บทที่ 581 เด็ก ๆ ละ จะทำอย่างไร

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

สิ่งที่หมอเทวดาไล่ตามมาตลอดชีวิตคือวิชาการแพทย์ ในเมื่อโอกาสมาถึงแล้วยังจะมีเหตุใดต้องยอมพลาดไปอีก เขาเองก็ไม่เคยเห็นของสิ่งนี้มาก่อน

โอกาสที่ได้ยากเช่นนี้จะพลาดได้อย่างไร หมอเทวดารีบเข้าไปหาเฟิงอู๋ชิงทันที

สภาพจิตใจของเฟิงอู๋ชิงในตอนนี้ไม่ดีเท่าไร่นัก พูดได้ว่าเขาเจ็บลึกมากทีเดียว

จะหนึ่งคนหรือสองคนก็ล้วนเป็นเช่นนี้ เพื่อเป้าหมาย เจ้าหอคนนี้ไม่ไม่คิดสิ่งใดทั้งนั้น

“หมอประจำจวนโจว เจ้าดูเข็มหลอดนี้ให้ข้าหน่อยสิ เมื่อไหร่จะฉีดเสร็จสักที?” เฟิงอู๋ชิงมองไปทางหมอประจำจวนโจว

หมอประจำจวนโจวรีบตอบกลับไปทันทีว่า : “ใกล้แล้วล่ะ ขอแค่ให้ของเหลวภายในหมด ก็ดึงเข็มออกได้แล้ว”

“เช่นนั้นก็รอ” กล่าวจบเฟิงอู๋ชิงก็หลับตาเริ่มเข้าสู่การพักผ่อนอีกครั้ง คนอื่น ๆ ไม่ได้กล่าวสิ่งใดอีก แต่เวลานี้หมอเทวดาเริ่มตั้งท่ารับ อยากจะเข้าไปหาฉีเฟยอวิ๋นแทบขาดใจ แต่เขาจะเข้าไปมั่วซั่วไม่ได้ ต้องรอเจ้าหอดีขึ้นเสียก่อน

หมอประจำจวนโจวรอต่ออีกไม่นาน ก็เริ่มดึงเข็มออก เพื่อให้หมอเทวดาได้เห็นอย่างชัดเจน หมอประจำจวนโจวดึงมือของเฟิงอู๋ชิงมาตรวจสอบ

หมอเทวดามองอย่างจริงจัง เขาพอเข้าใจบ้างเล็กน้อย

หลังจากเก็บเข็มเรียบร้อยหมอประจำจวนโจวก็เตรียมจะจากไป หมอเทวดารีบเข้าไปขวางทันที : “ท่านพี่โจว ไหน ๆ ท่านก็ใช้ยาขวดนี้หมดแล้ว ไม่สู้ให้ข้าดีกว่า ข้าอยากลองศึกษาดู”

หมอประจำจวนโจวแสดงสีหน้าลำบากใจ : “ไม่ใช่ข้าไม่อยากให้เจ้าหรอกนะ แต่ข้าลำบากใจ และไม่อยากปิดบัง ยาชนิดนี้ยังมีอยู่ในจวน แต่เป็นกฎของพระชายาเย่ ของสิ่งนี้ หากไม่ชำนาญ ห้ามเอามาใช้มั่วซั่วเด็ดขาด เหมือนขวดเปล่าขวดนี้ เจ้าเอาเข็มจุ่มลงไป ก็สามารถฉีดเข้าร่างกายได้แล้ว ข้อควรระวังที่หนึ่ง หากมีอากาศเข้าไปในร่างกาย คนอาจตายได้ ส่วนข้อควรระวังที่สองหากเลือดเกิดการไหลเวียน ถึงตอนนั้นเมื่อเลือดไหลเข้าไป คนก็อาจตกอยู่ในอันตราย

ดังนั้นข้าจึงให้เจ้าไม่ได้”

หมอประจำจวนโจวกล่าวจบก็เดินจากไป หมอเทวดาแสดงสีหน้าอิจฉา รีบเดินตามออกไปทันที

เฟิงอู๋ชิงคุ้นชินแล้ว องครักษ์สองสามคนของเขาล้วนน่าเชื่อถือได้ ไม่มีทางทำให้เจ้าหอของเขาออกมาสอบสังหารผู้คนโดยเด็ดขาด

