บทที่ 280 อสูรกลืนสวรรค์

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 280 อสูรกลืนสวรรค์

ผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่ซ่อนตัวอยู่ในบริเวณโดยรอบมีความรู้สึกแปลก ๆ เมื่อได้ยินการสนทนาของฝูงชนที่อยู่รอบ ๆ

เรื่องการก่อกบฏที่ภูเขาฟีนิกซ์ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น

นอกจากนี้เมืองเจินไห่ที่อยู่ใกล้กับทะเลชางหมาง เป็นสถานที่ที่ภูเขาฟีนิกซ์ได้ส่งข่าวให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ทราบเกี่ยวกับเรื่องของรางวัลใหญ่ที่จะมีให้แก่ผู้ที่สามารถกุมตัวหรือสังหารบุคคลทรยศของภูเขาฟีนิกซ์ได้

พวกเขาทั้งหมดในตอนนี้จึงกำลังครุ่นคิดตัดสินใจว่าจะช่วยพวกตระกูลจางและตระกูลจื่อ เพื่อให้พวกเขาได้รับส่วนแบ่งจากรางวัลนี้ดีหรือไม่

นอกจากนี้ กลุ่มคนเหล่านั้นยังมียันต์สั่งสวรรค์ ซึ่งเป็นสมบัติอันล้ำค่าเป็นอย่างมาก

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์ แต่เมื่อยันต์สั่งสวรรค์ตกอยู่ในมือพวกเขาก็ยังสามารถปลดปล่อยพลังของมันออกมาได้เช่นกัน ถึงแม้ว่าจะไม่มีประสิทธิภาพเท่าผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์ใช้ก็ตาม เมื่อถึงเวลาพวกเขาก็แค่เขียนคำสองสามคำลงไป อย่างน้อยที่สุดมันก็สามารถใช้เป็นอาวุธเอาไว้สังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์สามัญได้อย่างง่ายดาย

แต่ในขณะที่หลายคนพร้อมที่จะลงมือ จู่ ๆ ร่างแท้นกฟีนิกซ์และคนจากสำนักเต๋าสวรรค์ก็ปรากฎตัวขึ้น ทำให้พวกเขาเริ่มลังเลว่ากลุ่มคนกลุ่มนี้มันใช่กลุ่มคนที่เป็นคนทรยศจริง ๆ งั้นหรือ? แล้วถ้าไม่ใช่มันจะเป็นอย่างไร? ทุกคนยังคงลังเล

ในขณะเดียวกัน ตอนนี้ซือโถวเหวินหยวนเกือบจะถึงขีดจำกัดแล้ว

แม้ว่าเขาจะบรรลุอักษรสามพยางค์ของวิชาเก้าอักษรมนตราแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจกฎแห่งสวรรค์และช่องว่างระหว่างระดับการบ่มเพาะของพวกเขาก็ยังกว้างมากเกินไป

ยิ่งไปกว่านั้นด้วยแรงกดดันของพลังขอบเขตสวรรค์ของจื่อเซี่ยง ที่กดทับมายังร่างกายของเขาอยู่ตลอดเวลา ทำให้ทุกอย่างมันยิ่งยากขึ้นสำหรับเขา

หลิงตู้ฉิงก้มลงมองที่พื้นและส่ายหัวด้วยความระอา ในที่สุดเขาก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไปและตะโกนขึ้น “เจ้าโง่ ใช้ไอ้นั่นสิ!”

ก่อนหน้านี้เขาได้ให้คำสั่งที่ชัดเจนไปกับซือโถวเหวินหยวนไปแล้ว แม้ว่ายันต์ผิวหยก จะมีค่าและเขาก็ไม่อยากเสียมันไป แต่ในเมื่อสิ่งต่าง ๆ ได้มาถึงจุดนี้แล้ว เขาก็จำเป็นต้องปล่อยวาง

นอกจากนี้หมู่ตึกหยูอี่ยังมียันต์ผิวหยกอยู่อีกตั้ง 30 แผ่น ซึ่งต่อให้เขาเสียสองแผ่นนี้ไป อย่างมากเขาก็แค่ต้องเสียเวลาและความพยายามที่จะลงอักขระในแผ่นที่เหลืออีกครั้ง

ซือโถวเหวินหยวนก็หมดหนทางเช่นกันเพราะเขาไม่รู้จริง ๆ ว่าภาพวาดที่อยู่ในยันต์ผิวหยกใช้ทำอะไร! ถ้าหากประโยชน์ของมันให้ได้เพียงแค่ขู่ให้ฝั่งตรงข้ามตกใจ เขาจะไม่ต้องตายอย่างน่าอนาถงั้นเหรอ?

แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถทนต่อไปได้อีกแล้ว เขาควรจะทำยังไงดี?

