บทที่ 582 หมอเทวดาอยากเป็นลูกศิษย์

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 580 หมอเทวดาอยากเป็นลูกศิษย์
ท่านแม่ทัพฉีมองอยู่ครู่หนึ่ง : “พักผ่อนเถอะ”

ท่านแม่ทัพฉีกลับไปก่อน ส่วนสามคนที่เหลือก็กลับเข้าห้องของตนเอง สวีกงกงชำเลืองตามองไปยังฝ่ายตรงข้าม จากนั้นก็กลับเข้าไปในห้องและยืนมองอยู่หน้าประตู คนที่มาปรนนิบัติรับใช้ได้กล่าวถามว่า : “กงกง นี่คือ?”

“ก็แค่ดูว่าพวกเขาทำสิ่งใด ไม่ใช่เรื่องเสียหายเสียหน่อย”

ผลลัพธ์กลับร้องไห้เป็นครึ่งค่อนคืน ร้องจนตาแดงก่ำ

“ใคร ๆ ก็ไม่ใช่อู๋ซัง อู๋หมิง เหตุใดเจ้า….” เฟิงอู๋ชิงอยากให้อู๋กั่วหยุดสร้างปัญหา แต่อู๋กั่วกลับยิ่งโหดร้ายมากกว่าเดิม

“แล้วมันเหมือนกับตรงไหนเล่า อู๋ซังเขาเป็นคนดี เขาปกป้องเจ้าได้ ไม่เคยทำร้ายใคร ส่วนอู๋หมิงเขาจะกลัวด้วยเหตุอันใด เขาเป็นหมอจะมีชื่อหรือไม่มีชื่อเสียงก็ไม่มีวันทำร้ายชีวิตของผู้อื่นเด็ดขาด!”

“แต่ข้าต่างหาก ที่ไม่มีสิ่งใดเลยสักอย่าง ไม่มีผลลัพธ์ แล้วเจ้าจะวางใจได้อย่างไร?”

อู๋กั่วโวยวายเช่นนี้ อาการป่วยของเฟิงอู๋ชิงที่เดิมทีคงที่แล้วกลับทรุดลงอีกครั้ง เขาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าแล้วก็ทรุดลงทันใด หมอเทวดาเห็นดังนั้นก็ตระหนกตกใจ อาการอของเฟิงอู๋ชิงไม่มีท่าทีจะทุเลาแต่กลับร้ายแรงยิ่งขึ้น

“เร็วเข้า ไปเชิญพระชายาเย่มาเร็ว”

อู่ซังวิ่งไปเชิญฉีเฟยอวิ๋นอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงสวนดอกกล้วยไม้ก็ถูกลี่ว์หลิ่วขวางทางไว้ อู๋ซังบอกถึงเจตนารมณ์ที่มา ลี่ว์หลิ่วรีบเข้าไปรายงานทันที

ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ ใส่เสื้อคลุมยาวและเดินไปยังเรือนจวินจื่อ หนานกงเย่กลับเข้ามาและเดินเข้าไปนั่ง เขาพับขาลงข้างหนึ่ง จากนั้นก็ยกซุปโสมขึ้นดื่ม

ฉีเฟยอวิ๋นไม่มีเวลามาสนใจหนานกงเย่ ช่วงนี้เขาดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี ตื่นขึ้นมาดื่มซุปโสมตั้งแต่เช้าตรู่โดยไม่กินข้าวกินปลา!

เมื่อมาถึงฉีเฟยอวิ๋นเริ่มตรวจอาการทันที นางตรวจสอบและนั่งลงด้านข้าง จากนั้นก็เปิดกล่องยาฉีดยาให้เฟิงอู๋ชิงก่อน : “ลี่ว์หลิ่ว เจ้าไปเชิญหมอประจำจวนโจวมาเถอะ”

“พ่ะย่ะค่ะ” ลี่ว์หลิ่วรีบไปเชิญหมอประจำจวนโจวมาทันที ฉีเฟยอวิ๋นหยิบขวดยาออกมา และทำการการฉีดยาให้แก่เฟิงอู๋ชิงอีกครั้ง

เฟิงอู๋ชิงมองไปยังขวดยาขวดนั้น ของเหลวที่อยู่ภายในได้ไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา สายตาของเขาเต็มไปด้วยความแปลกใจ หญิงสาวอัปลักษณ์ผู้นี้เก่งเรื่องวิชามารด้วยเช่นนั้นหรือ?

ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นอธิบาย : “ห้ามให้ตัวเย็น ห้ามโกรธ และห้ามดื่มเหล้าดื่มน้ำชาเด็ดขาด อาหารเย็นและเผ็ดร้อนก็ไม่ได้เจ้าค่ะ

อีกประเดี๋ยวหมอประจำจวนโจวก็มาถึง เขาจะอธิบายให้พวกเจ้าฟังเอง

เจ้าเป็นหมอเทวดาหรือ?”

ฉีเฟยอวิ๋นได้ยินเรื่องที่อวิ๋นจิ่นเอ่ยถึงหอทิงเฟิง พูดได้ว่ารู้จนทะลุปรุโปร่งเลยทีเดียว

หมอเทวดารีบเดินขึ้นหน้า : “ข้าเอง?”

“เมื่อหมอประจำจวนโจวมาถึง เจ้าจงจำในสิ่งที่เขาชี้แนะ เขาจะบอกได้ว่าควรต้องรักษาโรควัณโรคนี้อย่างไร โรคนี้จะหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่มีการบำรุงรักษา การรักษานั้นไม่ยาก เพียงแต่ต้องขอความร่วมมือกับเจ้าหอ ทั้งยังต้องการความตั้งใจของเขาด้วย”

“พ่ะย่ะค่ะ ขอบพระคุณพระชายาที่มาให้การช่วยเหลือพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่เป็นไรข้ากับเจ้าหอเป็นสหายกัน อีกทั้งเจ้าหอก็เป็นท่านอาจารย์ของเสี่ยวอู่น้อยของข้า ….. ไม่สิ นับตั้งแต่วันนี้ไปไม่ใช่อีกแล้ว” ฉีเฟยอวิ๋นมองไปทางเฟิงอู๋ชิงที่นอนอยู่บนเตียง เมื่อเห็นเขาแสดงท่าทางแปลกใจ จึงตั้งใจกล่าวขึ้นว่า : “เมื่อวานข้าได้ปรึกษาหารือกับท่านอ๋องแล้ว เนื่องจากไม่อยากรบกวนเจ้าหอที่เป็นถึงท่านอาจารย์ของเรามาหลายชั่วอายุคน ท่านอ๋องจึงมีแผนการอื่น”

ความรู้สึกนี้เหมือนกับความรู้สึกที่หนานกงเย่เจอกับยอดฝีมือที่แข็งแกร่งกว่าเฟิงอู๋ชิง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ

“ว่าอย่างไรเล่า? เจ้าหอไม่เหมาะสมเช่นนั้นหรือ?”

“ไมใช่….แค่รู้นึกว่า มันลำบากเกินไป ดังนั้นข้าและท่านอ๋องจึงตั้งใจวางแผนอื่น” ฉีเฟยอวิ๋นอธิบายด้วยน้พเสียงราบเรียบ

หนานกงเย่วางถ้วยชาในมือลง : “ข้าไม่กล้ารบกวนเจ้าหอหรอก เจ้าหอวางใจได้”

“วางใจหรือ?” เฟิงอู๋ชิงมองไปทางหนานกงเย่ด้วยสีหน้าดูหมิ่นอย่างมาก เรื่องที่เขาคิดได้คือหนานกงเย่ตามหาคนที่เก่งกาจกว่าเขาได้แล้ว

“เจ้าหอเฟิง แม้ว่าเจ้าจะอยากฆ่าคนของพระชายามากเพียงใด ทั้งยังยอมรับบุตรชายของข้าเป็นลูกศิษย์ได้ เรื่องนี้จะไม่ขัดแย้งกันและกันหรือ?”

“……..”

เฟิงอู๋ชิงเงียบลงทันที ก็จริง!

