“ อะไรนะ ? นายจะไปคนเดียว ? ” ชุยอี้ผิงมองหยางโปอย่างแปลกใจ เขาขมวดคิ้ว และสั่งห้ามทันที “ ไม่ได้ นายจะไปคนเดียวไม่ได้ ! นายต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองด้วย ถ้าเกิดช่วยลัวย่าวหัวกลับมาไม่ได้ แล้วนายเอาตัวเองเข้าไปพัวพันอีก ถ้าแบบนั้นมันจะไม่แย่หรือไง ? ”
หยางโปมองหน้าชุยอี้ผิง ” นายคิดว่าจะมีสักกี่คนที่จะปล่อยให้ฉันรอด ”
ชุยอี้ผิงจ้องหน้าหยางโป มองใบหน้าที่มั่นใจของเขา แต่ยังคงส่ายหน้าและพูดว่า ” ยังไงซะฉันก็ไม่เห็นด้วย นายจะไปคนเดียวไม่ได้ ! ”
“ นายวางใจได้ ถ้ามีปัญหาขึ้นมาจริงๆ ฉันไม่มีทางไปคนเดียวแน่ ” หยางโปพูด “ ห้าล้านเตรียมไว้พร้อมหรือยัง ? ”
“ ไม่ ยังขาดอีกนิด ” ชุยอี้ผิงตอบ หยางโปเหลือบไปมอง มีกล่องใบใหญ่อยู่ที่นี่สองใบ แต่ละกล่องน่าจะหนักประมาณยี่สิบสามสิบกิโลได้ น่าจะห้าล้านพอดี ! หยางโปก้าวไปยกกล่องขึ้นมาและเดินออกไป
แต่ชุยอี้ผิงกลับรีบร้องห้ามเขาเอาไว้ ” ฉันจะไปเป็นเพื่อนนายเอง ! ”
หยางโปส่ายหน้า “ นายวางใจได้ ไม่มีเรื่องอะไรหรอก ! ”
ชุยอี้ผิงจ้องหน้าหยางโปอย่างหมดทางเลือก ” นายก็น่าจะรู้ดี คุณปู่ไม่อยากให้นายไปเสี่ยงอันตราย ”
“ ครั้งนี้มันไม่ได้มีอันตรายอะไร นายวางใจได้ ตอนที่คุณปู่เห็นประตูบ้านของฉันที่ถูกทุบจนมีสภาพแบบนั้นเมื่อครั้งที่แล้ว เริ่มแรกก็ไม่ใช่ว่ากังวลมาก แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรมากอีก
นายลองคิดดูว่ามันเป็นแบบนั้นจริงไหม ? ” หยางโปพูด
ชุยอี้ผิงจนปัญญา ” งั้นก็ได้ นายก็พยายามติดต่อมาหาฉันตลอดก็แล้วกัน ! ”
“ โอเค ! ” หยางโปตอบ
หยางโปวางกระเป๋าเดินทางไว้ที่เบาะหลัง ขึ้นรถ และขับตรงไปยังชานเมือง พลางโทรหาชายที่แซ่หวงคนนั้นไปด้วย
“ ผมเตรียมเงินไว้แล้วห้าล้าน ตอนนี้ให้ไปที่ไหน ? ” หยางโปถาม
ชายคนนั้นหัวเราะขึ้นมาทันที “ คุณหยางรักษาคำพูดจริงๆ คุณขับรถไปที่ถนนวงแหวนรอบที่สี่ตะวันออกแล้ว ด้านนอกสุสานหมิงติงหลิง ผมจะรอคุณอยู่ที่นั่น ! ”
หยางโปอึ้งไปครู่หนึ่ง แต่ยังคงขับรถตรงไป เขารู้สึกแปลกใจมาก ทำไมอีกฝ่ายถึงให้เขาไปที่นั่น เป็นไปได้ไหมว่าอีกฝ่ายหนึ่งเป็นลูกหลานของราชวงศ์หมิง แต่เขาจำได้แม่นมากว่า หลายวันมานี้เขาไม่ได้ขุดหลุมฝังศพของราชวงศ์หมิง และไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับสุสานของราชวงศ์หมิงเลย
หยางโปคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ แต่เขายังคงขับรถมุ่งหน้าไปที่สุสานหมิงติงหลิง หลังจากขับรถมาได้นานกว่าสิบนาที โทรศัพท์ก็ดังขึ้น หยางโปก้มมองกลับเป็นสายโทรเข้าจากชุยอี้ผิง
“ ฉันไม่เป็นไร นายสบายใจได้ ”
เสียงของชุยอี้ผิงดูค่อนข้างร้อนใจ ” นายอยู่ที่ไหน ฉันเป็นห่วง เลยบอกคุณปู่ไปแล้ว ”
