บทที่ 1037 ฝีมือแย่เกินไป / บทที่ 1038 ไม่ออมมือ

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1037 ฝีมือแย่เกินไป

ผู้ตัดสินเคารพการตัดสินใจขอผู้แข่ง ในเมื่อปิ่งซิ่นไม่ต้องการพัก ก็ดำเนินการแข่งต่อได้

“ระวังหน่อย ปิ่งซิ่นตระกูลซือนั่น แข็งแกร่งจริงๆ …” บอดี้การ์ดหนุ่มตระกูลซือขมวดคิ้วพูด

พลังต่อสู้ของเขานับว่าไม่เลวแล้ว แต่เมื่อครู่นี้บนสังเวียน ความแตกต่างกลับมากเกินไป

กระทั่งว่า บอดี้การ์ดหนุ่มตระกูลซือเพิ่งขึ้นสังเวียน เริ่มต้นยังไม่ทันเห็นปิ่งซิ่นตระกูลซือลงมืออะไร แต่ชั่วพริบตาเดียว ตัวเองก็ถูกซัดตกสังเวียน พ่ายแพ้เรียบร้อย

บนที่นั่งชมการแข่งขัน เยี่ยหวันหวั่นอดมีสีหน้าผิดหวังนิดหน่อยไม่ได้ ฝีมือของบอดี้การ์ดหนุ่มตระกูลซือเมื่อครู่นี้ออกจะแย่ไปหน่อย แล้วปิ่งซิ่นของตระกูลซุนนั่น เท่าที่เธอดู ก็ไม่มีค่าให้พูดถึง งานชุมนุมประลองฝีมือนี้ เหมือนจะน่าเบื่อไปหน่อยนะ

เวลานี้ สี่คนของตระกูลซือปรึกษากันแล้ว สุดท้ายก็ให้หลี่เยว่ที่มีพลังอันดับสองขึ้นสนาม

“บอดี้การ์ดตระกูลซือ หลี่เยวี่ย เชิญ!”

หลี่เยวี่ยขึ้นสังเวียน มองปิ่งซิ่นตระกูลซุนคารวะเอ่ย

“ลงไปซะ” ปิ่งซิ่นตระกูลซุนเอ่ยอย่างเย็นชา

ได้ยินแบบนั้น หลี่เยวี่ยก็พลันชะงัก หลังได้สติ เขาก็อดแค่นเสียงเย็นไม่ได้ แม้พลังต่อสู้ของปิ่งซิ่นตระกูลซุนผู้นี้จะไม่ง่าย ทว่ากลับทระนงตนเกินไปหน่อย

แต่ยังไม่ทันให้หลี่เยวี่ยเอ่ยปาก ตรงหน้าชั่วพริบตาเดียว ท้องเขาก็พลันเจ็บปวดสุดแสน

เหมือนกับบอดี้การ์ดหนุ่มตระกูลซือเมื่อครู่นี้ ร่างของหลี่เยวี่ยก็ลอยขึ้นฟ้า ถูกเตะออกสังเวียนอย่างรวดเร็ว

“ปิ่งซิ่นตระกูลซุนชนะ!”

ทีมผู้ตัดสินประกาศผลการแข่งขันอย่างรวดเร็ว

หลังตกพื้น หลี่เยวี่ยก็มีสีหน้าตกตะลึง ความเร็วของปิ่งซิ่นตระกูลซุนนั่น เร็วเกินไปหน่อยจริงๆ ทำเอาเขาตอบโต้ไม่ได้แม้แต่น้อย!

“อย่าเสียเวลา ต่อ” ปิ่งซิ่นตระกูลซุนจ้องบอดี้การ์ดตระกูลซือ เอ่ยเสียงเย็น

การแข่งของตระกูลซุนกับตระกูลซือ ใช้การแข่งแบบห้านัดชนะสาม ถ้าตระกูลซุนแข่งชนะอีกนัด ตระกูลซือก็จะแพ้การแข่งขันครั้งนี้

“หลงตัวเองเป็นบ้า!” หลี่เยวี่ยแค่นเสียงเย็น เขาหันมองหนึ่งในบอดี้การ์ดตระกูลซือ “พี่ใหญ่ พี่ขึ้นเถอะ แต่ ต้องระวังให้มากๆ พลังต่อสู้เขาแข็งแกร่งจริงๆ”

พูดจบ ชายอายุราวสามสิบกว่าผู้หนึ่งก็ก้าวขึ้นสังเวียน

“ลงไป!”