อู๋กั่วคิดได้ว่ายังต้องค้นหาเรื่องราวของอาอวี่ จึงได้ร้อนใจ

หากกลายเป็นศัตรูกัน สังหารผู้เป็นนายของอาอวี่ จะยิ่งทำให้ไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่หวัง

“ท่านอ๋อง ข้าคิดว่าฆาตกรต้องวางแผนกันในระยะยาวเป็นแน่ เพราะไม่ว่าอย่างไรพระชายาเย่ก็เป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของเจ้า และเป็นผู้พิทักษ์หนึ่งในสี่ของเจ้าอีกด้วย หากเจ้าฆ่านางไม่เป็นการดูหมิ่นหรอกหรือ เจ้าฆ่าผู้มีพระคุณช่วยชีวิตนั่นคือการเนรคุณแล้ว เจ้าฆ่าผู้พิทักษ์โดยไร้ข้ออ้าง เอ่ยออกไป คนของหอทิงเฟิงไม่กล่าวหาว่าเจ้าทำร้ายสหายด้วยกันหรือ?”

เฟิงอู๋ชิงมองไปทางอู๋กั่วอย่างไม่สบอารมณ์ เพื่อชายเพียงผู้เดียว ถึงกับคิดหักหลังเขาเลยหรือ?

ฉีเฟยอวิ๋นมองไปทางอู๋กั่ว กระทั่งได้ผลการตอบสนองที่ดี

ฉีเฟยอวิ๋นพยักหน้าให้กับอู๋กั่ว ซึ่งอู๋กั่วได้แต่ก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกไม่ดี

“เดิมทีเจ้าหอมีสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงนัก จึงไม่อยากพูดคุยเรื่องนี้ชั่วคราว เราค่อยมาปรึกษาหารือเรื่องนี้กันวันหลังเถอะ”

“พ่ะย่ะค่ะ”

อู๋กั่วรีบตอบรับทันที ฉีเฟยอวิ๋นเองก็ไม่ร้อนใจจะทำสิ่งใด แค่เอ่ยเตือน ก็ทำให้เฟิงอู่ชิงร้อนใจไม่น้อยแล้ว

หนานกงเย่ลุกขึ้น : “ในเมื่อเจ้าหอเฟิงไม่เป็นอะไร เช่นนั้นเราก็ต้องขอตัวกลับก่อน”

ฉีเฟยอวิ๋นเก็บกล่องยาและยื่นมันให้กับหนานกงเย่ : “ท่านอ๋องท่านกลับก่อนเถอะ หม่อมฉันจะรอหมอประจำจวนโจว ท่านหิวไม่ใช่หรือเพคะ?”

หนานกงเย่มองไปทางฉีเฟยอวิ๋นแวบหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวเดินไป

เขาหิวที่ไหนกัน เขาดื่มซุปโสมแล้วตรงเข้าวังทันที เพราะมีเรื่องต้องจัดการ

หลังจากออกมาหนานกงเย่ก็กลับก่อน ส่วนฉีเฟยอวิ๋นก็อยู่รอหมอประจำจวนโจวต่อ

หมอประจำจวนโจวรีบเดินเข้ามาอย่างร้อนรนใจ เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นก็รีบทำความเคารพ ฉีเฟยอวิ๋นอธิบายรายละเอียดอย่างชัดเจนและจากไป

เฟิงอู๋ชิงมองไปทางฉีเฟยอวิ๋นที่เดินจากไป ด้วยท่าทีเศร้าสร้อย หญิงสาวอัปลักษณ์ผู้นี้ บังอาจมาออกคำสั่งกับท่านอ๋อง สั่งให้เขาออกไปก็ออกไป

หลังจากปิดประตูแล้ว เสียงบทสนทนาบางอย่างระหว่างหมอประจำจวนโจวและหมอเทวดาก็ดังขึ้นข้างหูของเฟิงอู๋ชิง

หมอประจำจวนโจวอธิบายอย่างละเอียด จากนั้นก็ยืนรออย่างนอบน้อมอยู่ด้านข้าง หมอเทวดาจึงซักถามว่า : “นี่คือสิ่งใดกัน เหตุใดข้าถึงไม่เคยเห็นมาก่อน?”

