ตอนที่ 57-2 การเลือกคู่อภิเษกสมรส

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

องค์จักรพรรดิทรงตรัสว่าตอนนี้กำลังคัดเลือกชายาให้กับฮวางเซจา จึงต้องการที่จะเลือกบุตรธิดาของเหล่าข้าราชการกงชิน และยังทรงตรัสอีกว่าเนื่องจากบุตรธิดาของแทกงชินนั้นได้ถูกเลือกให้เป็นชายาของ 

 

 

ฮวางแทจาไปก่อนหน้าแล้ว และบุตรธิดาของมูกงชิน กับฮยองกงชินก็มีอายุห่างกับฮวางเซจาเป็นอย่างมาก จึงจะทำการคัดเลือกบุตรธิดาที่เหลืออีกสี่คนในวันที่หนึ่งเดือนหนึ่งด้วยตนเอง 

 

 

และในวันนั้น ก็เป็นครั้งแรกหลังจากที่ตนอายุสิบขวบที่ได้เข้ามาในพระราชวัง เมื่อตนเข้ามาถึงท้องพระโรงแห่งพระราชวังกลาง ข้าราชการกงชินคนอื่นๆ ก็เข้ามานั่งรอกันอยู่ก่อนแล้ว และเนื่องจากแทกงชินไม่ได้มา นางจึงยืนอยู่ด้านหลังมุนกงชินที่นั่งอยู่ในตำแหน่งสูงสุด โดยที่นั่งก็เรียงตามลำดับจากที่นั่งตำแหน่งสูงสุดคือมุนกงชิน ตามมาด้วยอีกงชิน โฮกงชิน และเยกงชิน แล้วข้างหลังพวกเขาก็มีบุตรธิดายืนอยู่ 

 

 

บุตรธิดาของกงชินพวกนี้อายุห่างกันเพียงสามสี่ปี พวกนางเคยได้เจอกันอยู่หลายครั้ง พวกนางรู้อยู่แล้วว่าการเลือกคู่อภิเษกสมรสในครั้งนี้นั้นมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับรูปลักษณ์ภายนอก และมันก็แน่ชัดอยู่แล้วว่าใครจะถูกเลือก มันเป็นเพียงการแสดงฉากหนึ่งเพื่อกันไม่ให้ผู้คนนำไปพูดติฉินนินทากัน ฉะนั้นจึงไม่มีบุตรธิดาคนใดของกงชินที่จะกระทำเหตุอันโง่เขลาโดยการแต่งองค์ทรงเครื่องให้สวยงามอลังการ 

 

 

หลังจากนั้นไม่นานออฮยูลเจปรากฎตัวนั่งบนบัลลังก์ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เดินเข้ามาคนเดียว แต่นางที่ก้มหน้าอยู่ก็ไม่รู้เลยว่าฮวางเซจาได้เดินเข้ามาด้วย เหล่าบุตรธิดาของกงชินก้าวไปข้างหน้าทีละคนเพื่อตอบคำถามตามลำดับ โดยเรียงจากคนที่ยศต่ำที่สุดคือบุตรธิดาของเยกงชิน และสุดท้ายก็เป็นเวลาของยอมิน เป็นคราวของจองรัน นางที่ก้มศีรษะแล้วก้าวออกไปข้างหน้าตอนที่ขันทีขานชื่อนั้นเดินออกไปยืนอยู่หน้าบันไดที่จะเดินขึ้นไปบนบัลลังก์ของออฮยูลเจ 

 

 

“รันแห่งตระกูลจอง จงเงยหน้าเถิด” 

 

 

นางรู้สึกขนลุกในทันที แม้น้ำเสียงนั้นจะนุ่มนวลก็ตาม ตอนนี้รู้สึกได้ถึงริมฝีปากที่แห้งผาก ออฮยูลเจ 

 

 

ออกคำสั่งอีกครั้งแก่นางที่เงยหน้ายืนมองบันได้อยู่ พร้อมกับกลืนน้ำลายที่แห้งเหือดอย่างยากลำบาก 

 

 

“เงยอีกนิดให้สบตากับข้าพเจ้า” แม้จะเป็นน้ำเสียงที่อ่อนโยนแต่ความกลัวก็เข้าจู่โจม การบอกให้มองไปที่องค์จักรพรรดินั้นแม้แต่กงชินที่นั่งก็อยู่ยังสะดุ้งโหยง 

 

 

แม้แต่แทกงชินที่ยศตำแหน่งสูงก็ยังไม่กล้าที่จะมองพระพักต์องค์จักรพรรดิตามอำเภอใจ เวลาที่ได้รับอนุญาตก็จะลดสายตาลงตอนมองพระพักตร์ เป็นพระพักตร์ที่ไม่สามารถสบสายตา และสามารถมองได้ถึงแค่ปลายจมูกเท่านั้น แต่ว่าตอนนี้ดันมีรับสั่งให้สบตา หรือนี่จะเป็นการบอกให้สบตาด้วยความกล้าหาญกัน 

 

 

