ตอนที่ 573 ลืมนัด / ตอนที่ 574 ทางเลือกของแต่ละคน

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 573 ลืมนัด

 

 

ผู้หญิงคนนั้นคิดว่าพวกหล่อนทำให้ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกว่าถูกข่มขู่มากเกินไป เลยยอมถอยออกมานิดหนึ่งอย่างไม่เต็มใจ

 

 

“อย่างไรก็ต้องประมาณสามสี่หมื่น”

 

 

สามสี่หมื่น? นี่เห็นเธอเป็นที่รูดทรัพย์หรืออย่างไร

 

 

ผู้ชายเอ่ยสมทบขึ้น “ความจริงจะให้คุณชดใช้แปดหมื่น แต่เห็นว่าคุณเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวก็คงไม่ง่าย คุณก็อย่าลีลาให้มันมากนักเลย”

 

 

แปดหมื่น? เอาความกล้ามาจากไหนมาขูดรีดเธอ ซย่าเสี่ยวมั่วเดินไปด้านหน้าแล้วปิดประตูลง “ฉันไปดูกับพวกคุณก่อนแล้วกัน”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกว่าเรื่องนี่คงไม่จบได้ง่ายๆ

 

 

คนที่อาศัยอยู่ด้านล่างไม่ได้มีแต่สองสามีภรรยาคู่นี้ แต่ยังมีพ่อแม่พี่น้องอยู่ด้วยอีก

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วโดนล้อมโดยกลุ่มคนพวกนี้ ในใจก็รู้สึกอดสู ชาติที่แล้วเธอเป็นเซี่ยงอวี๋[1]เหรอ”

 

 

แปปเดียวก็ผ่านไปสองชั่วโมง แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปกันเสียที ซย่าเสี่ยวมั่วเริ่มจนปัญญา จึงได้แต่ยุติการเจรจานี้ไว้ชั่วคราวก่อน

 

 

“พรุ่งนี้ฉันจะตามฝ่ายนิติบุคคลมา แล้วเราค่อยมาคุยกันใหม่” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่อยากคุยกับกลุ่มคนพวกนี้ต่อแล้วจริงๆ

 

 

แม่ของฝ่ายคู่กรณีไม่ยอมปล่อยให้ซย่าเสี่ยวมั่วไปง่ายๆ กระชากแขนเสื้อเธออย่างรุนแรง “อย่าเพิ่งไป”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นคนแก่เลยไม่ได้ออกแรงกระชากกกลับ “กรุณาปล่อยมือด้วยค่ะ ถ้าคุณยังดึงดันอยู่อย่างนี้ฉันคงต้องแจ้งความ”

 

 

“นี่เธอยังกล้าจะแจ้งความ! ทำบ้านของพวกฉันกลายเป็นแบบนี้ยังมีหน้าจะแจ้งความอีกเหรอ”

 

 

“ฉันไม่ได้บอกว่าจะไม่ชดใช้ ถ้ามีส่วนที่ฉันต้องรับผิดชอบฉันยินดีจ่ายอยู่แล้ว มีอะไรไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ได้ไหม”

 

 

อย่างไรก็หนีไปไหนไม่ได้อยู่ดี คนพวกนี้เห็นว่าซย่าเสี่ยวมั่วหนีไม่ได้อยู่แล้วก็เลยไม่ได้ยื้อเธอไว้ต่อ “รอให้ฝ่ายนิติบุคคลมาแล้วเราค่อยเจรจากันใหม่”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วที่เพิ่งหนีออกมาได้ยังไม่ทันได้พักผ่อนก็ได้รับโทรศัพท์จากอันหรานที่โทรมาบอกว่าพรุ่งนี้เช้าจะมีคนมาตรวจที่บริษัทให้เธอเลื่อนวันหยุดออกไปก่อน แล้วมาบริษัทเพื่อรับหน้า

 

 

วันรุ่งขึ้น เหยียนเค่อก็เตรียมเก็บของให้เจ้าโกลเด้นเรียบร้อยรอให้ซย่าเสี่ยวมั่วมารับมันไป แต่รอจนถึงบ่ายสองก็ยังไม่เห็นวี่แววของหญิงสาวทางประชาสัมพันธ์ก็บอกว่าไม่มีใครมาหาเขาเลย

