บทที่ 1963+1964

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1963 เด็กน้อยลามกเช่นนี้ไม่ดีเลย

ทว่าเสื้อผ้าของเธอขยายไปพร้อมกับตัวเธอไม่ได้ หากกลับคืนรูปลักษณ์เดิมที่นี่ เสื้อผ้าก็จะคับลงในทันใด ไม่แน่ก็อาจจะฉีกขาด หากล่อนจ้อนต้องแย่แน่ๆ!

กู้ซีจิ่วไม่พูดจาอันใดไปชั่วขณะ เสินเนี่ยนโม่จ้องมองใบหน้าพริ้มเพราของนาง นัยน์ตาฉายแววครุ่นคิด

“หรือว่าเจ้าคือแม่เฒ่าเทียนซานแห่งทวีปเสินโม่? (แม่เฒ่าเทียนซานคือตัวละครในแปดเทพอสูรมังกรฟ้า อายุกว่าร้อยปี ทว่ากลับรักษารูปลักษณ์อ่อนเยาว์ของเด็กสาวไว้ ไม่มีทางโตเป็นผู้ใหญ่และไม่มีทางแก่ชรา)”

เจ้าเด็กนี่รู้มากเสียเหลือเกิน! เป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง

ไม่เสียแรงที่เป็นบุตรของคนที่ทะลุมิติมา…

ดูท่ามารดาของเขาจะเล่าเรื่องของยุคปัจจุบันให้ฟังเสมอ

ริมฝีปากของเธอหยักโค้งยิ้มบางๆ กู้ซีจิ่วไม่พูดถึงการคาดเดาของเสินเนี่ยนโม่สักคำ เพียงพูดแค่ว่า

“ข้าเคยเห็นตอนเจ้าสวมกางเกงเปิดเป้าก็แล้วกัน”

เสินเนี่ยนโม่นิ่งอึ้ง

นี่ช่างเป็นการโจมตีจุดสำคัญหมื่นจุด!

หากคนอื่นพูดเช่นนี้ เสินเนี่ยนโม่จะต้องเหน็บแนมกระแทกกระทั้นอย่างแน่นอน แต่เมื่อเด็กหญิงเบื้องหน้าเป็นคนพูด เสินเนี่ยนโม่กลับหัวเราะ นัยน์ตาฉายแววเหย้าแหย่

“อืม แล้วตอนข้าสวมกางเกงเปิดเป้า เจ้าเห็นอะไรบ้าง?”

เจ้าเด็กลามก!

หนังหน้ากลับหนายิ่งนัก! อายุหกขวบก็หนังหน้าหนาขนาดนี้แล้วจะดีหรือ?

เด็กวัยนี้ไม่ใช่ว่าควรใสซื่อไร้เดียงสาน่ารักหรอกหรือ?!

ทว่าเด็กน้อยตรงหน้าราวกับไม่รู้จักว่าสิ่งใดคือหนังหน้า…

เขาสวมกางเกงเปิดเป้าจะให้ผู้อื่นเห็นอะไรได้? แน่นอนว่าก็ต้องเป็นน้องชายของเขา…

เฮอะ! ประเด็นที่เธอพูดประโยคนี้ขึ้นมาไม่ได้อยู่ที่ตรงนี้เสียหน่อย?! ความหมายของเธอก็คือเธอแก่กว่าเขามาก!

สายตาของเขาดังมีรูปลักษณ์จับต้องได้ กู้ซีจิ่วไม่อยากจะพูดคุยกับเขาอีกต่อไปแล้ว!

เพื่อไม่ให้หัวข้อสนทนาถูกเขาชักนำไปจนถึงจุดที่แปลกประหลาดยิ่งนัก!

ดังนั้นเธอจึงเหลือบตามองเขาแวบหนึ่ง “เด็กน้อยลามกเช่นนี้ไม่ดีเลย!” เรือนกายพลันทะยานขึ้นกำลังจะพุ่งโจมตีค่ายกลงู เสินเนี่ยนโม่กลับดึงรั้งข้อมือเธอไว้

“รอก่อน!”

กู้ซีจิ่วนิ่งงัน เหตุใดการเคลื่อนไหวของเด็กแสบคนนี้รวดเร็วถึงเพียงนี้!

“ยังจะรออะไรอีก?”

นิ้วมือนิ้วหนึ่งของเสินเนี่ยนโม่ตั้งตรงที่ริมฝีปากนาง

“วิธีการจับงูของเจ้าโง่งมเกินไป คอยดูข้าก็แล้วกัน!”

ไม่รู้ว่าเขาหยิบขลุ่ยเลาหนึ่งออกมาจากที่ใด แล้วเริ่มเป่าบรรเลงอย่างสบายใจ

บทเพลงที่บรรเลงออกมาพิลึกนัก แม้จะไม่เป็นจังหวะ แต่กลับเสนาะหูยิ่ง

เดิมทีงูเหล่านั้นกำลังเลื้อยวนล้อมรอบมุกอสรพิษอยู่ หลังจากบทเพลงนี้บรรเลงขึ้น งูเหล่านั้นก็เริ่มตั้งลำตัว ก่อนจะโยกย้ายไปตามบทเพลงประหนึ่งเริงรำ

บทเพลงควบคุมงู?!