เมื่อไม่มีทางเลือก ยันต์ผิวหยกก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา เขาเปิดใช้งานยันต์ผิวหยกตามวิธีที่หลิงตู้ฉิงสอน

จากนั้นเขาก็พบว่าพลังวิญญาณของเขาถูกใช้ออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นภาพที่อยู่ในยันต์ผิวหยกก็กลายเป็นมีชีวิตขึ้นมา

เมื่อเห็นเช่นนี้ ซือโถวเหวินหยวนถึงกับตกตะลึง เนื่องจากเขาไม่สามารถควบคุมพลังวิญญาณของตัวเองที่หลั่งไหลเข้าสู่ยันต์ผิวหยกได้เลย การสูญเสียพลังวิญญาณในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้มันไม่เท่ากับเป็นการรนหาที่ตายงั้นเหรอ?

ในขณะที่เขาต้องการตัดการไหลเวียนของพลังวิญญาณ เขาก็ตระหนักว่าอสูรกลืนสวรรค์ที่อยู่ในยันต์ผิวหยกมีชีวิตขึ้นมา

ในขณะที่พลังวิญญาณของเขายังคงหลั่งไหลเข้าไปในยันต์ผิวหยก จื่อเซี่ยงก็พุ่งมาข้างหน้าพร้อมที่จะจับตัวเขา

ซือโถวเหวินหยวนไม่กล้าที่จะประมาทและรีบใช้อักษร ‘ยินยอม’ เพื่อหลบหลีกการโจมตี

ในเวลานี้มากกว่าครึ่งหนึ่งของพลังวิญญาณของซือโถวเหวินหยวนได้ถูกส่งเข้าไปในยันต์ผิวหยก จนยันต์แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และจากนั้นหัวขนาดมหึมา ‘เจาะออกมา’ จากชิ้นส่วนของยันต์ผิวหยก

และเมื่ออสูรกลืนสวรรค์ปรากฏขึ้นเต็มตัว มันก็เห็นจื่อเซี่ยงพุ่งเข้าหามัน อสูรกลืนสวรรค์เปิดปากของมันและสูดลมหายใจลึก ๆ ดูดจื่อเซี่ยงเข้าไปในท้องของมัน

เมื่อได้เห็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์หายตัวไปในปากของสัตว์ร้ายขนาดใหญ่นั้นโดยไม่มีโอกาสขัดขืนแม้แต่น้อย ทุกคนต่างตกตะลึง

สัตว์ประหลาดตัวมหึมาตัวนี้คืออะไร?

มันมีความยาวอย่างน้อย 300 เมตรและหนา 150 เมตร มันมีปากขนาดใหญ่และทั้งตัวของมันถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีดำ

คำปลอบใจเพียงอย่างเดียวก็คือระดับการบ่มเพาะของอสูรกลืนสวรรค์นี้เป็นเพียงระดับครึ่งสวรรค์เท่านั้น และดูเหมือนจะไม่น่ากลัว

แต่…

ทำไมมันถึงกลับดูดจื่อเซี่ยงเข้าไปในปากได้อย่างง่ายดายขนาดนั้นกันล่ะ?

ขณะนี้ดวงตาของอสูรกลืนสวรรค์ก็หันมาจ้องมองไปที่พวกเขา

เมื่อเห็นว่ามีคนจำนวนมากอยู่บนพื้น มันก็อ้าปากและดูดกลืนทุกอย่างอย่างดุเดือด

ส่งผลให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ที่ซ่อนตัวดูเหตุการณ์อยู่ ต่างก็ถูกดูดโดยไม่ได้ตั้งใจไปยังปากของอสูรกลืนสวรรค์ นอกจากนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตที่ต่ำกว่าจำนวนมาก หรือแม้แต่คนธรรมดาก็ถูกดูดเข้าสู่ปากของอสูรกลืนสวรรค์ไม่ต่างอะไรกับเศษอาหารกลางวันของมัน

ไม่เพียงแต่ผู้คน ทั้งอาคารที่ตั้งอยู่บนพื้น หิน ถังขยะ วัสดุทุกประเภทและแม้แต่พลังวิญญาณที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็ถูกดูดเข้าไปในปากของสัตว์ร้ายตัวใหญ่นี้ราวกับเครื่องดูดฝุ่นขนาดยักษ์

“เจ้าโง่ ทำไมยังยืนบื้ออยู่อีก รีบควบคุมมันไว้!” หลิงตู้ฉิงตะโกนขึ้น

ตอนนี้เขารู้สึกอยากจะตีซือโถวเหวินหยวนให้ตาย

หลังจากปล่อยอสูรกลืนสวรรค์ออกมา เขาก็ไม่สนใจมันอีกต่อไปแล้วงั้นเหรอ?