 

 

เหยียนเค่อลูบหัวเจ้าโกลเด้นอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ รู้สึกจนใจ “หรือซย่าเสี่ยวมั่วอยากจะยืดเวลาการนัดช่วงเช้าไปอีก”

 

 

เจ้าโกลเด้นรู้สึกสบายจนต้องฮึมฮำออกมา หลับตาลงไม่ได้สนใจกับคำพูดของเหยียนเค่อ

 

 

พอซย่าเสี่ยวมั่วตื่นขึ้นก็สะลึมสะลือไปบริษัท ลืมเรื่องที่นัดกับเหยียนเค่อไว้เสียสนิท คิดอย่างปวดหัวว่าจะจัดการเรื่องห้องข้างล่างอย่างไรดี

 

 

อันหรานเห็นซย่าเสี่ยวมั่วทำท่าทางอยากจะตายตั้งแต่เช้าแบบนี้เลยเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “เกิดอะไรขึ้น ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วมองไปทางหล่อนอย่างไร้เรี่ยวแรงแวบหนึ่ง “ท่อน้ำบ้านฉันรั่ว ห้องข้างล่างจะให้ฉันชดใช้หนึ่งแสน”

 

 

อันหรานตะลึง “นี่มันปล้นกันหรือเปล่า ให้ฉันไปช่วยทวงความยุติธรรมไหม”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วโบกมือ “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉันสักนิด ฉันล่ะงงจริงๆ ชั้นสี่ชั้นห้าก็ก็ใช้น้ำทั้งนั้นไม่ใช่หรือไง”

 

 

“ฉันล่ะเห็นใจเธอ เพิ่งกลับมาก็ต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้” อันหรานลูบหัวซย่าเสี่ยวมั่ว “เดี๋ยวเย็นนี้ฉันไปเป็นเพื่อนเธอเอง”

 

 

“ไม่ต้องหรอก เธออยู่เป็นเพื่อนบกของเธอเถอะ รอให้ฝ่ายนิติมาซ่อมก่อนแล้วค่อยเจรจากันอีกที ฉันล่ะหมดคำพูดจริงๆ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วกดหัวลงกับโต๊ะ เธอล่ะอยากเอาหัวโขกโต๊ะให้ตายไปเลยจริงๆ พอกลับมาบ้านก็ไม่มีเรื่องดีเลย

 

 

ห้าโมงเย็น เหยียนเค่อไม่หวังให้ซย่าเสี่ยวมั่วมารับหมาของเธอไปแล้ว ปลดเชือกให้เจ้าโกลเด้น “เจ้าของแกทิ้งแกแล้ว แกอยู่กับฉันแทนแล้วกัน”

 

 

เจ้าโกลเด้นแลบลิ้น ทำท่าทางน่ารัก มันคงคิดว่าเหยียนเค่อจะพามันไปเที่ยว ตอนที่ผูกเชือกให้มันดีใจมาก แต่ยังไม่ทันจะได้ออกไปเที่ยวเชือกก็ถูกแกะ ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

 

 

เหยียนเค่อลูบหัวเจ้าโกลเด้น “ตอนเย็นเดี๋ยวพาแกไปกินข้าว ไม่ต้องไปสนใจเจ้าของแกแล้ว”

 

 

ในใจเหยียนเค่อเริ่มสับสน อาจเป็นเพราะซย่าเสี่ยวมั่วตื่นสายเลยมารับมันไม่ทัน เพราะแต่ก่อนตอนนัดเจอ หลี่หมิงฉวีหล่อนก็ทำแบบนี้

 

 

 

 

——

 

 

[1] เซี่ยงอวี๋ เป็นขุนศึกผู้ยิ่งใหญ่ในยุคปลายราชวงศ์ฉิน ได้รับขนานนามว่ามีพละกำลังมหาศาล เป็นคู่ปรับคนสำคัญของจักพรรดิอั่นเกาจู

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 574 ทางเลือกของแต่ละคน

 

 