ไม่รอให้ชายคนนั้นออกปาก ปิ่งซินตระกูลซือก็ตะคอกเสียงเย็นชา

จากนั้นทุกคนในที่นั้นเห็นแค่ว่า ชายที่พลังต่อสู้แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาห้าคนที่มาจากตระกูลซือ หลังปิ่งซิ่นตะคอกเสียงเย็น ก็ถูกเตะลอยออกนอกสังเวียนชั่วพริบตาตามรอยสองคนก่อนหน้านี้

“ตระกูลซือแพ้สาม ตระกูลซุนชนะ”

ผู้ตัดสินประกาศผลการแข่งของตระกูลซือกับตระกูลซุนทันที

เวลานี้ ทุกคนอดถอนหายใจเฮือกไม่ได้

ยังไงเสียตระกูลซือก็ทำธุรกิจเป็นหลัก ไม่เหมือนตระกูลซุน ทั้งสองตระกูลแข่งกัน แทบไม่มีจุดให้ลุ้นอะไร ตระกูลซือใช้พลังต่อสู้ที่เหนือกว่าเอาชนะ

บนที่ชมการแข่งขัน เยี่ยหวันหวั่นกลับไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าอะไร ผลลัพธ์นี้ก็อยู่ในความคาดหมายของเธอ

ยังไงตระกูลซือก็เป็นตระกูลวิทยายุทธ แถมยังให้ความสำคัญเต็มที่กับงานชุมนุมประลองฝีมือนี้ คนที่ตระกูลเลือกมา ย่อมต้องเป็นยอดฝีมือระดับต้นๆ ถึงแม้ห้าคนของตระกูลซือ พลังต่อสู้พอพูดได้ว่าไม่นับว่าแย่ แต่เมื่อเจอกับตระกูลซุน ก็กลับไม่มีค่าให้พูดถึงสักนิดเดียว

เวลานี้ คนของตระกูลซือแทบอยากมุดรอยแยกแผ่นดินหนี เดิมทีเป็นการแข่งแบบห้านัดชนะสาม แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่า ยังไม่ทันรอถึงห้านัด สามคนก็แพ้รวดแล้ว

ที่ทำให้คนยิ่งเหลือเชื่อคือ ปิ่งซิ่นในบรรดาตระกูลซือ กลับเป็นคนหนึ่งที่พลังต่อสู้อ่อนด้อยที่สุด

———————————————————————————————

บทที่ 1038 ไม่ออมมือ

ตระกูลศิลปะการต่อสู้กับตระกูลธุรกิจ เดิมก็เป็นแนวคิดคนละชนิดกัน ตระกูลซุนแต่ไหนแต่ไรส่งต่อวิทยายุทธ์ บรรยากาศฝึกศิลปะการต่อสู้รุนแรงเข้มข้น ยอดฝีมือในตระกูลย่อมมีนับไม่ถ้วน

ในห้องชมการแข่งขัน ซุนเสวี่ยเจินกลับใจเย็นกับการชนะของตระกูลซุนอย่างยิ่ง บอดี้การ์ดตระกูลซือที่ให้เยี่ยหวันหวั่นนำทีมได้ พลังวิทยายุทธของตัวคนก็ไม่มีทางสูงไปกว่าไหน จะเอามาเทียบกับตระกูลซุนพวกเธอได้อย่างไร

“ตาถัดไป ตระกูลซุนกับตระกูลฉิน!”

หนึ่งในผู้ตัดสินเอ่ยประกาศ

ตระกูลซือพ่ายแพ้แล้ว เหลือแค่สองตระกูล ก็คือกลุ่มห้าคนที่คุณหนูฉินรั่วซี่นำทีมกับกลุ่มห้าคนที่ซุนเสวี่ยเจินนำทีม

ในห้องชมการแข่งขัน เยี่ยหวันหวั่นเท้าคาง มองห้าคนของตระกูลฉินกับตระกูลซุนต่อสู้กัน เธอลอบหาว ถ้ารู้ว่าจะไม่สนุกแต่เนิ่นๆ เธอก็ไม่มาแล้ว

เหตุผลที่เธอเบื่อ เป็นเพราะคุณภาพของงานประลองแย่เกินไป จากที่เธอดู ที่เรียกว่ายอดฝีมือ ก็น่าจะเหมือนพวกเนี่ยอู๋หมิงกับอี้จือฮวาแบบนั้น

แต่นักสู้ของสามตระกูลที่เข้าร่วมการแข่งขันเหล่านี้ เทียบกับพวกเนี่ยอู๋หมิง ก็ต่างกันมากกว่าปีแสง…

พูดถึงค่าพลังต่อสู้ กลุ่มแชร์ลูกโซ่ห้าคนนั้นยังน่าเชื่อถือกว่า

ก่อนเธอมาก็คิดพลาดไป ใต้หล้าไหนเลยจะมียอดฝีมือกลายพันธุ์มากมายขนาดนั้น แบบพวกเนี่ยอู๋หมิงนั้น ยังไงก็เป็นส่วนน้อย

