ตอนที่ 719 กลับไปอยู่ข้างกาย
ฟางหลิงซู่ก็คิดมิออกเพราะเรื่องการลอบสังหารนี้นอกจากตน, มู่จวินฮานและอันหลิงเกอที่ทราบ ผู้อื่นก็ไม่น่าจะรู้เรื่องได้ ดังนั้นผู้ใดเป็นคนทำกันแน่
“เอาล่ะ เรื่องนี้ข้าจัดการไปแล้วตอนนี้จึงไม่มีอันใดมาก” มู่จวินฮานถอนหายใจออกมา ก่อนจะนั่งลงและมองอันหลิงเกอที่อยู่ด้านข้างโดยมีฟางหลิงซู่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
สีหน้าของอันหลิงเกอแสดงออกว่ากำลังเย้ยหยันอยู่ ในเมื่อมู่จวินฮานแก้ไขปัญหาเรื่องของทัวป๋าหลิวลี่ไปแล้ว เขามาที่นี่ก็เพื่อต้องการถามหาคนผิดเท่านั้น นางจึงไม่มีอันใดที่จะเอ่ยกับเขาอีก เพราะรู้ดีว่ามู่จวินฮานมิเคยเชื่อใจนางเลย !
“รู้หรือไม่ว่าคืนนั้นเจ้าชนทัวป๋าหลิวลี่จนทำให้นางคลอดก่อนกำหนด ? ”
มู่จวินฮานเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ฟางหลิงซู่มิรู้ว่าเขาหมายความเช่นไรกันแน่ พอเห็นท่าทางมิอยากเชื่อของอันหลิงเกอแล้ว ฟางหลิงซู่ก็ทำได้เพียงแสร้งไม่ได้ยิน ส่วนอันหลิงเกอได้แต่มองมู่จวินฮานด้วยสีหน้าตกตะลึง
“ข้าชนนางหรือ ? ข้าจะชนนางได้เยี่ยงไร ? คืนนั้นไม่มีใครเห็นข้าด้วยซ้ำ แล้วจะไปกระแทกกับนางได้อย่างไร ? ” พอได้ยินมู่จวินฮานเอ่ยออกมาเช่นนี้ อันหลิงเกอก็รู้สึกน่าขบขันยิ่งนัก
นางแค่วางยาเขาแล้วรีบออกมา ยังจะมีเวลาและโอกาสที่ใดไปกระแทกทัวป๋าหลิวลี่ผู้นั้นได้
มิแน่ว่าคงเป็นหลุมพรางที่ทัวป๋าหลิวลี่วางไว้ให้นางอีกกระมัง แต่มองแล้วมู่จวินฮานก็ยังมิเชื่อใจนางเช่นเคย
“เรื่องนี้ให้จบลงเสียเถิด ทว่าวันนี้เจ้าตามข้ากลับจวนอ๋องมู่ก็พอ” น้ำเสียงของมู่จวินฮานเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
แต่เมื่อได้ยินมู่จวินฮานเอ่ยเช่นนี้ อันหลิงเกอก็รู้สึกขบขันยิ่งนัก นางมิได้ทำแล้วเหตุใดต้องจบลงง่าย ๆ เช่นนี้ ?