“ของสิ่งนี้ข้ารู้เพียงแค่ว่ามันคือสายน้ำเกลือ นี่คือสายน้ำเกลือ นี่คือขวดยา นี่คือเข็มฉีดยา ปลายเข็มได้เจาะลงไปในเส้นเลือดที่อยู่ใต้เนื้อ เรียกวิธีการนี้ว่าการฉีดเข้าหลอดเลือดดำ……”

หมอประจำนวนโจวบอกหมอเทวดาตามที่ตนเองได้เรียนรู้มา

เวลานี้ หมอประจำจวนโจวล้วนภูมิใจในตนเองมาก ที่ได้เจอะเจอกับคนเฉกเช่นพระชายา ได้เรียนรู้สิ่งของมากมายเช่นนี้ ช่างโชคดีมากเสียจริง

“หมอโจว ความหมายของท่านก็คือ ท่านเองก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งนี่คืออะไร สาเหตุที่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้คืออะไร นั้นเพราะพระชายาเย่บอกเจ้าใช่หรือไม่?”

“ถูกต้อง”

หมอเทวดาพยักหน้า เป็นอันเข้าใจ

หมอประจำจวนโจวดึงเข็มออกจากเฟิงอู๋ชิง หยิบหูฟังหมอของเขาออกมาตรวจให้กับเฟิงอู่ชิง หมอเทวดาแสดงสีหน้าตื่นเต้น พลางชี้ไปยังหูฟังของหมอในมือของหมอประจำจวนโจว และเอ่ยถามเสียงดังว่า : นี่คืออาวุธลับอะไรเนี่ย?”

หมอประจำจวนโจวมองไปทางหมอเทวดา ด้วยความเยาะเย้ยที่สะท้อนออกมาทางสายตา กบในกะลาจริง ๆ ไม่รู้หรือว่านี่คือสิ่งใด?

หมอประจำจวนโจวพอใจอย่างมาก นี่แหละน่ะหมอเทวดา คนอย่างหมอเทวดาไม่เข้าใจวิชาการแพทย์ของพระชายา

“นี่ไม่ใช่อาวุธลับ แต่เรียกว่าหูฟังหมอ ใช้ฟังเสียงอวัยวะภายในร่างกายของมนุษย์ เช่นเสียงหัวใจเสียงปอด…..”

หมอประจำจวนโจวจึงให้หมอเทวดาลองฟัง เพื่อพิสูจน์คำพูดของตนเอง หมอเทวดาตื่นเต้นดีใจอย่างมาก รีบฟังทันที หลังจากได้ฟังแล้วก็ยิ่งตื่นเต้นจนยากจะสงบจิตสงบใจได้ จนเกือบคุกเข่าลงไปทำความเคารพต่อหมอประจำจวนโจว ทำเอาหมอประจำจวนโจวตกใจจนต้องรีบเข้ามาประคองหมอเทวดาทันที

ไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากรับหมอเทวดาเป็นลูกศิษย์หรอก แต่คนแบบหมอเทวดามาเป็นลูกศิษย์ ออกสู่โลกภายนอกจะดูน่าเกรงขามได้อย่างไร?

แต่หมอเทวดาเป็นคนอย่างไร หมอโจวเล็ก ๆ อย่างเขาจะต้องตื่นตระหนกมาแค่ไหน?

ก็คงต้องมอบให้แก่พระชายาแล้ว

หมอประจำจวนโจวกล่าวอย่างลำบากใจ : “หูฟังหมอไม่ใช่ของข้าหรอก เป็นของพระชายา แต่พระชายาทรงให้ของชิ้นนี้แก่ข้า นางต้องตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนถึงจะมีได้ อายุอย่างเจ้าเรียกข้าว่าอาจารย์ ครั้นเจอกับพระชายาก็ต้องเรียกนางว่าปรมาจารย์ ไม่สู้เจ้าเรียกพระชายาว่าอาจารย์ดีกว่า”