ซุนเสวี่ยเจินเหลือบหางตาผ่านเยี่ยหวันหวั่น เห็นเยี่ยหวันหวั่นมีท่าทีเบื่อหน่ายเต็มประดา ก็อดหัวเราะเยาะไม่ได้

ผู้หญิงอย่างนี้เลี้ยงปิดไว้ในบ้านยังพอได้ ไหนเลยจะเข้าใจเสน่ห์ของศิลปะการต่อสู้ ตั้งแต่ที่แข่งมานี้ ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยมองเต็มตาสักครั้ง เพราะอย่างนั้นจนถึงตอนนี้ ซุนเสวี่ยเจินก็ยังไม่เข้าใจว่าหัวหน้าตระกูลซือซือเยี่ยหานตกลงเป็นบ้าอะไรไปแล้ว ถึงให้ผู้หญิงคนนี้มาเป็นตัวแทน!

หลังจบการแข่งขัน ในฐานะตัวแทนของแต่ละตระกูล ก็ยังต้องขึ้นสังเวียนไปแข่งขัน ถึงตอนนั้น เธอจะไม่ออมมือเด็ดขาด!

ผู้หญิงคนนี้มาที่นี่ในฐานะตัวแทน และนั่งบนที่นั่งผู้ชมเหมือนกับพวกเธอ ก็เป็นการเย้ยหยันงานชุมนุมนี้ในตัวเองแล้ว…

“ฉินเฟิงตระกูลฉินชนะ!”

เวลานี้เอง เสียงประกาศจากทีมตัดสิน ทำให้ซุนเสวี่ยเจินชะงักเล็กน้อย เธอพินิจมองสังเวียนที่ด้านล่างทันที

เห็นแค่ว่าปิ่งซิ่นถูกชายหนุ่มตระกูลฉินฉินเฟิงโจมตีจนออกจากสังเวียน แพ้การแข่งขันนัดนี้

“พี่น้องปิ่งซิ่น วิชาเตะไม่เลว แต่เทียบกับกำลังภายในเสริมกายาของฉันยังแย่ไปหน่อย” ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าฉินเฟิงยืนอยู่บนสังเวียน มีสีหน้าเกียจคร้าน

“ฉินเฟิง ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของรุ่นเยาว์ตระกูลฉิน…”

ซุนเสวี่ยเจินเก็บสายตากลับมา มีท่าทีครุ่นคิด

ว่ากันว่าฉินเฟิงสี่ขวบก็ติดตามคุณปู่ฝึกฝนวิทยายุทธ ถึงขั้นว่า ในช่วงอากาศเยือกแข็งหิมะปกคลุม ปู่ฉินเฟิงยังให้เขาถอดเสื้อผ้า ใช้หิมะใหญ่ทับคลุมตัว รู้กันว่าเป็นการฝึกฝนร่างกาย วันนี้พอได้เห็น ก็ไม่เลวจริงๆ

หลังผ่านไปชั่วครู่ การแข่งก็ดำเนินต่อ

ฉินเฟิงของตระกูลฉิน กวาดศัตรูไร้พ่าย ชนะตระกูลซุนสองคนติด

กระทั่งหลังจากอัจฉริยะที่พลังต่อสู้แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลซุนปรากฏตัว ผลการแข่งไร้พ่ายของฉินเฟิงจึงค่อยถูกทำสิ้นสุดลง

“โจวเหิน…อายุสิบหกก็ได้ที่หนึ่งของงานแข่งศิลปะการต่อสู้ระดับประเทศ…”

ผู้ชมไม่น้อย มองชายหนุ่มที่ท่าทางใจเย็นขึ้นสังเวียน ก็พูดคุยกันระงม

ฉินเฟิงที่เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะของตระกูลฉิน แค่เพียงลูกแตะเดียวของโจวเหิน ก็ถูกกวาดออกจากสังเวียนไป

“โจวเหินของตระกูลซุนนั่น ไม่ได้มีพรสวรรค์อะไร แต่กลับพยายามเต็มที่…ว่ากันว่า วิชาเตะหนึ่งชุด คนอื่นฝึกสิบกว่าครั้งก็นับว่าไม่น้อยแล้ว แต่โจวเหินคนนี้ กลับฝึกได้ถึงแสนครั้ง…เขาฝึกทุกการเคลื่อนไหวต่อเนื่องวันแล้ววันเล่าปีแล้วปีเล่า จนสามารถแสดงพลังของท่าออกมาได้มากกว่าคนปกติสิบเท่า!”

“ถูกต้อง คนอื่นฝึกสิบครั้งร้อยครั้ง แต่เขากลับฝึกหลานแสนครั้ง เป็นการใช้ความอุตสาหะของตัวเองมาก้าวข้ามพวกที่เรียกว่าอัจฉริยะศิลปะการต่อสู้”

…………………………..