บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 724

ขณะที่ได้ยินเมเดลีนพูดสิ่งนั้นกับเขา เฟลิเป้มัวแต่จดจ่ออยู่กับเวลาตรงหน้าปัดนาฬิกาของเขา

เขาหันกลับมามองหน้าเธออย่างไม่เชื่อหูตนเอง “เอวลีน?”

เมเดลีนขี่ม้าเข้ามาใกล้กับเขาพลางยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “ฉันตัดสินใจแล้วค่ะ พวกเราจะเดินทางกลับไปยังเมืองเอฟพร้อมกับลิลลี่ เพื่อที่พวกเราจะได้มีชีวิตที่มีความสุขกันสามคนพ่อแม่ลูก”

เฟลิเป้อึ้งไปอย่างถนัดตาเมื่อได้ยินคำตอบของเมเดลีน

เธอตอบตกลงยอมกลับไปเมืองเอฟกับเขาแล้ว

แค่สามคนพ่อแม่ลูก

คำพูดนั้นหยั่งลึกลงไปยังก้นบึ้งของจิตใจเขา

อย่างไรก็ตาม…

เขามองดูเธอขี่ม้าห่างออกไป จากนั้นท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที หลังจากนั้นเขารีบคว้าโทรศัพท์กดเบอร์โทรออกไป แต่กลับไม่มีคนรับสายนั้นเลย

เฟลิเป้ไม่ได้ลังเลเลยที่จะโทรหาเคธี่

หลังจากที่รับสายจากเฟลิเป้ เคธี่ก็รู้ว่าเฟลิเป้ต้องการให้เธอทำบางสิ่งให้กับเขา แม้ยังสงสัยอยู่บ้าง แต่เธอก็ปฏิบัติตามคำสั่งเขาอย่างเต็มใจ

เมเดลีนขี่ม้าออกมาห่างจากตรงนั้นพอสมควร

เธอระลึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้สองสามวัน และรู้สึกว่าควรที่จะได้เวลาจบเรื่องนี้เสียที

“คุณตกหลุมรักมันอีกครั้งแล้วนะ คุณตกหลุมรักชายคนที่เคยปรารถนาให้คุณตาย ๆ ไปซะ”

คำพูดของเฟลิเป้ดังก้องซ้ำไปซ้ำมาในโสตประสาทของเธอ

เธอจับบังเหียนม้าเอาไว้แน่นและสูดหายใจเข้าเต็มปอด

เธอลืมไม่ลงจริง ๆ ว่าคนที่ช่วยชีวิตเธอก็คือเฟลิเป้

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทั้งสองยังมีลูกสาวด้วยกัน

ดังนั้น เธอได้สัญญาอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วว่าจะอยู่ข้างกายและเป็นเจ้าสาวให้กับเขา

เมื่อทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ อย่างถี่ถ้วน เธอก็ไม่สามารถหาเหตุผลใดมาปฏิเสธเขาได้เลย

สำหรับเจเรมี่…

เมื่อนึกถึงชายคนนี้ เมเดลีนบังคับม้าให้เดินช้าลง เธอมองไปด้านหน้าด้วยดวงตาที่เป็นประกาย

หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง เมเดลีนกลับมายังสนามฝึกม้าและเห็นเฟลิเป้กำลังคุยกับใครบางคนทางโทรศัพท์อยู่ ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องเร่งด่วนเพราะว่าเขามีท่าทีที่เคร่งเครียดตลอดเวลาที่ถือสาย

เมื่อเห็นเมเดลีนใกล้เข้ามา เฟลิเป้จึงกดวางโทรศัพท์ทันที

เขาเผยให้เห็นรอยยิ้มอันอบอุ่นราวกับสายลมยามฤดูใบไม้ผลิ “เอวลีน ไปอาบน้ำก่อนเถอะ ผมจองโต๊ะที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเอาไว้แล้ว เราจะได้ไปหาอะไรรับประทานกันหลังจากนี้”

“ค่ะ” เมเดลีนพยักหน้าตอบรับ

เธออาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย จากนั้นตอนที่ขึ้นรถเฟลิเป้เพื่อเดินทางต่อ เธอก็สังเกตเห็นว่าโทรศัพท์แบตเตอรี่หมด

หลังจากเสียบสายชาร์จ เธอเห็นมีสายเรียกเข้าจากเจเรมี่ที่เธอไม่ได้รับมากกว่าสิบสาย

เมเดลีนรู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติ ขณะที่กำลังจะกดโทรกลับไปหาเขา เธอพลันเห็นข้อความจากเจเรมี่ที่บอกว่าลิลลี่หายตัวไป

“ลิลลี่หายตัวไป?” หัวใจของเมเดลีนเริ่มสั่นเทาอย่างหวดหวั่น

เฟลิเป้จ้องมองเธอด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก “เอวลีน คุณพูดว่าอะไรนะ?”

“เฟลิเป้ ลิลลี่หายตัวไป”

“ลูกเราอยู่กับแม่คุณไม่ใช่เหรอ? แล้วอยู่ดี ๆ เธอจะหายตัวไปได้ยังไง?” เขาเอ่ยถามพลางมองไปยังใบหน้าที่วิตกกังวลของเมเดลีน เขาเอื้อมมือไปกุมมือเธอเอาไว้ “อย่ากังวลไปเลย ลูกสาวเราต้องไม่เป็นอะไร”

เฟลิเป้ให้กำลังใจเธอ แต่สายตาที่เขามองกลับมีเพียงแค่ความสงบนิ่ง

ณ คฤหาสน์มอนต์โกเมอรี

เจเรมี่กำลังรอเมเดลีนอย่างร้อนรน เมื่อเห็นเฟลิเป้มากับเธอ ความรู้สึกรังเกียจก็เข้าแทรกจิตใจเขาทันที

เมื่อชายหนุ่มทั้งสองมองหน้ากัน ราวกับว่ามีประกายไฟแล่นผ่านสายตาทั้งคู่เงียบ ๆ

“เกิดอะไรขึ้น? ลิลลี่หายตัวไปที่ไหน?” เมเดลีนเอ่ยถามด้วยความหวั่นกลัว

ขณะที่เจเรมี่กำลังจะเปิดปากอธิบาย เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายพลันเดินเข้ามาภายในบ้านอย่างรีบร้อน “เราพบร่างเด็กหญิงที่หายตัวไปแล้วครับ แต่ว่าพวกคุณต้องทำใจดี ๆ กันไว้ก่อนนะครับ เพราะว่าเธอไม่มีสัญญาณชีพแล้ว”