งขึ้นมาจากดินราวกับมองเห็นอยู่ก่อนแล้วว่ามันจะโจมตีเข้ามาตรงไหน

ฟุบๆๆๆๆ ทั้งมีดสั้นของริษยา กระสุนวายุของตะกละ รวมทั้งรากไม้ดำของอัตตาต่างพุ่งเข้าหาไป๋จูล่งหมายจะโจมตีให้มันได้รู้ถึงความเจ็บปวดเสียบ้าง แต่ก็เหมือนเช่นเดิม จูล่งใช้ดวงตาสีเงินมองผ่านครู่เดียวก็เดินไปยังจุดที่การโจมตีจะเข้าไม่ถึงตัวอย่างง่ายดาย

“อะไรกัน…”เจ้าลัทธิมารฟ้าอดประหลาดใจไม่ได้ การโจมตีด้วยพลังของอาวุธมารหลายๆชิ้นพร้อมกันไม่ใช่จะหลบได้ง่ายๆ แม้แต่ไป๋หลินที่มีดวงตาสีแดงคอยช่วยยังทำได้แค่พุ่งตัวหลบจนเข้ามาโจมตีจางหลงได้เท่านั้น แต่นั่นก็ต้องแลกด้วยการโดนรากไม้ดำมัดร่างเอาไว้ในท้ายที่สุด แต่จูล่งยามนี้กลับเดินผ่านรากไม้ดำได้ราวกับมันไม่ได้พยายามมัดร่างไป๋จูล่งเอาไว้เลย

“พี่ชาย ทำไมท่านต้องโกรธข้าด้วยล่ะ”จูล่งถามพลางเอียงคอสงสัย มันก็แค่ไม่ได้อยากเข้าเป็นลูกน้องของมันเท่านั้น ทำไมต้องมาโจมตีมันด้วยเล่า

“โกรธงั้นหรือ”เจ้าลัทธิมารฟ้าว่าพลางบังคับรากไม้ดำและสร้างเสาน้ำแข็งปกคลุมรอบข้างไป๋จูล่งเอาไว้ไม่ให้มีทางหนี ก่อนจะพุ่งวาบเข้าไปไป๋จูล่งด้วยความเร็วที่คนธรรมดาไม่มีทางมองทัน มันง้างดาบมรกตในมือก่อนจะฟันเข้าใส่ไป๋จูล่งเข้าอย่างจัง

เคร๊ง!! แม้จะใช้ดวงตาสีเงินมองอนาคตได้ แต่โดนปิดทางทั้งหมดจูล่งก็ไม่มีทางเลือกต้องรับการโจมตีอย่างช่วยไม่ได้ เพียงแต่….

“พี่ชาย ข้าขอโทษ”จูล่งสะดุ้งวาบเมื่อฝ่ามือตัวเองกระแทกดาบมรกตที่โจมตีเข้ามาจนแตกกระจาย พริบตานั้นไม่ใช่แค่เจ้าลัทธิจางหลง ทั้งหยงเวย ไป๋หลิน ชิงชิว รวมทั้งไป๋ไป่ที่ทราบความแข็งแกร่งของดาบมรกตเป็นอย่างดีถึงกับใจหาบวาบ ตลอดมาเกือบร้อยปีที่ดาบมรกตอยู่ในมือหยงเวยมา มันไม่มีแม้แต่รอยบิ่นต่อให้ปะทะกับยอดศาสตราอย่างกระบี่ทัณฑ์สวรรค์หรือดาบราชันศาสตราก็ตาม แต่ยามนี้จูล่งกับหักดาบมรกตด้วยท่าทีราวกับเผลอทำไม่มีผิด

“…….”จางหลงเองก็อึ้งไปเช่นกันเมื่ออาวุธมารที่มันมั่นใจโดนทำลาย แม้วิญญาณของโทสะจะไม่อยู่ในดาบมรกตแล้ว แต่มันก็ผูกกับวิญญาณของจางหลงแทน ทำให้ความแข็งแกร่งน่าจะเหมือนเดิมไม่มีวันแตกหัก แล้วทำไม…..

ตูมๆๆๆๆ !!! พริบตานั้นเจ้าลัทธิจางหลงตระหนักได้ทันทีว่าจูล่งนั้นไม่ใช่คนธรรมดา มันจะกลายเป็นเสี้ยนหนามในการสร้างอาณาจักรในฝันของมันอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นมันต้องจัดการไป๋จูล่งมันเสียตรงนี้ ไม่อย่างนั้นความพยายามที่มันทำมาต้องเสียเปล่าอย่างแน่นอน

“พี่ชาย ท่านใจเย็นก่อนนะ เรื่องอาวุธข้าขอโทษจริงๆ”จูล่งว่าพลางเดินหลบการโจมตีของจางหลงที่ทำเอาภูเขาทั้งลูกสะเทือนเลื่อนลั่นด้วยท่าทีสบายๆ มันยังมีเวลาว่างทำปางห้ามญาติหมายจะให้จางหลงใจเย็นลงได้อยู่เลย

