ตอนที่ 1570 ผู้อาวุโสเย่

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ตอนที่ 1570 ผู้อาวุโสเย่ โดย Ink Stone_Fantasy

“ผ-ผู้พิทักษ์หลินตง!”

ยอดเซียนท่านหนึ่งเผยปรากฏตัวออกมา ทำเอาฉินเซียวสั่นสะท้านไปทั่วร่าง

ฉินเซียวจำได้อย่างแม่นยำ นี่คือหลินตงผู้พิทักษ์ชั้นสูงแห่งหอยุทธ์!

ในหอยุทธ์มีเพียงยอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาวขึ้นไปเท่านั้น ถึงจะมีคุณสมบัติเรียกขานตัวเองว่าเป็นผู้พิทักษ์ชั้นสูง

แล้วเหตุใดเขาผู้นี้ถึงมาอยู่ที่นี่ได้? มาช่วยเย่หยวน?

เวลาต่อมา ประโยคสนทนาถัดจากนี้กลับยิ่งทำให้ฉินเซียวตื่นตะลึงยิ่งกว่าเดิม

หลินตงโค้คำนับให้เย่หยวนแสดงความนอบน้อมและกล่าวขึ้นอย่างสุภาพขึ้นว่า

“ผู้อาวุโสเย่ เราผู้ใต้บัญชามาช่วยเหลือท่านล่าช้า ผู้อาวุโสเย่โปรดลงโทษด้วย!”

เย่หยวนยิ้มและกล่าวว่า

“ผู้พิทักษ์หลินไม่จำเป็นต้องสุภาพปานนี้ เจ้ามาทันเวลาแล้วเห็นใดต้องลงโทษกัน?”

หลินตงกล่าวตอบว่า

“ขอบพระคุณผู้อาวุโสเย่!”

เย่หยวนพยักหน้าและกล่าวว่า

“รบกวนผู้พิทักษ์หลินแล้ว”

“ผ-ผู้อาวุโสเย่?”

เมื่อได้ฟังการสนทนาของทั้งสอง สมองของฉินเซียวราวกับรวนบกพร่องชั่วขณะ ไม่สามารถฟื้นสติขึ้นได้ไปครู่ใหญ่

ผู้อาวุโสเย่?

อะไรคือ…ผู้อาวุโสเย่?

นอกจากนี้ผู้พิทักษ์หลินยังเป็นยอดเซียนราชันพระเจ้าสามดาว การดำรงอยู่ของเขานับว่าไร้เทียมทานใต้แผ่นฟ้าแห่งนี้ แต่ตอนนี้…เขากลับเรียกขานเย่หยวนว่าผู้อาวุโสเย่ด้วยความเคารพยิ่ง?

นี่…นี่เกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่?

“เอ่อ…นี่เกิดอะไรขึ้น? นั้นคือยอดเซียนราชันพระเจ้าอีกคนหนึ่งใช่ไหม? ไฉนเขาถึงดูเคารพเย่หยวนขนาดนั้น?”

“ผู้อาวุโสเย่? เย่หยวนไปเป็นผู้อาวุโสของกลุ่มอิทธิพลใดหรือกระมัง?”

“ข้าก็ไม่รู้ แต่ดูเหมือนว่า…สถานะศักดิ์ของเย่หยวนในปัจจุบันยังไม่ใช่ธรรมดา!”

เหล่าฝูงชนทั้งหมดในเมืองต่างตกอยู่ในสภาพไม่ต่างจากฉินเซียวเลย ยามนี้ต่างคาดเดาไปต่างๆนาๆถึงตัวตนของเย่หยวนในปัจจุบัน

แต่อย่างไร ระดับชั้นของพวกเขาอยู่ห่างจากเมืองจักรพรรดิเกินไป พวกเขาไม่รู้โดยสิ้นเชิงว่า ผู้อาวุโสเย่ ที่อีดฝ่ายว่ากล่าวหมายถึงอะไรกันแน่

เพื่อที่จะชักนำขุมพลังอาณาจักรราชันพระเจ้าให้มาพิทักษ์ปกป้องได้ แถมยังแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าท่านเจ้าเมือง นี่หาใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทำได้!

แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่า ฉินเซียวในตอนนี้หวาดกลัวปานใด

ผู้พิทักษ์หลินตงแห่งหอยุทธ์ หากเรียกเย่หยวนว่าเป็นผู้อาวุโส นั้นยังมีความหมายใดอื่นอีกนอกจากว่า เย่หยวนจะเป็นผู้อาวุโสแห่งหอยุทธ์?

 แต่…เย่หยวนกลายมาเป็นผู้อาวุโสของหอยุทธ์ได้อย่างไร?

ฉินเซียวนาทีนี้รู้สึกกระวนกระวายใจเกินพรรณนา เด็กน้อยอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าขึ้นกลายมาเป็นผู้อาวุโสในหอยุทธ์ได้ นี่มันไม่ขันเกินไปหน่อยรึ?

อย่างไรก็ตาม นี่กลับไม่ตลกเอาเสียเลย!

ทัศนคติของหลินตงที่มีต่อเย่หยวนมันมากเพียงพอแล้วที่จะอธิบายทุกอย่าง

แม้ว่านี่จะเป็นเพียงการแสดงละครฉากหนึ่ง แต่ความจริงข้อหนึ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้คือ ข้างกายเย่หยวนมียอดเซียนอาณาจักรราชันพระเจ้าสามดาวคอยปกป้องอยู่!

บัดซบ! บอกข้าทีว่านี่คือฝันไป!

ฉินเซียวเริ่มตะโกนร้องคร่ำครวญอยู่ภายในใจ ภาพฉากตรงหน้าเขาไม่อยากเชื่อเลยสักนิดว่านี่คือความจริง

“ฉินเซียว เจ้ากล้าทำร้ายร่างกายผู้อาวุโสแห่งหอโอสถที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งขึ้นมางั้นรึ? ไฉนเจ้ายังไม่คุกเข่าขอโทษอีก!”

เสียงของหลินตงกึกก้องกังวาลลั่นเสมือนระฆังยักษ์สั่นกระเพือม แรงกดดันที่ซ่อนแฝงออกมาแทบทำเอาร่างของฉินเซียวแตกเป็นเดดสี่ยงๆ

สีหน้าแสนตื่นตระหนกพลันปรากฏทั่วใบหน้าของฉินเซียว เหงื่อเย็นแตกพลักทั่วบนหน้าผาก เขากล่าวขึ้นด้วยความไม่เชื่อขึ้นว่า

“เป็นไปไม่ได้! นี่ต้องเป็นไปไม่ได้แน่นอน! เขา…เขาเป็นแค่เด็กน้อยอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าเท่านั้น แล้วจะกลายมาเป็นผู้อาวุโสแห่งหอโอสถได้อย่างไร? ท-ท่านผู้พิทักษ์หลิน นี่…นี่อำข้าเล่นเกินไปแล้ว!”

หลินตงขมวดคิ้ว เอ่ยเสียงเยียบเย็นดังว่า

“เสียมารยาท! เจ้ากล้าตั้งคำถามกับการตัดสินใจของหอโอสถงั้นรึ?!”

ฉินเซียวสำลักไปทันที เร่งโบกมือปัดกล่าวว่า

“ข-ข้า…ไม่…เขา แต่..เขาเป็นเพียงเซียนอาณาจักรบรรพชนพระเจ้าเท่านั้น!”

หลิงตงตะคอดเสียงเย็นใส่และกล่าวว่า

“หึ! ศาสตร์แห่งโอสถของผู้อาวุโสเย่ช่างน่าอัศจรรย์เกินพรรณนา! น้ำหน้าอย่างเจ้าไม่มีทางคาดถึงได้เลย! แม้ว่าท่านจะอยู่ในอาณาจักรบรรพชนพระเจ้า แต่ความแกร่งกล้าในด้านโอสถ แม้แต่ท่านผู้อาวุโสรองยังเอ่ยปากชื่นชมไม่หยุดหย่อน!”

“ผ-ผู้อาวุโสรอง!?”

ในเวลานั้นเอง ดวงตาคู่นั้นของฉินเซียวก็เปี่ยมล้นไปด้วยความหวาดกลัวและวิตกยิ่ง ร่องรอยอันหยิ่งผยองสูงศักดิ์ ยามนี่กลับอันตรธานหายวับราวกับสิ้นฤทธิ์ไปแล้ว

แขนขาของเขาอ่อนนุ่มแทบลมจับล้มทั้งยืน

ผู้อาวุโสรองแห่งหอโอสถ นับเป็นการดำรงอยู่เสมือนกับเทพเจ้า

แม้แต่ผู้อาวุโสรองยังเอ่ยปากชื่มชมไม่หยุดหย่อนงั้นรึ?

