หยุนเทียนหลิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง มองไปที่เฉินโม่ด้วยสีหน้าเย้ยหยัน พ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “ไอ้หนุ่ม แดนในยากดั่งขึ้นสวรรค์ ประโยคนี้แทบจะกลายเป็นกฎเหล็กของโลกฝึกบู๊แล้ว”

“ในโลกนี้มีนักบู๊มากมาย แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้าสู่แดนในได้ มีหลายคนชั่วชีวิตก็ไม่มีทางเข้าสู่แดนในได้!”

“ในสายตาของนาย แดนในกลายเป็น ‘แค่นั้น’ เองเหรอ? คุยโวอย่างหน้าไม่อายจริงๆ!”

กู่หลินเฟิงก็รู้สึกว่าคำพูดของเฉินโม่มันเกินจริงไป “เฉินโม่ บางทีพรสวรรค์ของนายอาจจะน่าทึ่ง ก้าวเข้าสู่แดนในได้อย่างง่ายดาย แต่สำหรับนักบู๊ส่วนใหญ่แล้ว แดนในนั้นเป็นเหมือนสันปันน้ำ ถูกแล้วที่ในหนึ่งพันนักบู๊จะมีเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถเข้าสู่แดนในชั้นสมบูรณ์ แต่นายอย่าดูถูกความยากของแดนในเด็ดขาด!”

แม้ว่าผู้คนรอบข้างจะไม่รู้ว่าอะไรคือความแตกต่างระหว่างแดนนอกและแดนในของนักบู๊ แต่เมื่อเห็นหยุนเทียนหลิงและกู่หลินเฟิงต่างให้ความสำคัญมาก เห็นได้ชัดว่าแดนในต้องยากมากแน่นอน

แต่เฉินโม่พูดอย่างสบายใจมาก ต้องคุยโวอยู่แน่ๆ

“ไอ้หมอนี่เป็นพวกยโสโอหัง! เขาต้องคุยโวหลอกคุณหนูยานเอ๋อร์อยู่แน่ๆ”

“ไม่น่าแปลกใจเลยที่สมัยนี้จะมีคนพูดว่า ไม่มีเรื่องไหนที่แก้ไขไม่ได้ด้วยการคุยโว ถ้ามี ก็แค่คุยโวอีกครั้ง!”

“ฮ่าฮ่า บัดซบ นี่นายแค่พูดดีเฉยๆ!”

เฉินโม่มีหน้าเฉยเมย ทำหูทวนลมต่อคำพูดเหน็บแนมเหล่านั้น มองไปที่หยุนเทียนหลิงและกล่าวว่า “ในความคิดของพวกคุณ แดนในนั้นยากเหมือนขึ้นสวรรค์ แต่ในความคิดของผม แค่ดีดนิ้วทีเดียวก็ได้แล้ว!”

เฉินโม่มองดูกู่หลินเฟิง แล้วพูดอย่างเฉยเมย “กินมันซะ แล้วเดินลมปราณ!”

กู่หลินเฟิงมองไปที่เฉินโม่ ในใจรู้สึกประหม่าเล็กน้อย “เฉินโม่ ผมมีความสามารถแค่ระดับแดนนอก ผมรู้อยู่แก่ใจดีว่า อย่างน้อยต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะเข้าสู่แดนในได้…”

เฉินโม่ขัดจังหวะกู่หลินเฟิง ทวนประโยคที่เขาพูดเมื่อครู่อีกรอบ “กินมันซะ แล้วเดินลมปราณ!”

เมื่อเห็นสีหน้ามั่นอกมั่นใจของเฉินโม่ กู่หลินเฟิงก็รู้สึกว่าตัวเองจะขี้ขลาดไม่ได้ จึงตัดสินใจลองดู

“อืม!”

กู่หลินเฟิงพยักหน้าอย่างหนักแน่น กลืนเม็ดยาในอึกเดียว แล้วหลับตาเดินลมปราณตามวิชาที่ที่สืบทอดมาจากตระกูลทันที

หยุนเทียนหลิงหัวเราะเยาะ หน้าตาไม่แยแส เขาไม่เคยเชื่อว่าเฉินโม่สามารถทำให้นักบู๊แดนนอกเข้าสู่แดนในได้โดยใช้ยาเพียงเม็ดเดียวเท่านั้น

“ไอ้หนุ่ม ผมจะคอยดูว่านายจะจบเรื่องราวยังไง!”

เสิ่นเจี้ยนเหวินและคนอื่นๆ ต่างทำหน้ายิ้มเยาะ เขาก็รู้สึกว่าเฉินโม่ตั้งใจคุยโวข่มขู่คนอื่นเท่านั้น แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าแดนในคืออะไร แต่เขามั่นใจว่ามันไม่ง่ายดายแบบนั้น

จี๋ต๋าจิ่วตูและคนอื่นๆ ก็มองไปที่เฉินโม่ด้วยความเป็นห่วง ห่าวเจี้ยนกระซิบว่า “เฉินโม่คงไม่ได้คุยโวอยู่หรอกนะ?”

เจี่ยจวินเซี่ยเงียบไม่พูดจา ในใจก็ไม่แน่ใจ เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับนักบู๊แดนใน รู้ว่าพวกเขาเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งมาก

เจี่ยจวินเซี่ยรู้สึกว่า ที่เฉินโม่บอกว่าแค่ดีดนิ้วก็เข้าสู่แดนใน มันเกินจริงเกินไป

นักเรียนที่อยู่รอบๆ มองมาที่เฉินโม่อย่างยินดีในความโชคร้ายของคนอื่น รอดูเฉินโม่ขายหน้า

แม้แต่เล่หรูหั่วก็มีสีหน้าสงสัย เธอไม่เชื่อว่าเฉินโม่จะทำได้

มีเพียงมู่หรงยานเอ๋อร์ที่มีสีหน้าแน่วแน่ เชื่อมั่นในตัวเฉินโม่อย่างเต็มร้อย

กู่หลินเฟิงเริ่มกลั่นยา เฉินโม่มองปราดเดียวก็รู้ข้อดีข้อเสียของวิชาที่สืบทอดมาจากตระกูลของกู่หลินเฟิง

วิชานั้นไม่มีปัญหาอะไร ในโลกฝึกบู๊ปัจจุบันนับว่าดีมากแล้ว ดูเหมือนว่ากู่หลินเฟิงจะไม่มีปัญญาเพียงพอ

เฉินโม่ตบไหล่กู่หลินเฟิงเบาๆ ชี่แท้ที่อ่อนโยนแต่มีกำลังครอบงำอย่างที่สุด ได้ทะลุทะลวงผ่านเส้นลมปราณที่กู่หลินเฟิงไม่เคยทำได้มากว่าสิบปีในทันที