ตอนกลางคืนฉินซื่อหลานนัดเลี้ยงอาหารเย็นเหยียนเค่อ แต่พอเห็นเหยียนเค่อเดินจูงเจ้าโกลเด้นเข้ามาในห้องอาหารที่จ้องไว้ ฉินซื่อหลานก็ตกใจ

 

 

“ไหนบอกว่าวันนี้จะมารับมันไม่ใช่เหรอ”

 

 

“นายนี่รู้ละเอียดจังเลยนะ” เหยียนเค่อพูดอย่างไร้อารมณ์

 

 

ฉินซื่อหลานค่อยๆหุบปากลง แล้วยื่นเมนูอาหารให้เพื่อน “อยากกินอะไร สั่งเลย”

 

 

เหยียนเค่อไม่ได้รับเมนูอาหารมา “อะไรก็ได้”

 

 

ฉินซื่อหลานสั่งอาหารเพิ่มอย่างรู้สึกหนาวๆร้อนๆ ในใจก็เริ่มคาดเดา ถ้าหากเขาทำให้หมาอารมณ์ดีเหยียนเค่อก็จะอารมณ์ดีตามด้วยใช่ไหม

 

 

เหยียนเค่อรู้สึกได้ว่าเพื่อนแอบมองมาทางตนบ่อยครั้งจึงเอ่ยถามอย่างไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ “มีอะไร”

 

 

“ฉันรู้สึกว่านายอามรณ์ไม่ค่อยดี” ฉินซื่อหลานเอ่ยพูดเสียงเบา

 

 

“อืม” เหยียนเค่อพูดอย่างไม่มีอะไรต้องปิดบัง ตอนนี้เขาไม่อยากทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

 

“นายคงไม่ได้เริ่มโมโหตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้หรอกใช่ไหม” นี่มันก็นานเกินไปนะ

 

 

เหยียนเค่อเหล่ตามองเพื่อน “ฉันดูเป็นคนใจแคบขนาดนั้นหรือไง”

 

 

“เปล่าๆ” ฉินซื่อหลานรีบโบกมือ แต่ก็แอบเอ่ยเสริมเสียงเบา “ก็แค่ตอนอยู่กับซย่าเสี่ยวมั่วเท่านั้นแหล่ะ”

 

 

เหยียนเค่อโมโหกับคำพูดประโยคนี้ของเพื่อนจนต้องจิบน้ำ “นายบอกมีเรื่องอะไรจะพูดไม่ใช่เหรอ”

 

 

“ใช่”

 

 

เมื่อคืนฉินซื่อหลานคิดไว้แล้วว่าจะไม่ติดต่อเหยียนเค่อประมาณหนึ่งอาทิตย์ ถ้าเกิดไม่ใช่เรื่องสำคัญจริงๆเขาก็คงไม่เสี่ยงนัดเหยียนเค่อมากินข้าวในช่วงนี้หรอก

 

 

“ว่ามา”

 

 

“ขอใช้ทางลัดหน่อยแล้วกัน เสี่ยงฝูเอ๋อร์จะไปเรียนต่อต่างประเทศแล้ว แต่มหาวิทยาลัยของนายมันโรคจิต เธอยังไม่มีพวกวิทยานิพนธ์วิชาการที่จะใช้เป็นหลักฐานอ้างอิง เลยอยากจะให้นายเขียนจดหมายแนะนำให้หน่อย”

 

 

 “โรคจิต?” เหยียนเค่อจ้องไปที่เพื่อน

 

 

ฉินซื่อหลานรีบเอ่ยแก้ “สำหรับนายอาจไม่ใช่” เพราะจริงๆแล้วเหยียนเค่อเป็นยิ่งกว่านั้น

 

 

เหยียนเค่อพยักหน้า “เรื่องแค่นี้ถึงกับต้องเรียกฉันออกมาเนี่ยนะ”

 

 

“เปล่า เสี่ยวฝูเอ๋อร์เอาวิทยานิพนธ์มาแล้ว แต่เธอยังไม่เลิกเรียน”

 

 