ฉินเซียวไม่สามารถจินตนาการได้จริงๆ!

ในเวลานั้นเอง เย่หยวนก็หยิบเหรียญตราสีมองทองออกมาช้าๆ เหรียญนั้นทำมาจากโลหิตอุกกาบาตเปล่งประกายสีม่วงทองระยิบระยับ

ทันทีที่หยิบเหรียญตรานี้ออกมารัศมีแรงกดดันสุดน่าสะพรึงก็ระเบิดคลั่งออกมาทันที แท้จริงแล้วเหรียญตราอันนี้เป็นถึงสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำ!

พึบ!

ในท้ายที่สุดคู่ขาของฉินเซียวก็อ่อนยวบจนไม่สามารถพยุงร่างได้อีกต่อไป เขาคุกเข่าลงต่อหน้าเย่หยวนด้วยความสิ้นหวังสุดหัวใจ

“เหรียญ…เหรียญตราจรัสม่วงมอง!”

ฉิยเซียวเอ่ยพึมพำวนไปมา

เหรียญตราตรัสม่วงทองเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของผู้อาวุในหอยุทธและหอโอสถ มันเป็นสมบัติราชันพระเจ้าเลิศล้ำ และไม่มีผู้ใดสามารถปลอมแปลงมันได้

เมื่อเย่หยวนเผยเหรียญตราจรัสม่วงทองออกมาเช่นนี้ ตัวตนของเขาในฐานะผู้อาวุโสของหอโอสถก็ถือว่าได้รับการยืนยันแล้วเช่นกัน

ภายในหัวของฉินเซียวยุ่งเหยิงสับสนไปหมด เสมือนวันนี้ท้องฟ้ากำลังถล่มลงมา

เขาจะทำอย่างไรดี?

นี่เขากลายมาเป็นศัตรูกับผู้อาวุโสแห่งหอโอสถตั้งแต่เมื่อใด?

สิ่งหนึ่งไม่ควรมองว่า ฉินเซียวเป็นถึงขุมพลังอาณาจักรราชันพระเจ้า เพราะในความเป็นจริง ต่อหน้าหอยุทธ์และหอโอสถ เขาไม่มีคุณสมบัติเป็นได้แม้แต่ยามเฝ้าประตูด้วยซ้ำ!

ในขณะที่อีกฝ่ายเป็นถึงระดับชั้นผู้อาวุโส!

ระหว่างพวกเขามิได้ยืนอยู่ในระดับชั้นเดียวกันเลย!

สำหรับผู้อาวุโสของหอโอสถ หากพวกเขามีประสงค์ที่อยากฆ่าใครสักคนกลับทำได้ง่ายดายราวกับบี้มดปลวก

ฉินเซียวจะไปนึกไปฝันได้อย่างไรว่า เพียงยี่สิบปีที่มิได้เจอหน้า เย่หยวนจะกลายมาเป็นผู้อาวุโสแห่งหอโอสถเสียแล้ว?

เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์ เพิ่งผ่านมาได้ในช่วงเดือนที่ผ่านมา

เมืองหลวงหวูเมิ่งที่อยู่ห่างไกลจากเมืองจักรพรรดิอินทรีสวรรค์เช่นนี้จะไปทราบข่าวได้อย่างไร กระทั้งฉินเซียวยังไม่มีสิทธิ์แทรกแซงเข้าไปสืบข่าวได้โดยง่าย

แม้ว่าเขาจะรู้ตัวแล้วว่าตนไม่สามารถทำอะไรเย่หยวนได้อรดต่อไป แต่ต่อหน้าสาธารณะชนเช่นนี้…

ทันทีที่เย่หยวนเปิดเผยตัวตนออกมา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสถานะของฉินเซียวจะเปลี่ยนไปทันทีจากหน้ามือเป็นหลังเท้า

สำหรับตระกูลฉินแล้ว นี่เทียบเท่ากับการตีระฆังงานศพให้ตัวเองชัดๆ

ติ้งง..ติ้งง…

ทันทีทันใด กลิ่นปัสสาวะเหม็นก็ฟุ้งกระจายออกไปทั่วทั้งบริเวณ

ฉินเซียวยังพอทำเนา แต่ฉินจ้าวหยุนที่อยู่ข้างๆกลับน่าอนาถใจกว่านัก เขากลัวถึงขั้นฉี่แตกรดกางเกงต่อหน้าทุกคน!