ยอมินยกตัวที่กำลังสั่นเครือขึ้นอย่างยากลำบาก นางระวังไม่ให้มีความกลัวอยู่ในสายตา และเมื่อนางเงยหน้าขึ้นคนที่นางเห็นนั้นไม่ใช่องค์จักรพรรดิ แน่นอนว่าตอนนี้ตนยืนอยู่ข้างล่างบันลังก์ เมื่อเงยหน้าขึ้นไปก็ย่อมต้องเห็นองค์จักรพรรดินั่งอยู่บนบัลลังก์ ทว่าสายตากลับเห็นใบหน้าของฮวางเซจา ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ขั้นถัดลงมาจากบัลลังก์ ใบหน้าที่มีรอยยิ้มและดูอ่อนโยน ในตอนที่นางได้สบตากับเขา นางก็รับเขาเป็นสามีของตนแล้ว 

 

 

“เป็นเยี่ยงไรบ้าง ข้าพเจ้ารู้สึกถูกใจในรันยิ่งนัก” 

 

 

“ฝ่าพระบาททรงเลือกไว้แล้วมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพียงแค่ทำตามพระประสงค์ของฝ่าพระบาทเท่านั้น” 

 

 

เขาที่หันไปคำนับออฮยูลเจนหันมามองยอมินแล้วยิ้มให้หนึ่งทีก่อนจะเดินออกไปจากท้องพระโรงไป จากนั้นออฮยูลเจก็ลุกออกไป แล้วขันทีก็ประกาศบางอย่าง ทว่าหูของยอมินนั้นไม่ได้ยินอะไรเลย 

 

 

หลังจากวันนั้นขันทีเยผู้ดูแลควันฮนซังเจ[1] ก็ได้รับคำสั่งให้มาหานางสองสามครั้ง ความรู้สึกดั่งตนกำลังนั่งอยู่บนก้อนเมฆ จนถึงวันจัดงานอภิเษกสมรสที่จะจัดขึ้นกลางฤดูใบไม้ผลิ หลังจากงานอภิเษกสมรสสิ้นสุดลง จนถึงเวลาที่ต้องถอดผ้าคลุมหน้าสีแดงออก และตอนที่ได้เห็นใบหน้าของรูแฮนั้น ยอมินไม่สามารถคิดสิ่งใดอื่นได้เลย นับแต่นั้นนางก็ไม่ใช่จองรันอี บุตรธิดาของตระกูลจองผู้ทรงอำนาจอีกต่อไป แต่นางคือ 

 

 

พระชายาฮวางเซจา ยอมิน 

 

 

รูแฮปฏิบัติตัวต่อยอมินอย่างอ่อนโยนอยู่เสมอ ไม่ว่าผู้ใดมองมาก็ต้องคิดว่าเป็นคู่รักที่รักกันมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปยอมินก็เริ่มรู้สึกได้ว่ารอยยิ้มที่ไม่มีความจริงใจของเขานั้นก็เป็นแค่รูปลักษณ์ภายนอก เขาไม่เคยยิ้มให้กับนางอย่างแท้จริง เมื่อยอมินได้รู้ความจริงเหล่านี้ น้ำเสียงของรูแฮก็ดังขึ้นในหูของนาง 

 

 

‘กระหม่อมเพียงแค่ทำตามพระประสงค์ของฝ่าพระบาทพ่ะย่ะค่ะ’ 

 

 

คนที่คิดว่าเขาเป็นสามีในตอนเจอกันครั้งแรกนั้นมีเพียงแค่ยอมิน นางพยายามที่จะไม่ใส่ใจเรื่องนี้ แต่เวลาที่เจอหน้ารูแฮคำพูดนั้นก็จะวนมาในหัวเสมอ คำพูดที่บอกว่าเขารับตนเป็นชายาเพราะคำสั่งขององค์จักรพรรดิ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดตนจึงไม่คิดทบทวนถึงคำพูดนั้นตั้งแต่แรก ทว่ายอมินก็ไม่สามารถที่จะพูดอะไรออกไปได้ หากมองจากภายนอกรูแฮก็ดูเป็นสามีที่สมบูรณ์แบบไม่มีคืนไหนที่เขาไม่มาหายอมินเลย เขามาที่ตำหนักนัมบีทุกวัน พูดคุยกันนิดหน่อย และได้เห็นหน้ากันบ้าง เขามักจะปฏิบัติตัวอย่างอ่อนโยนอยู่เสมอ ไม่เคยขึ้นเสียงเลยสักครั 

 

 

แต่เขามักจะเรียกยอมินว่า ‘ชายาฮวางเซจา’ เสมอ และไม่เคยอยู่ด้วยกันตลอดทั้งคืน ไม่เคยจับมือกันแม้สักครั้ง เขาไม่ได้มีความรู้สึกที่แท้จริง เนื่องมาจากนี่เป็นรับสั่งจากองค์จักรพรรดิมาแต่แรก ยอมินต้องใช้ชีวิตอยู่กับหัวใจที่ว่างเปล่า และที่นางสามารถทนมาได้ก็เป็นเพราะความจริงที่ว่านางเป็นชายาของรูแฮนั่นเอง และเนื่องจากทั้งหมดเป็นคำสั่งขององค์จักรพรรดิ ความสัมพันธ์นี้จึงได้รับการดูแล ประคับประคองด้วยคำสั่งขององค์จักรพรรดิ ซึ่งหมายความว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่สามารถถูกทำลายได้ 

 

 

หากรูแฮไม่คิดที่จะคัดค้านต่อคำสั่ง 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

[1] ควันฮนซังเจ พิธีกรรมดั้งเดิม 4 อย่าง ได้แก่ พิธีบรรลุวุฒิภาวะ พิธีสมรส พิธีศพ พิธีเซ่นไหว้