แดนนิรมิตเทพ บทที่ 803
“ผมขอท้าทายนาย!” กู่หลินเฟิงกัดฟันพูดออกมา แม้เขารู้ว่าจะแพ้ แต่ก็จำเป็นต้องทำแบบนี้
“ไอ้กู่ ใจเย็นๆ!” เจี่ยจวินเซี่ยเกลี้ยกล่อมเสียงขรึม แต่ก็ไร้ประโยชน์ นี่ไม่ใช่เกียรติยศและความอับอายของกู่หลินเฟิงเพียงคนเดียว แต่เป็นศักดิ์ศรีของตระกูลกู่ทั้งหมด
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” หยุนเทียนหลิงหัวเราะดังกว่าเดิม สีหน้าดูถูกเหยียดหยามมากขึ้น “อยากจะท้าทายผม งั้นแกก็เข้าแดนในให้ได้เสียก่อนค่อยว่ากัน!”
“ในตอนนี้ แกยังไม่คู่ควร!”
“ไอ้แซ่หยุน ฉันจะฆ่าแก!” กู่หลินเฟิงกัดฟันปล่อยหมัดใส่หยุนเทียนหลิง
“ไอ้กู่ อย่าวู่วาม นายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!” เจี่ยจวินเซี่ยรีบดึงกู่หลินเฟิงไว้ แต่เขาเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่สามารถหยุดกู่หลินเฟิงได้เลย
พลั่ก!
กู่หลินเฟิงถูกหยุนเทียนหลิงต่อยอย่างง่ายดาย ตัวกระเด็นออกไป นอนอยู่บนพื้น กระอักเลือดออกมาเต็มปาก
น่ากลัวมาก!
นักเรียนที่อยู่รอบๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ มองหยุนเทียนหลิงด้วยแววตาหวาดกลัว
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขามีอำนาจขนาดนี้ ที่แท้เขาก็เป็นยอดฝีมือที่ไม่เปิดเผยตัว!”
เสิ่นเจี้ยนเหวินย่อมไม่พลาดโอกาสดีๆ ที่จะได้โจมตีกู่หลินเฟิง เขายิ้มเยาะอย่างภาคภูมิใจ “คุณชายกู่ ปกติเก่งกาจมากไม่ใช่เหรอ? ทำไมนายถึงต้านคุณชายหยุนไม่อยู่แม้แต่กระบวนท่าเดียวล่ะ? มิน่าล่ะพ่อของนายส่งของกำนัลให้ตระกูลหยุนเป็นเวลาสามปีติดต่อกัน แต่ตระกูลหยุนก็ไม่ยอมรับเลย ใครจะรับของกำนัลจากตระกูลที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้ล่ะ!”
“ฮ่าๆ!” ลูกสมุนของเสิ่นเจี้ยนเหวินพากันหัวเราะเยาะเขา
“ฉันจะฆ่าแก!” กู่หลินเฟิงพยายามลุกขึ้นยืน แต่หมัดเมื่อครู่ของหยุนเทียนหลิงไม่เบาเลย ตอนนี้ชี่แท้ภายในร่างกายของเขายุ่งเหยิง ไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อสู้อีก
กู่หลินเฟิงตะเกียกตะกาย เขากระอักเลือดออกมาเต็มปากอีกครั้ง
“ไอ้กู่ ใจเย็นๆ!” เจี่ยจวินเซี่ยและคนอื่นๆ รีบวิ่งเข้าไป นั่งยองลงข้างกายกู่หลินเฟิง
“ไอ้กู่ นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ต้องส่งโรงพยาบาลไหม?” จี๋ต๋าจิ่วตูถามด้วยความเป็นห่วง
กู่หลินเฟิงส่ายหน้า พูดเสียงด้วยสีหน้าอับอาย “ฉันไม่เป็นอะไร เดินลมปราณไม่นานก็หายแล้ว ขายหน้าพวกนายจริงๆ!”
“เป็นพี่น้องกัน ทำไมถึงพูดจาห่างเหินแบบนี้ล่ะ!” จี๋ต๋าจิ่วตูกล่าว
หยุนเทียนหลิงกวาดสายตามองพวกกู่หลินเฟิงและเจี่ยจวินเซี่ยด้วยสีหน้าจองหอง “ในสายตาของผม ภูมิหลังครอบครัวของพวกคุณเป็นเหมือนมด พวกคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ได้แต่นำความอัปยศมาสู่ตัวเอง!”
“เจ้าหมอนี่ จองหองจริงๆ!” จี๋ต๋าจิ่วตูและอีกหลายคนแอบกำหมัดแน่น
พวกเขาอยากเข้าไปสู้กับหยุนเทียนหลิง แต่ว่ากู่หลินเฟิงยังพ่ายแพ้ ต่อให้พวกเขาเข้าไปพร้อมกัน ก็ไม่พอให้หยุนเทียนหลิงต่อย
หยุนเทียนหลิงหันกลับมา จับมือเล่หรูหั่วไว้อีกครั้ง แล้วพูดอย่างเย็นชา “ผมบอกแล้วว่าผมอยากเต้นรำกับเธอ เธอก็ต้องเต้น!”
เล่หรูหั่วใบหน้าซีดเผือด จ้องเขม็งไปที่หยุนเทียนหลิง “ถึงตายฉันก็จะไม่ยอมให้นายได้ในสิ่งที่ต้องการ!”
มู่หรงยานเอ๋อร์โกรธมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่บ่นว่าอย่างโกรธเคือง “ถ้าเฉินโม่อยู่ที่นี่ นายจะกล้าผยองอย่างนั้นไหม?”
หยุนเทียนหลิงหันไปมองมู่หรงยานเอ๋อร์ แล้วยิ้มเยาะอย่างไม่แยแส “ต่อให้เขาอยู่ที่นี่ เขาจะทำอะไรผมได้?”
“งั้นเหรอ?”
น้ำเสียงราบเรียบเลื่อนลอยดังมาจากทางด้านหลัง ราวกับว่ามันดังขึ้นในความคิดของทุกคน
เฉินโม่ในชุดกีฬาสีเทา เอามือไพล่หลัง เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเฉยเมย
เขาเหมือนดาราที่เดินเฉิดฉายบนพรมแดง ดึงดูดสายตาของทุกคน
แต่ในสายตาเหล่านี้กลับประกอบไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนหลากหลาย บ้างก็ประหลาดใจ บ้างก็สับสน ส่วนใหญ่ยินดีบนความโชคร้ายของคนอื่น
“นี่คือนักเรียนชายที่ทำให้คุณหนูยานเอ๋อร์มาที่มหาวิทยาลัยหัวหนานด้วยตัวเองงั้นหรือ? ก็ไม่เท่าไหร่!” บางคนดูถูกรูปลักษณ์ที่ดูธรรมดาทั่วไปของเฉินโม่