กู้ซีจิ่วมองเสินเนี่ยนโม่ด้วยความประหลาดใจ นึกไม่ถึงว่าเขากลับทำสิ่งนี้เป็น

ทว่าในเมื่อใช้ขลุ่ยควบคุมงูพวกนี้ได้ เหตุใดเมื่อสักครู่จึงโยนมุกอสรพิษออกไป? ไม่เกินความจำเป็นไปหน่อยรึ?

สายตาเธอร่อนลงบนร่างเสินเนี่ยนโม่ เขายืนกางเท้าไปด้านหลังอยู่ตรงนั้น ราวกับเหยียบย่ำบนเคล็ดวิชาบางอย่างอยู่ ทั้งที่ภายในอุโมงค์นี้ไม่มีลมพัด ทว่าอาภรณ์ของเขากลับพลิ้วไหวดังเกลียวคลื่น อาภรณ์ม่วงปลิวไสว เส้นผมปลิวสยาย เขาเป่าขลุ่ยไม้ไผ่ด้วยท่าทางสง่างามและเป็นอิสระเสรี

เขาที่เป็นเช่นนี้ทำให้เธอรู้สึกคุ้นตาอย่างไร้เหตุผล นัยน์ตาถึงกับร้อนผ่าวอยู่บ้าง คล้ายว่าหลายปีก่อนตัวเองเคยตามหาเงาร่างนี้อย่างบ้าคลั่ง แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่พบ…

เพียรตามหาบุรุษผู้นั้นในห้วงความฝันเป็นร้อยพันครั้ง เมื่อหันกลับมา เขากลับอยู่ตรงโคมฉายอันหม่นมัว

“ฝูอี…”

เธอหลุดปากพูดชื่อนี้ออกมาอย่างไม่รู้ตัว

เธอยืนอยู่ข้างกายเขา เขาย่อมได้ยินเสียงของเธอ เสียงขลุ่ยบรรเลงต่อไป ทว่าสายตาของเขากลับมองมาที่เธอ

“หืม?”

ทั้งที่เป็นเพียงแค่เสียงนาสิก แต่กลับแฝงไว้ซึ่งกลิ่นอายพะเน้าพะนอจางๆ

หัวใจกู้ซีจิ่วสั่นระรัว เมื่อรู้สึกตัวก็อดนวดคลึงหน้าผากตัวเองไม่ได้ อีกฝ่ายเป็นแค่เด็กน้อย นี่เธอเป็นอะไรไปแล้ว?!

—————————————————————————-

บทที่ 1964 ตอนนี้รู้หรือยังว่าข้าไม่ได้หลอกเจ้า?

เธอส่ายหน้า รู้สึกว่าระยะนี้ประจำเดือนอาจใกล้มาแล้ว ดังนั้นอารมณ์จึงแปลกๆ ไปบ้าง ถูกไอ้เด็กแสบคนหนึ่งเย้าแหย่ ไม่น่าเชื่อว่าจะใจสั่นนิดๆ ได้

เห็นได้ชัดว่าเสินเนี่ยนโม่ที่อยู่เบื้องหน้ามองว่าเธอเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกับเขา ด้วยเหตุนี้ถึงได้เย้าแหย่เธออยู่เนืองๆ

เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว!

งูพวกนั้นโยกย้ายอย่างบ้าคลั่งตามเสียงขลุ่ย ผ่านไปครู่หนึ่งก็ราวกับถูกถอดกระดูกออก เหน็ดเหนื่อยจนฟุบลงไป

งูตัวอื่นก็คล้ายจะสัมผัสถึงความผิดปกติได้ ไม่อยากกระโดดโยกย้ายต่อแล้ว แต่ว่าพวกมันกลับควบคุมร่างกายของตนไม่ได้…

เป็นเช่นนี้อยู่ประมาณหนึ่งเค่อ งูเหล่านั้นล้วนเหนื่อยล้าจนเป็นอัมพาต พากันฟุบนิ่งอยู่บนพื้น

ในที่สุดเสินเนี่ยนโม่ก็เก็บขลุ่ย “ตอนนี้เจ้าไปจับได้แล้ว อยากจับตัวไหนก็จับตัวนั้นเลย”

เขากล่าวพลางหันไปมองนาง ทว่ายามที่มองเห็นคนข้างกายอย่างชัดเจนก็แข็งทื่อไปทันที ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง!