“กลับจวนอ๋องมู่หรือ ? จวินฮาน ท่านเคยเชื่อใจข้าบ้างหรือไม่ ? วันนั้นที่ท่านโดนลอบสังหาร คนแรกที่สงสัยก็คือข้า ทุกครั้งขอแค่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น ท่านก็มิเลือกที่จะเชื่อข้าเลย ! ”
เวลานี้เห็นท่าทางของมู่จวินฮานแล้ว อันหลิงเกอก็รู้สึกผิดหวังอย่างถึงที่สุด พลันนึกถึงตอนที่นางเคยหวังว่าเขาจะยอมละทิ้งทุกอย่างแล้วไปจากจวนอ๋องมู่พร้อมกัน นางช่างโง่งมยิ่งนัก
เห็นอันหลิงเกอสะเทือนใจเช่นนี้ ฟางหลิงซู่ก็อยากห้ามนางเอาไว้ แต่มู่จวินฮานอยู่ที่นี่ด้วย องครักษ์เงาของเขาต้องอยู่ใกล้ ๆ นี้เป็นแน่ หากกลายเป็นเรื่องวิพากษ์วิจารณ์ของผู้อื่นก็คงมิเหมาะนัก
อันหลิงเกอยังมิรู้ว่าความเข้าใจผิดของทั้งสองคนเกิดมาจากผู้ที่ทำดีกับนางมาโดยตลอดเยี่ยงฟางหลิงซู่นั่นเอง
มู่จวินฮานมีเรื่องในใจที่ยากจะเอ่ยออกมา บัดนี้ในต้าโจวแล้วจวนอ๋องมู่ถูกสำนักตรวจการที่จัดตั้งขึ้นคอยควบคุมอยู่ ส่วนฮ่องเต้ก็ยังทรงระแวงตลอดเวลา…
“ข้ามิตามท่านกลับไปหรอก” อันหลิงเกอสงบสติอารมณ์ลงพลางมองมู่จวินฮานอย่างเย็นชา นางเอ่ยออกมาทีละคำอย่างชัดถ้อยชัดคำ ภายในน้ำเสียงหาได้มีความรู้สึกใดต่อเขาไม่
มู่จวินฮานเห็นท่าทางของอันหลิงเกอแล้วก็รู้สึกจนปัญญา เขามิรู้ว่าเหตุใดอันหลิงเกอถึงกลายมาเป็นเช่นนี้ได้
“เจ้ามิกลัวว่า…” มู่จวินฮานยังพูดมิทันจบ อันหลิงเกอก็ลุกขึ้นยืนเสียก่อน นางไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดจนจบ นางมองเขาพร้อมรอยยิ้มก่อนจะเอ่ยออกมาทีละคำ
“หากท่านตกลง อีกมิกี่วันท่านก็หย่าให้ข้าเสียเถิด ขอให้พวกเราจบกันแค่นี้ ! ”
น้ำเสียงของอันหลิงเกอเย็นชามากจนมู่จวินฮานอดสั่นสะท้านมิได้ นางกล่าวออกมาได้อย่างเด็ดขาดเพียงนั้น เดิมทีเขาคิดว่าอย่างไรนางก็ไม่มีทางไปจากเขาได้เพราะต่างก็รักกันดีอยู่
แต่ตอนนี้อันหลิงเกอกล่าวออกมาได้อย่างไม่สะทกสะท้านยิ่งทำให้ทั้งคู่มิอาจหวนมาคืนดีได้อีก
“เจ้าอยากไปจากข้าเพียงนี้เชียวหรือ ? ” มู่จวินฮานทั้งรู้สึกโกรธและเสียใจ เวลานี้เขาจึงลุกขึ้นยืน เงาที่สูงใหญ่นั้นบดบังแสงตรงหน้าของอันหลิงเกอจนหมดและเขาก้มมองนางอยู่อย่างนั้น
“จวินฮาน ข้าเคยวางหัวใจทั้งดวงไว้ในมือท่าน แต่ท่านก็พรากบุตรของข้าไป ตอนนี้ยังใช้ความสงสัยและลังเลมาทำร้ายข้าครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นท่านที่บีบให้ข้าต้องออกมาเอง”
อันหลิงเกอสบตากับมู่จวินฮานแล้วเบ้าตาของนางก็แดงก่ำขึ้นมาอย่างห้ามมิอยู่ แค่นึกถึงวันเวลาที่เคยอยู่ร่วมกับเขาในใจก็มิอาจทนได้ แต่นางก็มีศักดิ์ศรีและไม่มีทางให้ผู้ใดมาเหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนกัน
“บุตรอย่างนั้นหรือ ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนั้นเรามิอาจรักษาลูกไว้ได้จริง ยาที่ข้าให้ดื่มก็เพื่อรักษาชีวิตของเจ้าเอาไว้ ! ”
