แดนนิรมิตเทพ บทที่ 804
“เขาคนเดียวจะสู้หยุนเทียนหลิงเหรอ? เกรงว่าแค่ปลายนิ้วของหยุนเทียนหลิงก็สามารถเอาชนะเขาได้อย่างง่ายดายแล้ว!”

เสียงเหน็บแนมดังขึ้นในที่แห่งนี้ แต่เฉินโม่กลับทำหูทวนลม เดินตรงเข้าไปหามู่หรงยานเอ๋อร์

“เฉินโม่ ฉันรู้ว่าทุกครั้งที่ฉันตกอยู่ในอันตราย นายจะมาทันเวลาทุกครั้ง!” มู่หรงยานเอ๋อร์มมีสีหน้าดีใจระคนแปลกใจ ความผูกพันอันลึกซึ้งปรากฏขึ้นในดวงตาที่งดงาม

เฉินโม่เดินเข้ามาหามู่หรงยานเอ๋อร์ ลูบไล้ปอยผมที่ปรกหน้าผากของมู่หรงยานเอ๋อร์เบาๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “ก็ไม่แน่เสมอไป วันหลังเกิดอะไรขึ้นก็อย่าได้โอ้อวดเกินไป!”

มู่หรงยานเอ๋อร์พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ท่าทางแบบนั้นทำให้นักเรียนชายที่อยู่รอบๆ ใจเต้น “ฉันเข้าใจแล้ว”

สายตาของเฉินโม่เลื่อนไปทางพวกจี๋ต๋าจิ่วตู พลางชำเลืองมองกู่หลินเฟิง ความเย็นชาปรากฏขึ้นในแววตา

“ลำบากพวกคุณแล้ว!” เฉินโม่พูดเบาๆ

“ไอ้เบื๊อกเฉิน ในที่สุดนายก็กลับมา!” ในที่สุดจี๋ต๋าจิ่วตูก็พูดแทรกขึ้นมา เริ่มระบายความคับแค้นใจออกมาทันที “ไอ้เบื๊อกเฉิน นายรู้ไหม หลายวันมานี้นายทำให้ผมต้องเดือดร้อน…”

ห่าวเจี้ยนรีบเอามือปิดปากจี๋ต๋าจิ่วตู ถ้าปล่อยให้เขาพูดมากตรงนี้ ทั้งโรงเรียนไม่ต้องรู้กันหมดเหรอ

“มีอะไรกลับไปค่อยคุยกัน ตอนนี้ไปจัดการกับพวกที่ขวางหูขวางตาก่อน” เฉินโม่ยิ้มให้จี๋ต๋าจิ่วตูเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองหยุนเทียนหลิง รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปในทันที

“รังแกผู้หญิงมันเก่งตรงไหน ปล่อยเธอไป!” เฉินโม่พูดเบาๆ

หยุนเทียนหลิงปล่อยเล่หรูหั่ว แล้วมองเฉินโม่ด้วยแววตาเคร่งขรึม “ไอ้หนุ่ม คราวที่แล้วผมปล่อยนายไปในงานเลี้ยงต้อนรับ แต่ไม่คิดว่านายจะยังไม่รู้สำนึก คราวนี้ไม่มีใครช่วยนายได้แล้ว!”

เล่หรูหั่วเป็นห่วงว่าหยุนเทียนหลิงจะหนักมือกับเฉินโม่ จึงรีบพูดเกลี้ยกล่อม “เฉินโม่ นายรีบไปซะ เรื่องของฉันนายไม่ต้องยุ่ง!”

เฉินโม่มองไปที่เล่หรูหั่ว จะชาติที่แล้วหรือชาตินี้ ความทรงจำตลอด 600 ปีที่ผ่านมาทับซ้อนกัน ประสานกันเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ที่ถักทอจากความเสียใจ ทำให้เฉินโม่จมดิ่งลงสู่ห้วงลึก ไม่อาจหลุดพ้นได้ตลอดกาล

“เธอไม่ต้องเป็นห่วง ครั้งนี้ผมจะไม่ถอยหนี เธอบอกว่าผมคือโลกของเธอ เพื่อเธอแล้ว ผมยินดีที่จะพลิกโลกทั้งใบ!”