“พี่ชายข้ามีเงินไม่มาก แถมมันยังเป็นเงินพี่สาวข้าด้วย เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ข้าจะไปขออนุญาตพี่สาวก่อนหากนางยอมข้าจะให้เงินที่ข้ามีชดใช้ท่านนะ”จูล่งว่าพลางหันหลังวิ่งไปทางไป๋หลินเสียอย่างนั้น ระหว่างทางต่อให้จางหลงโจมตีมาด้วยพลังแบบไหนซับซ้อนเพียงไรจูล่งก็หลบได้โดยไม่ต้องหันไปมองเสียด้วยซ้ำ

“พี่สาว”จูล่งวิ่งมาจนถึงจุดที่ไป๋หลินยืนอยู่ ตัวนางแม้จะทราบพลังของจูล่งแล้ว แต่พลังของจูล่งก็อยู่เพียงระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 10 และพลังอสูรระดับบรรพกาลขั้นที่ 10 ไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงยังสามารถรับมือจางหลงที่มีพลังเหมือนเจ้าสวรรค์ระดับ 10 รวมกัน 7 คนได้กัน

“จูล่ง ทำไมเจ้าไม่โจมตีมันบ้าง”ไป๋หลินถามด้วยท่าทีงุนงง เห็นได้ชัดว่าจูล่งมีช่องโจมตีอยู่หลายครั้ง แต่มันก็เอาแต่หลบไม่โจมตีสวนเลยแม้แต่ครั้งเดียว

“โจมตี ข้าโจมตีไม่ได้หรอก”จูล่งตอบพลางกะพริบตาปริบๆ มันกำลังจะมาขอพี่สาวเรื่องเอาเงินไปชดเชยให้จางหลง แต่กลับโดนพี่สาวบอกให้โจมตีจางหลงเสียอย่างนั้น

“โจมตีไม่ได้? ทำไมถึงเป็นแบบนั้นกัน”ชิงชิวเองก็สงสัย มันเองก็เห็นช่องโจมตีของจูล่งหลายต่อหลายครั้งเช่นกัน

“ก็ท่านพ่อบอกข้าว่าห้ามทำร้ายผู้อื่นนี่นา”จูล่งตอบออกมาตามตรง ก่อนออกจากหมู่บ้านทั้งท่านพ่อทั้งท่านน้ามังกรก็กำชับมันเสียหนักแน่น มันเลยไม่สามารถโจมตีจางหลงได้นั่นเอง

“น้องจูล่ง ฟังข้านะ”ชิงชิวว่าพลางจับบ่าทั้งสองข้างของจูล่งเอาไว้แน่น

“เจ้านั่นเป็นโครงกระดูกที่โดนอาวุธมารเข้าครอบงำเท่านั้น มันไม่ใช่มนุษย์”ชิงชิวพูดด้วยท่าทีหนกแน่น มันเห็นความซื่อของจูล่งมาแล้ว มันจึงต้องหาข้ออ้างจูงใจให้จูล่งโจมตีเสียก่อน

“ไม่ใช่มนุษย์”จูล่งขมวดคิ้วมองไปทางจางหลงอีกที จะว่าไปพลังรอบๆตัวจางหลงก็เป็นพลังแบบอื่นที่มนุษย์ไม่มี นอกจากนี้เมื่อใช้ดวงตาสีเขียวลองมองดูก็พบว่าภายในของจางหลงนอกจากโครงกระดูกของมนุษย์แล้วก็ไม่มีอะไรเหมือนมนุษย์เลย

“ใช่ เพราะฉะนั้นเจ้าโจมตีมันได้”ชิงชิวว่าพลางตบบ่าจูล่งเบาๆ

“จูล่ง เจ้านั่นมันจะทำร้ายพี่ ถ้าเจ้าไม่โจมตีมันจะทำร้ายคนอื่นๆเช่นกัน”ไป๋หลินพยายามหาแรงจูงใจให้จูล่งโจมตีจางหลง ซึ่งคำว่ามันจะทำร้ายพี่สาวของจูล่งก็ดูเหมือนจะได้ผลทีเดียว

“งั้น ข้าจะหยุดมันเอาไว้”จูล่งว่าพลางหันไปมองทางจางหลง ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นคน…ไม่สิเป็นบางสิ่งที่ไม่ดี จูล่งก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องออมมือ

“เจ้าคิดว่าทำได้ก็ลองดูเลย”จางหลงที่เริ่มหงุดหงิดกับท่าทีของจูล่งไม่น้อย พลังของมันมีท่วมท้นอย่างที่หวังเอาไว้ แต่กลับทำอะไรจูล่งไม่ได้เลย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่คิดว่าจูล่งจะทำอะไรมันได้เช่นกัน