หมอประจำจวนโจวมาถึงด้านนอกสวนดอกกล้วยไม้ รายงานสิ่งที่เจอะเจอให้แก่ฉีเฟยอวิ๋น

เมื่อเห็นหมอเทวดา ฉีเฟยอวิ๋นก็เข้าใจทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น นางจึงออกคำสั่งให้หมอประจำจวนโจวไปจัดการเรื่องของตนเอง แต่หมอประจำจวนโจวเลือกที่จะไปช่วยฉีเฟยอวิ๋นผสมยา เข้าไปในร้านขายยาสมุนไพร หยิบเอาสมุนไพรชนิดหนึ่งมาผสม ฉีเฟยอวิ๋นจัดการเสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายให้เข้าที่เข้าทางก่อนนั่งลง จากนั้นก็มองไปทางหมอเทวดา: “หมอเทวดามีธุระหรือ?”

“มีธุระแน่นอน กระหม่อมใคร่อยากถามพระชายาว่าประสงค์จะรับลูกศิษย์หรือไม่?” หมอเทวดาเองก็เป็นคนตรงไปตรงมาคนหนึ่ง

ฉีเฟยอวิ๋นเสียใจเล็กน้อย ไม่ต่างอะไรกับอาวุโสในตระกูลนัก?

“ไม่ใช่ว่าข้าไม่รับลูกศิษย์หรอกนะ โดยแท้จริงแล้วข้ากำลังเปิดรับสมัครแพทย์ แต่ข้าก็ต้องดูแลพวกเขาอย่างทั่วถึง ประการแรกหมอเทวดาเป็นคนของเจ้าหอเฟิง หากหมอเทวดาผันตัวมาเป็นลูกศิษย์ ก็ต้องได้รับการยินยอมจากเจ้าหอเฟิงเสียก่อน ประการที่สองตอนนี้เจ้าหอเฟิงเป็นท่านอาจารย์ของเสี่ยวอู่ด้วย แม้ว่าวันข้างหน้าอาจจะไม่ใช่แล้ว แต่หากทำเช่นนี้ก็ไม่ถูกต้อง”

“เรื่องเหล่านี้ไม่มีปัญหา ตอนที่ข้ามาเจ้าหอไม่ได้ขัดขวางแต่อย่างใด นั้นหมายความว่าเจ้าหอเฟิงยินยอมให้ข้ามาขอเป็นลูกศิษย์แล้ว ทั้งยังอยากให้พระชายาทรงรับข้าเป็นลูกศิษย์ด้วย”

หมอเทวดากล่าวพลางคุกเข่าลง จากนั้นก็ทำความเคารพอาจารย์

ฉีเฟยอวิ๋นแสดงสีหน้าจนปัญญา จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองอาอวี่ที่อยู่หน้าประตู อาอวี่ยิ้มประหลาด ฉีเฟยอวิ๋นจึงได้กลอกตาไปทางอาอวี่อย่างไม่สบอารมณ์

“เจ้าคำนับข้าเช่นนี้ ข้าเองก็คงปฏิเสธเจ้าไม่ได้ เช่นนั้นลุกขึ้นเถอะ นับแต่นี้ไปเจ้าคือลูกศิษย์ของข้า เจ้าไปเรียนรู้กับหมอประจำจวนโจวเสียก่อน เขาเป็นศิษย์พี่ของเจ้า เจ้าเข้าสู่สำนักของเราแล้ว ข้าจะบอกกฎระเบียบให้แก่เจ้าเอง เรื่องอื่นไม่มีปัญหา ขอแค่เคารพกันปรองดรองกัน ห้ามเข่นฆ่ากันโดยเด็ดขาด”

“ข้าจะปฏิบัติตามคำสอนของท่านอาจารย์ขอรับ”

หมอเทวดาคำนับต่อ ฉีเฟยอวิ๋นเรียกเขาให้ลุกขึ้น จากนั้นก็ชี้เข้าไปด้านใน : “สถานะของเจ้าในตอนนี้คงไม่สะดวกนัก หากเจ้าไม่ยุ่งก็ตามไปเรียนรู้กับหมอประจำจวนโจวเถอะ หากเจ้ายุ่งก็ไปจัดการงานของเจ้า เจ้าเป็นคนขอหอทิงเฟิง ไม่ควรก้าวก่ายนักศึกษาแพทย์ภายในของข้า”