หัวใจของเล่หรูหั่วสั่นไหวอย่างรุนแรง เฉินโม่ไม่ได้พูดอะไรเลย แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนว่าเฉินโม่ได้คุยกับเธอมาครึ่งศตวรรษแล้ว

เหมือนเธอกับเฉินโม่รู้จักกันมาหลายปีแล้ว ผูกพันลึกซึ้ง สบตาชั่วกาลนาน

หยุนเทียนหลิงทนดูการสบตาเงียบๆ ของทั้งสองไม่ได้ เขาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ไอ้หนุ่ม แสดงฝีมือเลย ให้ผมดูหน่อยว่านายน่าเชื่อถือแค่ไหน?”

เฉินโม่เลื่อนสายตาไปหาหยุนเทียนหลิง แล้วพูดอย่างไม่แยแส “ถ้านายอยากประมือกับผม ก็รอให้เข้าแดนเทพได้ก่อนแล้วค่อยมาว่ากัน!”

“ตอนนี้ นายยังไม่คู่ควร!”

คำพูดเดียวกัน น้ำเสียงเดียวกัน ความอัปยศที่หยุนเทียนหลิง มอบให้กู่หลินเฟิงเมื่อครู่นี้ เฉินโม่คืนให้เหมือนอย่างเดิมทุกประการ

จี๋ต๋าจิ่วตูและคนอื่นๆ แทบจะปรบมือส่งเสียงเชียร์ กู่หลินเฟิงรู้สึกสะใจมากกว่าใคร แต่ไม่ทันระวังจนส่งผลถึงอาการบาดเจ็บภายใน ไอรุนแรงอีกครั้ง

หยุนเทียนหลิงแอบกำหมัดแน่น ข่มความโกรธภายใน มองไปที่มู่หรงยานเอ๋อร์และเล่หรูหั่ว พลางพูดเยาะเย้ย “เห็นแล้วหรือยัง คนที่พวกคุณชื่นชม เป็นเพียงคนขี้ขลาดที่เก่งแต่ปากเท่านั้น ตอนนี้พวกคุณคงจะผิดหวังมากสินะ!”
มู่หรงยานเอ๋อร์โต้กลับ “นายพูดจาเหลวไหล เฉินโม่แค่ไม่อยากทำอะไรนายเท่านั้นเอง!”
“เชอะ ฉันยังนึกว่าเฉินโม่คนนี้เก่งกาจมาก ถึงกล้าที่จะงัดข้อกับหยุนเทียนหลิง นึกไม่ถึงเลยว่าดีแต่ปาก!”
“ใช่แล้ว ยังนึกว่าจะมีอะไรดีๆ ให้ดูซะอีก น่าผิดหวังจริงๆ!”
บรรดานักเรียนรอบๆ พูดจาโจมตีเฉินโม่
เฉินโม่ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ เขาเดินเข้าไปหากู่หลินเฟิงอย่างไม่เร่งรีบ แล้วยื่นยาให้เขาเม็ดหนึ่ง
“กินซะ แล้วค่อยไปทวงศักดิ์ศรีที่นายเสียไปกลับคืนมา!” สายตาของเฉินโม่เต็มไปด้วยกำลังใจ
หยุนเทียนหลิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ในเสียงหัวเราะเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “ทีแรกแค่คิดจะพึ่งพาเศษสวะอย่างตระกูลกู่นั่น
“ถ้าต้องการทวงศักดิ์ศรีของเขากลับคืนมา ก็รอจนกว่าเขาจะเข้าแดนในได้แล้วค่อยว่ากันเถอะ!”
เฉินโม่ยิ้มมุมปาก “แค่แดนในเท่านั้น มันยากตรงไหน?”