“ นายสบายใจได้ ไม่เป็นไร ฉันกำลังขับรถอยู่ แค่นี้นะ ” หยางโปกดตัดสายทิ้งไปทันที
ผ่านไปสักพัก โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เดิมหยางโปคิดที่จะกดสายทิ้งไป แต่เมื่อเขาหยิบขึ้นมาดู สายนี้กลับเป็นชายแซ่หวงที่โทรเข้ามา
“ เปลี่ยนที่นัดพบ คุณขับตรงไปที่วัดกวนกง ” อีกฝ่ายพูด
หยางโปตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ” ผมไม่รู้ว่าวัดกวนกงอยู่ที่ไหน ”
อีกฝ่ายชี้แนะให้เล็กน้อย ” พอคุณมาถึงผมก็จะสามารถมองเห็นคุณได้ ”
หยางโปทำตามคำแนะนำของอีกฝ่าย ขับรถตรงไปข้างหน้า แต่เขาค่อนข้างจะสงสัย คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะพูดกับเขาแบบนี้ อีกฝ่ายน่าจะอยู่ใกล้ๆนี้ หรืออาจจะไปไม่ถึงที่นั่นเลยด้วยซ้ำ
เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ แต่สิบนาทีก่อนที่หยางโปจะไปถึงที่หมาย อีกฝ่ายก็โทรมาอีกครั้ง
“ ตอนนี้คุณเลี้ยวซ้ายแล้วขับตรงไปอีกสองกิโลเมตร ! ” novel-lucky
เมื่อหยางโปได้ยินเสียงของอีกฝ่าย ก็อดที่จะมองไปรอบๆไม่ได้ ที่นี่เปลี่ยวและอยู่นอกชานเมือง
ไม่มียานพาหนะสัญจรไปมาหรือผู้คนอยู่เลย อีกฝ่ายหนึ่งจะรู้ตำแหน่งที่แน่ชัดของเขาได้ยังไง ?
“ คุณหยาง ไม่ต้องมองแล้ว ขับตรงไปข้างหน้า เราก็จะเจอหน้ากันแล้ว ! ” ชายคนนั้นกล่าว
หยางโปรู้สึกตงิดใจ เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะอยู่ในระยะสายตาที่มองเห็นได้ หลังจากที่เขาครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก็นึกขึ้นมาได้ว่า ต่อให้อีกฝ่ายมีกล้องส่องทางไกล มันก็คงยากที่จะส่องเห็นป้ายทะเบียนรถได้ในขณะที่ไฟหน้ารถส่องสว่าง !
มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว มีจีพีเอสระบุตำแหน่งติดมากับรถของเขา !
หยางโปอดใจรอ ในเมื่ออีกฝ่ายสามารถมองเห็นเส้นทางการขับขี่ของเขาได้ คงสังเกตเห็นความเร็วของเขาด้วยเช่นกัน เมื่อสักครู่ตอนที่เขาชะลอรถมองไปรอบๆ ความเร็วได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด อีกฝ่ายน่าจะคาดเดาการเคลื่อนไหวของเขาจากสาเหตุนี้ เขาจึงไม่ได้มองหาจีพีเอสระบุตำแหน่ง แต่เลือกขับรถตรงไปด้านหน้าต่อ
ที่นี่เป็นถนนสายหนึ่งในเขตชนบท ถนนไม่ค่อยกว้างมาก มีทุ่งนาอยู่สองข้างทาง และมีสามแยกอยู่ตรงด้านหน้า จากนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น “ เลี้ยวซ้าย ! ”
หยางโปไม่ได้ถือสาและเก็บเอามาใส่ใจ ตรงถนนทางด้านซ้ายมีพุ่มไม้หนาทึบอยู่ ในขณะที่รถกำลังจะเลี้ยวเข้าไปนั้น เขาก็ได้หันไปทางซ้าย มือข้างหนึ่งของหยางโปพลางถือโทรศัพท์ไปด้วย พลางเลี้ยวรถไปทางซ้ายด้วย !