“นายนี่มันโลภมากอยู่เหมือนกันนะ” เหยียนเค่อฟังเข้าใจความหมายที่ฉินซื่อหลานจะสื่อ ดูเหมือนว่าเพื่อนตนอยากได้ที่อาจารย์ที่ปรึกษาที่ดีที่สุด แต่นี่ก็ไม่เป็นปัญหาอะไรอยู่แล้ว ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ฉินซื่อหลาน “นายทนให้เธอไปเรียนต่อได้เหรอ”

 

 

“แน่นอนว่าไม่” คำตอบของฉินซื่อหลานดูก็รู้ว่าต้องฝืนใจ “แต่ฉันไม่สามารถเก็บเธอไว้ข้างกายได้ตลอดไปหรอก เธอต้องได้ไปพบผู้คนที่หลากหลาย ได้เป็นในสิ่งที่เธออยากจะเป็น”

 

 

เหยียนเค่อพยักหน้า ถ้าหากเสี่ยวฝูเอ๋อร์ไปเรียนต่อต่างประเทศพวกเขาต้องห่างกันเป็นสิบปี ก็ไม่รู้ว่าฉินซื่อหลานต้องรวบรวมความกล้าขนาดไหนในการที่จะเห็นด้วยกับการตัดสินใจของหล่อนที่อยากจะไปเรียนต่อ

 

 

“อือ”

 

 

“ฉันสงสัยมาตลอดว่าเสี่ยวฝูเอ๋อร์ชอบนาย” ความทุกข์ของฉินซื่อหลานไม่อาจอธิบายออกมาได้ ทำไมเธอไม่ยอมเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับฉัน แค่จดหมายแนะนำจากฉันก็ทำให้เธอเข้าไปเรียนได้อย่างสบายๆ แต่เธอดันอยากไปเรียนที่เดียวกับนาย มันหมายความว่าอย่างไร”

 

 

“แรงบันดาลใจ” สามคำจากเหยียนเค่อแทบทำเอาฉินซื่อหลานกระอักออกมา

 

 

“ฉันเป็นแรงบันดาลใจไม่ได้เหรอ”

 

 

“ดูไม่ออก” เหยียนเค่อไม่ไว้หน้าเพื่อนเลยสักนิด แต่ว่าก็ไม่อยากให้ฉินซื่อหลานคิดมากเกินไป “เธอคงไม่อยากให้นายมาช่วยเหลือ ยังไงซะชื่อเสียงนายก็ดังอยู่ไม่น้อย ถ้าไปอยู่ที่มหาลัยเดียวกับนายก็ต้องอยู่ภายใต้ชื่อนาย ยิ่งจะทำให้เธอแข็งแกร่งสู้คนอื่นไม่ได้”

 

 

“แล้วทำไมนายต้องทำให้ซย่าเสี่ยวมั่วอยู่ภายใต้การดูแลของนายตลอด” ฉินซื่อหลานโต้กลับ พูดถึงคนอื่นนี่ดูมีเหตุผลตลอด ทำไมพอเป็นเรื่องตัวเองมันกลับไม่ใช่เลย

 

 

เหยียนเค่อไม่ยอมตอบ “นี่คือสิ่งที่เสี่ยวฝูเอ๋อร์เลือก แล้วฉันกับนายก็คนละคนกัน”

 

 

ฉินซื่อหลานดึงเจ้าโกลเด้นให้มาอยู่ด้านหน้าตน เอ่ยประชดเหยียนเค่อ “อย่างนั้นฉันไปปรึกษากับซย่าเสี่ยวมั่วดีกว่า ต่อไปฉันจะตามแต่เธอ”

 

 

“ถ้านายอยากใช้ชีวิตกับซย่าเสี่ยวมั่ว พวกนายอาจไม่ได้ไม่เจอกันแค่สิบปีนะ” เหยียนเค่อเอ่ยจากความรู้สึกในใจตน

 

 

ฉินซื่อหลานยังคิดว่าตนพูดออกไปแบบนี้ต้องถูกเหยียนเค่อขยี้เละเป็นผุยผงแน่ๆ แต่ก็ไม่คิดว่าเหยียนเค่อจะพูดออกมาแบบนี้ แต่พอรู้สาเหตุก็แทบจะยิ้มไม่ออก