“ไม่เป็นไร อย่ามองว่าเจ้าหอของข้าเป็นคนเย็นชาเชียวนะ เขาไม่ใช่คนที่ใจแคบเช่นนั้นหรอกนะ ปกติแล้วเขาไม่มาก้าวก่ายพวกเราอยู่แล้ว เวลาเรามีปัญหาหนักหน่วงเท่านั้นเขาถึงจะปรากฏตัว”

เดิมทีหมอเทวดาไม่เคยพิจารณาถึงสาเหตุในการเกิดเรื่องครานี้ของเฟิงอู๋ชิงเลย และไม่เคยคิดว่า เหตุใดเฟิงอู๋ชิงถึงได้เข้ามาแบกรับปัญหาของจวนอ๋องเย่

คิดอยากสังหารพระชายาเย่ อยากตั้งตนเป็นศัตรูกับต้าเหลียงอย่างชัดเจน เพราะเหตุใดกัน!

อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้ร่างกายไม่ค่อยดีเท่าไร่ จึงได้รับผลกระทบด้านจิตใจ

แต่กลับช่วยให้เขาบรรลุผลสำเร็จ อย่างน้อยเขาก็ได้เรียนวิชาแพทย์

ฉีเฟยอวิ๋นเศร้าใจต่อเฟิงอู๋ชิง ในบรรดาลูกน้องทั้งสาม มีสองคนทำตัวไร้สาระ ซึ่งไม่ได้สำคัญต่อเขาเท่าไรนัก

ลูกน้องทั้งสามที่เขารับมา ถือว่าเป็นความโชคร้ายของเขา

“แล้วแต่เข้าเถอะ แค่อย่าถ่วงรั้งเรื่องสำคัญเป็นพอ” ฉีเฟยอวิ๋นผายมือให้หมอเทวดาเข้าไป นางต้องไปกินข้าวก่อน หากไม่ใช่เพราะต้องรอหมอประจำจวนโจวที่นี่ นางคงได้กินอาหารไปแล้ว

หลังจากอธิบายชัดเจนแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็ลุกขึ้นและจากไป ตรงไปกินข้าว และกลับมาหาเด็ก ๆ ของตนเอง

ท่านแม่ทัพฉีกำลังอุ้มเจ้าเสี่ยวอู่อยู่พอดี เขาชื่อชอบเจ้าเสี่ยวอู่เป็นที่สุด แม้ว่าเด็กคนนี้จะเย็นชาไปบ้าง นิสัยประหลาดไปบ้าง

ฉีเฟยอวิ๋นเข้ามากอดทีละคน สุดท้ายก็อุ้มเจ้าเสี่ยวอู่ไป

ท่านแม่ทัพฉีนั่งลง อุ้มพี่ใหญ่ขึ้นมาเล่นด้วย

“เสด็จพ่อ ข้าอยากตามไปด้วยเจ้าค่ะ”

ฉีเฟยอวิ๋นไม่อาจปล่อยให้หนานกงเย่ไปชายแดนเพียงลำพังได้ ท่านแม่ทัพฉีรู้ว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่ จึงมองไปทางนางอย่างไม่พอใจนัก : “เจ้าอยู่ที่นี่เถอะ อย่าหาเรื่องเลย เป็นแม่คนกันหมดแล้ว เหตุใดยังทำเรื่องที่ไม่สมควรทำอีกละ?”

“เสด็จพ่อ…..”

ท่านแม่ทัพฉีได้ยินบุตรสาวเรียกเขา ความยืนกรานของเขาก็หายไป

“ระหว่างทางนั้นลำบากและอันตรายมาก แล้วไหนจะเด็ก ๆ เหล่านี้อีก ในเมืองหลวงต้องมีคนอยู่ เจ้าจากไปเช่นนี้แล้วเมืองหลวง…”