คำกล่าวนี้ของมู่จวินฮานมิเพียงทำให้อันหลิงเกอชะงักแต่ฟางหลิงซู่ก็ชะงักไปด้วย
ฟางหลิงซู่นึกมิถึงว่ามู่จวินฮานจะกล่าวเรื่องนี้ขึ้นมา แต่ในเมื่อเอ่ยออกมาแล้วก็มิอาจทำสิ่งใดได้อีก
“จวินฮาน คำโกหกเช่นนี้ท่านอาจแต่งขึ้นมาได้ ทำให้ข้าได้เห็นมุมมองใหม่เสียจริง ! ” อันหลิงเกอคิดแค่ว่าเป็นการปัดความรับผิดชอบของมู่จวินฮานเท่านั้น
มู่จวินฮานมิพูดอันใดให้มากความอีกและเข้าไปอุ้มอันหลิงเกอขึ้นมาพร้อมพานางออกไปจากหอพิษกู่ทันที องครักษ์ภายในเรือนเห็นอ๋องมู่ทำเช่นนั้นก็ไม่มีผู้ใดกล้าขัดขวาง อีกอย่างในเมื่อฟางหลิงซู่ยอมปล่อยพวกเขาไปเอง ใครก็มิกล้าขวางไว้ทั้งสิ้น
เวลานี้ฟางหลิงซู่ยังจมดิ่งอยู่กับเรื่องเมื่อครู่ เขากังวลว่าอันหลิงเกอจะรู้ความจริง เขายิ่งมิรู้ว่าควรเผชิญหน้ากับอันหลิงเกอเช่นไร จึงได้ปล่อยให้มู่จวินฮานพาตัวนางไปโดยง่าย
รอจนทั้งสองคนจากไปแล้วฟางหลิงซู่ก็รู้สึกเสียใจยิ่งนัก การให้อันหลิงเกอจากไปเช่นนี้เกรงว่าจะยิ่งทำให้นางสงสัยจนค้นพบความจริงในสักวัน หากเป็นเช่นนั้นก็เกรงว่าไม่ดีต่อความสัมพันธ์ของเขากับนางแน่นอน
ถึงตรงนี้ฟางหลิงซู่ก็อดคิดมิได้ว่าต้องรีบลงมือเพื่อบรรลุเป้าหมายของตนในเร็ววันเสียแล้ว
แค่เขาแข็งแกร่งมากพอก็จะสามารถพาอันหลิงเกอไปจากมู่จวินฮานได้ ถึงตอนนั้นเขาก็จะกำจัดมู่จวินฮานทิ้งและไม่มีใครรู้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแผนการของเขาอีกต่อไป
เวลานี้อันหลิงเกอถูกมู่จวินฮานพาไปบนรถม้าและโยนนางเข้าไปอย่างแรง มู่จวินฮานมิเคยหยาบคายเช่นนี้กับนาง จากนั้นก็พันธนาการมือทั้งสองข้างของนางเอาไว้ทำให้มิสามารถหนีไปได้
เมื่อกลับถึงจวน มู่จวินฮานก็ลากอันหลิงเกอเข้าไปจนถึงในเรือนฝูหลิง ตอนนี้ทุกคนในจวนต่างก็รู้ว่าพระชายาเอกได้กลับมาแล้วจึงออกมายืนต้อนรับเงียบ ๆ
ครั้งนี้มู่จวินฮานแค่ขังอันหลิงเกอไว้ภายในเรือนพร้อมจัดเวรยามคอยคุ้มกันก่อนจากไป
ส่วนปี้จูที่เห็นเจ้านายกลับมาก็รู้สึกดีใจยิ่งนัก
อันหลิงเกอมิได้พบปี้จูมานานมากแล้ว เมื่อได้พบอีกครั้งก็รู้สึกถึงความอบอุ่นและห่วงใย ทำให้ความรู้สึกแย่เมื่อครู่หายไปเกือบครึ่ง สองนายบ่าวทานอาหารง่าย ๆ กันเพียงเล็กน้อยแล้วนั่งอยู่ภายในเรือนโดยไม่มีใครเอ่ยสิ่งใดอีก
ปี้จูรู้ว่าอันหลิงเกอกำลังรอมู่จวินฮานอยู่ นางเข้าใจอันหลิงเกอดีและรู้ว่าเวลานี้อันหลิงเกออยู่เพื่อรอคุยกับมู่จวินฮานให้รู้เรื่อง
“พระชายา…”
เมื่อเห็นรูปร่างที่ซูบผอมของเจ้านายแล้ว ปี้จูก็อดน้ำตาไหลออกมามิได้
ทุกอย่างที่อันหลิงเกอประสบมานางล้วนทราบดี แต่ไร้ความสามารถที่จะช่วยจึงได้แต่รู้สึกสงสารเท่านั้น
นึกถึงตอนที่อันหลิงเกอจากไปก็ยังมิได้ซูบผอมถึงเพียงนี้ หลังประสบกับหลายสิ่งหลายอย่างนางก็รู้ว่าที่ผ่านมาอันหลิงเกอมิได้สุขสบายเลย