เมื่อเข้าใกล้ ดวงตาของหยางโปก็เบิกกว้าง เพราะเขาเห็นมีรถบรรทุกขนาดใหญ่คันหนึ่งกำลังขับแล่นตรงมาทางแยกด้านซ้ายของเขา ! รถบรรทุกไม่ได้เปิดไฟ แต่ขับมาด้วยความเร็วสูงมาก !
หยางโปนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอื้อมมือข้างหนึ่งไปเปิดประตูรถและรีบโดดตัวออกไปด้านนอกทันที !
“ ปัง ! ”
หยางโปกลิ้งตกลงไปอยู่ในทุ่งนา เขาได้ยินเสียงชนปะทะกันดังสนั่น จากนั้นเขาก็ได้เงยหน้ามองขึ้นไปและเห็นรถสองคันชนกัน ด้านหน้ารถของเขาถูกชนจนพังยับ ล้อรถถูกบดอัดเข้าไปอยู่ถึงที่นั่งคนขับ ถึงได้ดูเอียงเล็กน้อย
“ ปัง ! ”
จากนั้นก็มีเสียงดังสนั่นตามมาอีกเสียงหนึ่ง ” กร๊อบ ” รถบรรทุกศูนย์เสียการบังคับโน้มเอียงไปทางป่าด้านซ้าย รถได้ไถลชนกิ่งไม้หักไปจำนวนมาก
หยางโปจ้องดูสถานที่เกิดเหตุและเหลือบไปมองโทรศัพท์อีกครั้ง เขาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าเป้าหมายของอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ที่ เงินห้าล้านจริงๆ แต่เป็นตัวเขา !
หยางโปกำลังหมอบอยู่ในทุ่งนา โดยไม่ได้ขยับเขยื้อน เขาสวมชุดดำอยู่ในความมืดจึงมองไม่เห็น
ไม่นาน รถทั้งสองคันก็หยุดลง หยางโปเห็นชายหัวล้านเดินออกมา จากนั้นชายหัวล้านก็ชี้ไปที่รถที่พังยับและสบถด่าว่า “ คนบัดซบอย่างแกทำมาเป็นเสแสร้ง ตอนนี้ไม่ต้องมาทำเป็นเสแสร้งอีกแล้ว แกสามารถไปพบยมบาลที่นรกได้แล้ว ! ”
หยางโปจำเสียงนี้ได้ มันเป็นเสียงของหวังเสี่ยวชี !
จากนั้นหยางโปก็เห็นมือของลัวย่าวหัว ถูกมัดมือไขว้หลัง ถูกคนสองคนลากตัวออกมา ลัวย่าวหัวจ้องมองรถที่พังยับ ตกตะลึงเงียบไปครู่หนึ่ง เขาพยายามดิ้นรนที่จะเดินไปด้านหน้า ชายสองคนที่คุมตัวเขากลับไม่ได้จับตัวเขาเอาไว้ ลัวย่าวหัวรีบวิ่งตรงไปที่รถและตะโกนด้วยเสียงอันดังว่า
” หยางโป นายออกมาหาฉันเดี๋ยวนี้นะ อย่ามาแกล้งทำเป็นตาย นายมันไอ้โง่ ฉันยังคิดจะร่วมมือกับนายฆ่าพวกมันอยู่นะ ! ”
หวังเสี่ยวชีหัวเราะเสียงดัง “ เขาตื่นขึ้นมาไม่ได้อีกแล้ว พวกแกเป็นเพื่อนซี้กันไม่ใช่หรือไง ? พวกแกสามารถอยู่ด้วยกันตลอดไปได้แล้ว อยู่ที่นี่ไง แกดูสิที่นี่ลมเย็นสบาย ต้นไม้เขียวชอุ่ม ทิวทัศน์สวยงามขนาดนี้ เป็นหลักของฮวงจุ้ยที่ดีเลย ! ” “ ไอ้สารเลว ต่อให้ฉันตาย ก็ต้องลากแกไปตายด้วยให้ได้ ! ” ลัวย่าวหัวเหลือบมองหวังเสี่ยวชีและร้องคำรามออกมาด้วยความโกรธ