ท่านแม่ทัพฉีอยากให้บุตรสาวของตนอยู่ที่นี่ ยังไม่ทันที่จะเอ่ยจบ ก็โดนฉีเฟยอวิ๋นพูดแทรกเสียก่อน : “ลำบากเพียงใดก็ต้องไป คนอื่นไปได้ ข้าก็ต้องไปได้ ข้าเป็นบุตรสาวของเสด็จพ่อนะเจ้าคะ เป็นหญิงเชิงชาย แข็งแกร่งดุจชายชาตรี อวิ๋นจิ่นก็อยู่ เรื่องเด็ก ๆ ท่านวางใจได้”

ท่านแม่ทัพฉีรู้สึกเศร้าใจ : “เหตุใดเจ้าถึงไม่เหมือนพ่อสักนิด พ่อไม่เห็นอยากจะไปที่ใด อยากอยู่เรือนเฉย ๆ เจ้ากลับดีหน่อย ก่อนแต่งงานออกเรือนก็ยังดี แต่หลังจากแต่งงานออกเรือนแล้วกลับไปทั่วทุกหนแห่ง”

ฉีเฟยอวิ๋นยิ้ม : “พ่อจะกลัวสิ่งใดเจ้าคะ พ่อปกป้องพวกเขาได้”

ท่านแม่ทัพฉีหมดหนทาง : “พ่ออายุก็ปูนี้แล้ว คนเดียวยังพอว่า นี่ตั้งหลายคน เจ้าเห็นพ่อเป็นสิ่งใดหรือ? เป็นกองกำลังทหารม้านับหมื่นนับแสนหรือ?

อวิ๋นอวิ๋น เจ้าก็ไม่ใช่เด็กแล้ว ฟังพ่อสักครั้งเถอะ อย่าไปเลย เขาอยู่ด้านนอกพาเจ้าไปด้วยก็เป็นกังวลเสียเปล่า ๆ สำหรับพ่อแล้ว ไม่สู้เจ้าให้เขาคลายความกังวลดีกว่า เรื่องความเหน็ดเหนื่อยไม่ต้องเอ่ยถึง หากเจ้าตามเขาไป พ่อกลัวว่าเขาจะไม่วางใจ”

ท่านแม่ทัพฉีลำบากใจ หมดหนทางกับบุตรสาวผู้นี้เสียจริง

อวิ๋นจิ่นเอ่ยถามว่า : “นายท่าน ท่านจะไปจริง ๆ หรือ?”

“หากชายแดนมีสงครามก็ช่างเถอะ ครานี้จวินโม่ซ่างได้เชิญท่านอ๋องเข้าเมืองอู๋โยว ข้ากลัวว่าจะมีเรื่อง หากคิดจะตามไป รอท่านอ๋อง….”

“ข้าพูดไปแล้ว ว่าเหตุใดถึงพะว้าพะวังระหว่างทางกลับ นั้นเพราะมีคนในลานหลังจวนจงใจหาเรื่อง ตกดึกกลับมาพูดจาดีกับข้า ว่าอย่างไร? หลับไปแค่ตื่นเดียว ถึงกลับเปลี่ยนเป็นคนละคนเชียวหรือ?

อวิ๋นอวิ๋นไม่ได้กินข้าวตามคำสั่งของข้า?”

ฉีเฟยอวิ๋นพยายามอธิบายให้ท่านแม่ทัพเข้าใจ หนานกงเย่ผลักประตูเข้ามาพอดี ฉีเฟยอวิ๋นตื่นตระหนก ไหนบอกว่าเข้าวังอย่างไรเล่า?

“ท่านอ๋อง!” ฉีเฟยอวิ๋นหันไปมอง หนานกงเย่ค้อนใส่ฉีเฟยอวิ๋นอย่างไม่สบอารมณ์

“จริง ๆ ด้วย ข้าเดาถูก ต่อหน้าก็ฟังคำสั่งของข้า แต่ลับหลังกลับจะแอบตามข้าไป ข้าหมดหนทางจะห้ามเจ้าแล้ว”

หนานกงเย่เดินเข้ามา นั่งลงข้างกายของฉีเฟยอวิ๋น จากนั้นก็อุ้มบุตรชายคนเล็กไป : “ข้าอยากพาอวิ๋นอวิ๋นไปด้วยนะ เพียงแต่เด็ก ๆ เหล่านี้ละจะทำอย่างไร?”

“….” ฉีเฟยอวิ๋นเลิกคิ้วสูง ดูท่าคงติดกับแล้วละ