ตอนที่ 56-2 ที่นั่งที่ว่างเปล่า

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

เมื่อออฮยูลเจนั่งลง ทุกคนก็นั่งตามจึงทำให้กโยซึลไม่สามารถสอดส่องมองต่อไปได้ นางจึงนั่งลงแล้วชำเลืองมองไปทางด้านซ้าย ณ โต๊ะตัวที่สามก็ยังมีเพียงยอมินนั่งอยู่คนเดียว แม้งานเลี้ยงจะเริ่มแล้วแต่การที่ยังไม่มีใครมานั่งนั้นก็ทำให้คิดว่ารูแฮคงจะไม่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้

 

 

“ชายา” เมื่อบีพาอันเรียกกโยซึล นางก็ตกใจแล้วรีบหันไปหาเขา บีพาอันกำลังจ้องมองกโยซึลอยู่ “ถ้าหากเป็นห่วงที่พระชายาฮวางเซจาทรงนั่งอยู่คนเดียว ชายาจะไปนั่งตรงนั้นด้วยเลยก็ได้”

 

 

“ม ไม่เพคะ มิเป็นไรเพคะ”

 

 

เพิ่งจะให้คำมั่นสัญญาไปว่าจะปฏิบัติตนให้เรียบร้อยแต่ก็ถูกตำหนิอีกแล้ว และเขาก็ยังรู้อีกว่านางกำลังมองไปที่ใด กโยซึลหน้าร้อนวูบวาบเพราะเกรงว่าเขาจะรู้สาเหตุถึงการมองไปที่โต๊ะนั้น ใบหน้าของกโยซึลเริ่มแดงขึ้น แล้วนางก็ละสายตาลง

 

 

เหล่านางรำที่แต่งตัวสวยงามกำลังเดินเข้ามาที่บริเวณลานด้านหน้าที่ทำจากหินแบนราบ ทว่ากโยซึลนั้นแม้จะดูนางรำที่สวยงามอยู่ แต่ในหัวของนางก็เอาแต่คิดถึงเรื่องอื่น แน่นอนว่าบีพาอันรู้ว่าที่กโยซึลหันไปมองด้านซ้ายบ่อยๆ นั้นไม่ได้เป็นเพราะยอมิน และยิ่งการที่เขาทำเป็นไม่รู้นั้นมันยิ่งทำให้อึดอัดใจเสียยิ่งกว่าการที่ถามออกมาตรงๆ ช่างน่ากลัวที่เขาทำเป็นไม่รู้ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจ

 

 

แม้หลังจากนั้นจะมีการสังสรรค์ใหญ่เกิดขึ้น รวมไปถึงเหล่าข้าราชการต่างต่อแถวเพื่อถวายของขวัญ แต่กโยซึลก็ไม่สามารถที่จะจดจ่อได้เลย อาหารอันเลิศรสที่ถูกจัดไว้บนโต๊ะ นางก็ค่อยๆ กินอย่างเชื่องช้า เมื่อพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดง งานเลี้ยงก็จบลง เชื้อพระวงศ์ที่นั่งอยู่ชั้นบนสุดกับชั้นที่สองเริ่มลุกขึ้นก่อน เมื่อเดินออกไปจากงานเลี้ยงแล้ว กโยซึลก็กำลังจะเดินไปทางพระราชวังตะวันออก แต่บีพาอันก็คว้าข้อมือของนางเอาไว้

 

 

“งานเลี้ยงภายนอกได้จบลงแล้ว ต่อไปเชื้อพระวงศ์จะต้องร่วมอาหารเย็นกันเป็นการภายใน”

 

 

ดูเหมือนตนจะได้ยินเรื่องนี้มาจากแม่นมแล้วเมื่อตอนเช้า กโยซึลหน้าแดงอีกครั้งแล้วเดินตามบีพาอันไป เหล่าเชื้อพระวงศ์ที่เดินออกมาจากงานเลี้ยงเริ่มตั้งแต่ออฮยูลเจนั้น ทุกคนเดินเข้าไปในที่ที่ดูเหมือนสวนหลังวังที่อยู่ทางด้านเหนือของพระราชวังกลาง ที่แห่งนั้นเรียกว่า ‘ฮวังยอนรู’ เป็นสถานที่จัดเลี้ยงที่เข้าได้เฉพาะเชื้อพระวงศ์เท่านั้น ที่นี่มีการตกแต่งเหมือนกับสวนหลังวัง ที่กลางสวนมีอาคารหลังหนึ่งตั้งอยู่ แต่อาคารหลังนี้มีกำแพงด้านเดียว ส่วนสามด้านที่เหลือนั้นเปิดออกมีลักษณะคล้ายกับศาลา

 

 

ในฮวังยอนรูนี้มีออฮยูลเจเท่านั้นที่นั่งบนเบาะรองนั่งที่อยู่ในระดับสูงขึ้นมานิดหน่อย ส่วนเชื้อพระวงศ์คนอื่นๆ นั้นนั่งบนเบาะรองนั่งเล็กๆ ล้อมรอบให้ออฮยูลเจอยู่ตรงกลาง เชื้อพระวงศ์ที่ได้เข้างานเลี้ยงภายในนี้มีออฮยูลเจ ฮวังฮู แทรยอง ฮวังบีทั้งสอง และองค์รัชทายาทกับชายาจากทั้งสี่วัง ทุกคนนั่งในที่ของตนแล้วเหล่าข้ารับใช้ก็เดินก้มหัวเข้ามาวางจัดสำรับแล้วถอยหลังกลับออกไป

 

 

“ได้มารวมกันที่เดียวแบบนี้จิตใจของข้าพเจ้าก็เป็นสุข”

 

 