สาวน้อยผู้เลอโฉมที่อยู่ข้างกายหายไปแล้ว ถูกแทนที่ด้วยบุคคลที่เคยทำให้เขาฝันร้าย

ชุดดำ ผมดำ หน้ากากภูตผี ยืนอยู่ตรงนั้นราวกับยมทูตจากขุมนรก

“เจ้า…” เสินเนี่ยนโม่ที่สุขุมเยือกเย็นยิ่งนักเสมอมาปานถูกฟ้าผ่าใส่

คนผู้นั้นย่อมเป็นกู้ซีจิ่วที่กลับสู่รูปลักษณ์ดั้งเดิมแล้ว เมื่อครู่เธอฉวยโอกาสตอนที่เสินเนี่ยนโม่เป่าขลุ่ย หามุมอับสายตาแห่งหนึ่งแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า

เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ไม่กี่วินาทีก็เรียบร้อย เสินเนี่ยนโม่ไม่ทันสังเกตเลยสักนิด

เธอจงใจสวมชุดนี้โดยเฉพาะ เพื่อให้เด็กน้อยจำเธอได้…

เธอรู้ว่าเจ้าเด็กนี่มีเงามืดในใจกับรูปลักษณ์นี้ของตน เธอไม่เชื่อว่าถ้าเขาได้เห็นในรูปลักษณ์นี้แล้วจะยังกล้าเย้าแหย่เธออีก!

เธอยืนอยู่ตรงหน้าเขา เชิดคางเล็กน้อย ยิ้มมิเชิงยิ้ม “อะไรกัน? เสี่ยวเนี่ยนโม่ จำข้าไม่ได้แล้วหรือ?” น้ำเสียงก็เปลี่ยนแปลงสุ้มเสียงยามปลอมเป็นคนลึกลับ

“ที่แท้ก็เป็นเจ้า…” แววตาเสินเนี่ยนโม่ลึกล้ำเยียบเย็นเล็กน้อย

“เป็นข้าเอง” กู้ซีจิ่วเอ่ย “ตอนนี้รู้หรือยังว่าข้าไม่ได้หลอกเจ้า?”

เสินเนี่ยนโม่ไม่พูดอะไร เขาเม้มปากนิดๆ ไม่พูดต่อเลยสักประโยค

กู้ซีจิ่วไม่สนใจเขาอีก ก้าวไปทางงูฝูงนั้น “ที่แท้เจ้าก็เป็นวิชาควบคุมงูด้วย ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยมมาก”

งูเหล่านั้นราวกับเหนื่อยจนเป็นอัมพาตแล้ว ปล่อยให้เธอจับไปทีละตัวๆ ยัดใส่ในกระสอบขนาดเจ็ดชุ่น

ผ่านไปครู่หนึ่ง งูเหล่านั้นถูกเธอจับขึ้นกว่าครึ่ง มุกอสรพิษลูกนั้นยังคงกลิ้งอยู่บนพื้น ส่องแสงกะพริบอยู่ตรงนั้น

กู้ซีจิ่วคว้าขึ้นมา กลิ้งในฝ่ามือครู่หนึ่ง แล้วโยนส่งให้เขา “รับสิ”

ถึงแม้มุกนี้จะเป็นของดี และกู้ซีจิ่วก็หมายปองยิ่งนัก แต่เธอก็ไม่คิดจะฉกฉวยข้าวของของเด็กคนหนึ่ง

เสินเนี่ยนโม่คล้ายจะยังใจลอยอยู่ ยื่นมือไปรับไว้ตามสัญชาตญาณ ยามที่กำลังจะเก็บเข้าไป ทันใดนั้นคล้ายจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “ไม่ได้!” สะบัดมือดีดมุกนั้นกลับไปทางฝูงงูอีกครั้ง…

แต่เห็นได้ชัดว่าเขาช้าไปครึ่งก้าว ขณะที่กู้ซีจิ่งกำลังจะจับงูบุปผาแดงตัวหนึ่ง งูบุปผาแดงที่เดิมทีกะปลกกะเปลี้ยอยู่บนพื้น ยามนี้จู่ๆ กลับเสมือนถูกฉีดเลือดไก่ หัวงูดีดขึ้นมา ฉกเข้าที่มือของกู้ซีจิ่ว

กู้ซีจิ่วไม่ทันระวัง ถูกมันฉกเข้าที่นิ้วกลาง!

เธอสะดุ้งโหยง เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ดีดเข้าที่หัวงูโดยพลัน หัวงูตัวนั้นแหลกทันที สิ้นชีพไป

แต่ที่นิ้วกลางของกู้ซีจิ่วก็มีโลหิตสีเขียวคล้ำซึมออกมา เจ็บปวดไปถึงขั้วหัวใจ!

โชคดีที่ไข่มุกของเสินเนี่ยนโม่ดีดกลับมาได้ทันกาล ยามที่งูตัวอื่นที่กำลังจะผงาดขึ้นมาทำร้ายคน เมื่อต้องแสงจากไข่มุก ก็อ่อนเปลี้ยลงไปอีกครา

ดูเหมือนเหตุผลที่งูเหล่านี้อ่อนเปลี้ยเช่นนี้ จะมิได้มีสาเหตุการสิ่งใดสิ่งหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นการออกฤทธิ์ร่วมกันของเสียงขลุ่ยกับมุกอสรพิษ

เมื่อครู่กู้ซีจิ่วโยนไข่มุกให้เสินเนี่ยนโม่อย่างไม่ดูตาม้าตาเรือ เท่ากับคลายมนต์สะกดให้งูเหล่านี้ เธอถึงได้พลาดท่า เสียเปรียบครั้งใหญ่

———————-