วูม… อยู่ๆจูล่งก็เรียกเอาทวนสีเงินออกมาจากมิติของตนเองทำเอาไป๋หลินประหลาดใจไม่น้อย มารดาของนางใช้กระบี่ ส่วนบิดาใช้วิชาฝ่ามือ พวกท่านน้าต่างไม่มีใครใช้อาวุธ แล้วเหตุใดจูล่งถึงใช้ทวนกัน แล้วใครเล่าเป็นผู้สอนวิชาทวนให้กับมัน แถมทันทีที่เอาทวนออกมา จูล่งก็เลิกปกปิดพลังของตนพลันปล่อยพลังของตนออกมาอย่างเต็มที่ แม้จะไม่มากเท่าจางหลง แต่ระดับพลังของจูล่งก็เป็นระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 10 และระดับบรรพกาลขั้นที่ 10 ที่สูงมากทีเดียว บางทีอาจจะสูงกว่าเหม่ยหลินหรือแม่แต่ตัวไป๋จูเหวินเองเสียด้วยซ้ำ

“นี่มัน…..”อยู่ๆจางหลงก็เหมือนกับสัมผัสบางอย่างที่คุ้นเคยได้ มีบางอย่างเหมือนกับกลิ่ยอายจางๆที่ออกมาจากตัวจูล่งที่ทำให้มันรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยเจออะไรแบบนี้มาจากอดีต

วูบ…อยู่ๆพลังของจูล่งก็เพิ่มขึ้นไปหลายเท่าทั้งๆที่จูล่งไม่ได้ใช้พลังลมปราณมังกรหรือวิชาอสูรวัฒนะเสียด้วยซ้ำ

“นั่นมันอะไร…”ไป๋หลินสะท้านวาบพลางมองไปที่ใบหน้าของจูล่ง ยามนี้บนหน้าผากของมันมีรอยสีดำเหมือนรอยสักรูปดวงตาแมงมุม 6 ดวงปรากฏขึ้นบนใบหน้า ส่วนดวงตาจริงๆของมันนั้นข้างหนึ่งกลับเป็นสีเงินและอีกข้างก็เป็นสีขาวดูแล้วเหมือนจูล่งกำลังใช้เนตรแมงมุมทั้ง 8 พร้อมกันทั้งๆที่ตัวไป๋จูเหวินยังไม่สามารถใช้ดวงตาสีเงินได้ตามต้องการ และยังไม่ทราบเสียด้วยซ้ำว่าดวงตาที่ 8 คืออะไร

ฟุบ! ขณะกำลังตกตะลึงอยู่ๆจูล่งก็หันทวนเข้าไปหาจางหลง ก่อนจะพุ่งตัววาบเข้าใส่จางอย่างเชื่องช้า

“คิดว่าข้าจะรอให้โดนหรือยังไง”จางหลงมองทวนที่จูล่งชี้มาทางตนด้วยท่าทีหวาดหวั่น มันรวมพลังเอาไว้ที่ทวนจนเห็นได้ชัดเลยว่ากำลังจะใช้ทวนแทงเข้ามา จางหลงจึงวิ่งหลบออกมาอย่างรวดเร็ว เพียงแต่พริบตาต่อมามันก็กลับมายืนที่เดิมเสียอย่างนั้น

“นี่มัน….”จางหลงเบิกตากว้างมองภาพทวนของจูล่งที่พุ่งเข้ามาหาตนเองมันพยายามหนีอีกครั้งแต่รู้ตัวอีกทีก็กลับมายืนในตำแหน่งเดิมเสียแล้ว พลังแปลกประหลาดพิสดารเช่นนี้มันไม่ใช่ว่าไม่เคยสัมผัสมาก่อน เพียงแต่สิ่งที่ทำเช่นนี้ได้นั้น…..

“ฝันร้ายสีขาว”จางหลงเบกตามองทวนของจูล่งที่กำลังทิ่มเข้ามาในร่างของมัน รอบๆใบทวนนั้นปกคลุมไปด้วยแสงสีขาวทำให้มันสามารถแทงผ่านกล้ามเนื้อที่สร้างจากอาวุธมารของเข้ามาได้อย่างง่ายดาย แถมทันทีที่แทงเข้ามาพลังของจูล่งก็กระจายไปทั่วร่างของจางหลงฉีกจางหลงจากภายในเป็นชิ้นๆ การโจมตีนี้เหมือนกับการโจมตีของฝันร้ายสีขาวที่จางหลงเคยเจอในอดีตไม่มีผิด มันคือการโจมตีที่ทำให้จางหลงเฉียดตายจนต้องสร้างแผนการฟื้นคืนชีพในอีกพันปีต่อมานั่นเอง เกรงว่าคนที่โดนการโจมตีแบบนี้เข้าแล้วยังรอดมาได้ จะมีเพียงอสูรปักเป้าเท่านั้น