“เป็นพระมหากรุณายิ่งพ่ะย่ะค่ะ/เพคะ” เมื่อเหล่าเชื้อพระวงศ์พูดพร้อมกัน ออฮยูลเจก็ขมวดคิ้วแล้วโบกมือไปมา

 

 

“ที่นี่เป็นที่ส่วนตัวขอให้ทุกคนพูดคุยอย่างสบายๆ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่อาหารเย็นจะถูกนำเข้ามา ก็อยากจะให้ทุกคนได้พูดคุยกันอย่างไม่เขินอาย และสร้างความสนิทสนมกันภายในครอบครัว”

 

 

ออฮยูลเจจบการพูดด้วยประโยคนั้น แล้วฮวังฮู แทรยอง กับฮวังบีทั้งสองที่นั่งอยู่ก็ยิ้มแย้มออกมา ในไม่ช้านักดนตรี นางรำ และข้ารับใช้ก็เข้ามา แต่ก็ต้องเล่นดนตรีและเต้นรำอย่างเบาๆ เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนเชื้อพระวงศ์ที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

 

 

บีพาอันเทเหล้าที่อยู่ข้างหน้าดื่มอย่างไม่พูดไม่จา ส่วนกโยซึลนั่งอยู่กับบีพาอัน และนั่งห่างจากกโยยองจึงไม่สามารถพูดคุยกับนางได้อย่างสะดวกสบาย และเนื่องจากที่นี่เป็นที่ที่นางสนมตำแหน่งกุงบอนไม่สามารถเข้ามาได้สนมเอกซาที่เป็นคนสนิทก็ไม่อยู่ด้วย ในสายตาของกโยซึลที่นั่งอยู่อย่างประหม่าเห็นมูที่นั่งอยู่อย่างเรียบร้อยกำลังลุกขึ้น มูเลี่ยงจากมือของดึกวอลและโอรัน แล้วรีบวิ่งไปหาฮวังฮู แทรยอง

 

 

“ท่านย่า” มูเข้าไปโอบกอดที่กระโปรงของฮวังฮู แทรยองอย่างน่ารักเหมือนกับที่ทำกับกโยซึล ฮวังฮู แทรยองคงจะรู้สึกว่ามูน่ารักมากจึงทำให้ดวงตารูปพระจันทร์เสี้ยวของนางโค้งขึ้นไปกว่าเดิม

 

 

“โอ้ ว่าอย่างไร แทฮวางกุน มูของย่า”

 

 

“ท่านย่า ขอแบคเยหน่อยพ่ะย่ะค่ะ หลานเบื่ออยากเล่นกับแบคเยพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“งานเลี้ยงคงจะเงียบเหงาน่าดูสำหรับมูที่ยังเยาว์วัย เข้าใจแล้ว เดี๋ยวย่าจะให้แบคเย แล้วจงเล่นอย่างสงบล่ะ”

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ”

 

 

แทรยองฮวังฮูยกมือขึ้นอย่างมีความสุขลูบศีรษะของมูที่กำลังพูดตอบ แล้วก็ส่งพังพอนที่นั่งอยู่บนไหล่อย่างสงบเสงี่ยมให้กับมู แบคเย มีความหมายว่าสิงโตสีขาวแต่นี่เป็นชื่อของพังพอนสีขาว มูที่ได้รับแบคเยมาจากฮวังอู แทรยองลูบมันไปยิ้มไปอย่างมีความสุข

 

 

“ท่านย่า หลานจะมิทำแบคเยหายเป็นอันขาด ขอพาไปเล่นที่สวนหลังวังได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ หลานจะไปเล่นมิไกลจากที่นี่ โปรดอนุญาตด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

มูยกมืออ้อนวอนฮวังฮู แทรยอง แล้วฮวังฮู แทรยองพยักหน้าตอบด้วยสีหน้าที่ปฏิเสธไม่ได้ มูเดินก้มศีรษะพาแบคเยเดินออกมาจากฮวังยอนรูไปนั่งเล่นอยู่ไม่ไกลนัก ออฮยูลเจยิ้มให้กับท่าทางของมู แต่แล้วเมื่อเขามองไปรอบๆ ใบหน้าของเขาก็แข็งทื่อ ฮวังฮู แทรยองคงจะรับรู้ได้ถึงใบหน้าที่แข็งทื่อของออฮยูลเจจึงได้หันไปมองเขา รอยยิ้มบนใบหน้าของออฮยูลเจถูกลบทิ้งไปหมดและในดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ

 

 

“ว่าแต่ รูแฮอยู่ที่ใดหรือ”

 

 

ในที่สุดออฮยูลเจก็รับรู้ถึงการไม่มีอยู่ของรูแฮ ภายในฮวังยอนรูเงียบลงเพราะน้ำเสียงทุ้มต่ำของออฮยูลเจ นักดนตรีที่เล่นดนตรีอยู่คงจะรับรู้ถึงบรรยากาศในตอนนี้ นิ้วของพวกเขาจึงหยุดเล่นดนตรี นางรำที่รำอยู่ก็นั่งลงกับพื้น ณ ตรงนั้นแล้วก้มหน้าลง

 

 

ความเงียบงันเย็นยะเยือกดำเนินต่อไป แต่ว่าก็ไม่มีใครตอบคำถามของออฮยูลเจได้ สีหน้าของเขาเริ่มดำคร่ำเครียด

 

 

“ในวันมงคลเช่นนี้ ข้าพเจ้าถามว่ารูแฮอยู่ที่ใด”

 

 

ทุกคนในฮวังยอนรูถูกกดดันอย่างหนักด้วยน้ำเสียงที่เบาและทุ้มต่ำของออฮยูลเจ