เห็นได้ชัดว่าเขาย่อมทราบดีว่าผู้อาวุโสแห่งหอโอสถมันหมายความว่าอย่างไร

ต่อหน้าผู้อาวุโสแห่งหอโอสถ ตระกูลฉินก็แค่มดตัวหนึ่ง

ในคราแรก เมื่อเห็นว่าฉินเซียวปรากฏตัวออกมา ฉินจ้าวหยุนก็พลันโล่งใจคิดว่าภารกิจอันแสนยาวนานของตระกูลฉินสุดท้ายก็ปิดฉากลงเสียที!

แต่ใครจะไปคิดว่านี่…จะเป็นการปิดฉากตระกูลฉินเสียแทน!

หลินตงขมวดคิ้วเข้มเหลือบมองฉินจ้าวหยุนด้วยสายตาแสนรังเกียจ

ชายชราคนนี้ช่างหน้าขายหน้าเสียจริง

เย่หยวนจับจ้องฉินเซียวเขม็ง กล่าวเสียงชืดเย็นขึ้นว่า

“หากย้อนกลับไป เจ้าเคยกล่าวไว้ว่า ตัวเจ้ามีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงเมืองหลวงแห่งนี้ หากข้าต้องการให้เจ้าตาย เจ้าก็ต้องตาย! ประโยคนี้เพราะเจ่าเลยแท้ๆ ได้สร้างแรงบันดาลใจให้ข้าต้องแข็งแกร่งขึ้น! น่าเสียดาย เจ้าทำให้ข้าไต่เต้ามาถึงขั้นนี้ได้แล้วจริงๆ!”

ฉินเซียวปากค้าง แต่กลับพูดอะไรไม่ออกสักคำ

ภายในใจยามนี้เปี่ยมล้นไปด้วยความขมขื่นใจยิ่ง

ประโยคนี้กลับเอ่ยลั่นออกมาจากปากเย่หยวนเสียเอง! ช่างน่าขันเกินไปแล้ว!

ยี่สิบปีก่อน เย่หยวนเป็นเพียงมดปลวกตัวหนึ่งในสายตาของเขาเท่านั้น

เขาไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลอะไรด้วยซ้ำก็สามารถบดขยี้เย่หยวนได้อย่างง่ายดาย

แต่ตอนนี้เย่หยวนกลับกลายมาเป็นการดำรงอยู่ที่แม้แต่เขายังทำได้เพียงเงยหน้ามองเท่านั้น!

สถานะระหว่างทั้งสองกล่าวได้ว่าสลับขั้วกันครั้งใหญ่!

“ข้า…ข้ายอมไม่ได้! แม้เจ้าจะเป็นผู้อาวุโสแห่งหอโอสถ แต่…แต่เจ้าก็ไม่สามารถตัดสินชีวิตของข้าได้ตามต้องกาย! อย่างน้อยที่สุดข้าเองก็เป็นคนของหอยุทธ์เช่นกัน!”

ฉินเซียวยังคงมีความหวังสุดท้ายพร้อมเอ่ยกล่าวออกไป

เย่หยวนจับจ้องอีกฝ่ายด้วยสายตาแสนน่าสงสาร พลางเอ่ยกล่าวขึ้นว่า

“เจ้าทราบหรือไม่ว่า เหตุใดข้าถึงกล้าปรากฏตัวขึ้นในเมืองนี้ด้วยท่าทีแสนหยิ่งผยองนัก? ฉินเซียว ต่อหน้านายน้อยผู้นี้เจ้าไม่มีโอกาสแม้แต่จะหนีด้วยซ้ำ ผู้พิทักษ์หลินดูแลเขาให้ดี”

“รับทราบ!”

หลินตงตบปากรับสั่งด้วยความเคารพ

ฉินเซียวในยามนี้ไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวความหวังอีกต่อไป

เย่หยวนที่เขาเคยกดอีกฝ่ายอยู่ใต้เท้า ยามนี้…กลับเป็นเขาเสียเองที่ถูกอีกฝ่ายบดขยี้ไม่เหลือแม้แต่ทางออก!

…………………………………