หากอสูรกลืนสวรรค์ดูดทุกอย่างโดยปราศจากการควบคุม แม้แต่สวรรค์ก็ยังบอกไม่ได้ว่าจะมีกี่คนที่สามารถรอดจากหายนะครั้งนี้ไปได้ ท้ายที่สุดแม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ถูกวาดขึ้นมา แต่การปรากฏตัวของมันก็ยังคงต้องใช้เวลาอยู่สักพักก่อนที่มันจะหายไป

ต้องรู้ว่านี่คืออสูรกลืนสวรรค์ซึ่งเป็นสัตว์ร้ายขนาดใหญ่ที่อาศัยการกลืนกินเพื่อการบ่มเพาะ แม้ว่าไอ้ตัวนี้ที่กำลังสร้างความวินาศอยู่ตรงหน้าเขาจะอยู่ในขอบเขตครึ่งสวรรค์ แต่มันก็ไม่มีทางที่ใครในที่นี่จะสามารถยับยั้งมันได้ นอกเหนือจากซือโถวเหวินหยวนที่เป็นผู้เปิดผนึกและใช้พลังวิญญาณของเขาอัญเชิญมันออกมา

หากคนจำนวนมากในเมืองเจินไห่ถูกกินไปหมด พวกเขาจะบาปขนาดไหน? ถ้าหากผลกระทบมันมีแค่เพียงซือโถวเหวินหยวนคนเดียวเท่านั้นที่จะตายที่ เขาก็คงไม่สนใจสักเท่าไหร่นัก แต่นี่ผลกระทบทุกอย่างมันก็อาจมีส่วนทำให้เขาต้องซวยไปด้วย ดังนั้น หลิงตู้ฉิงจึงเครียดมาก หากไม่ใช่เพราะระดับการบ่มเพาะที่ไม่เพียงพอของเขา เขาคงจะไม่มอบของเช่นนี้ให้กับซือโถวเหวินหยวน

ทางด้านของซือโถวเหวินหยวน เมื่อเห็นภาพเช่นนี้เขาตกตะลึงจนลืมตัว

เดิมทีเขาคิดว่าภาพวาดแปลก ๆ นี้ไม่มีประโยชน์ แต่ตอนนี้มันได้กลืนกินผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ทันทีที่มันปรากฏตัวขึ้นโดยไม่แม้แต่จะส่งเสียงเรอออกมา?

เจ้านี่ทรงพลังขนาดนี้เลยเหรอ?

แต่เมื่อเขาได้ยินเสียงด่าของหลิงตู้ฉิง เขาก็รีบทำการควบคุมให้อสูรกลืนสวรรค์ตัวนี้หยุดดูดทันที

เมื่อได้รับคำสั่ง สัตว์ประหลาดตัวนี้ก็ยังคงอ้าปากว้างอยู่ แต่แรงดูดก็ถูกสลายหายไปจนหมด

จากนั้นผู้ที่เกือบถูกดูดเข้าไปในปากของอสูรกลืนสวรรค์ก็ตกลงมาจากท้องฟ้าทันที ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนเป็นสีซีดและตัวสั่นด้วยความกลัว ไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

เนื่องจากเมื่อครู่ทุกคนได้รับประสบการณ์การที่ขาข้างหนึ่งของพวกเขาได้เหยียบเข้าไปในปรโลกแล้ว

ในบรรดาผู้คนที่ถูกดูด เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ ผู้หนึ่งก็มีสีหน้าดำคล้ำและก็สั่นกลัวอย่างสิ้นอาย

เขาเป็นคนที่ได้รับประสบการณ์อันน่าหฤหรรษ์นี้มากที่สุดเพราะในขณะที่แรงดูดปรากฏขึ้น เขาเองที่ดิ้นรนจนสุดชีวิตแต่ก็ยังไม่สามารถต้านได้จนตัวของเขาหลุดเข้าไปในปากของอสูรเรียบร้อย

แต่เดชะบุญที่แรงดูดนั้นกลับสลายไปก่อนที่เขาจะหลุดเข้าไปในท้องของสัตว์ประหลาดนี่

ในที่สุด หลิงตู้ฉิงก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาตะโกนเสียงดังพร้อมกับชี้ไปที่ซือโถวเหวินหยวน “นี่เจ้าปัญอ่อนรึยังไง เจ้าไม่เห็นหรือยังไงว่าพวกศัตรูมันอยู่บนอากาศแล้วเจ้ากลับปล่อยให้มันดูดคนที่อยู่บนพื้นทำบ้าอะไร?”

ซือโถวเหวินหยวนเต็มไปด้วยความอับอาย เขารู้ตัวว่าเมื่อครู่เขาทำตัวเหมือนเด็กไร้ประสบการณ์จริง ๆ

ตอนนี้เขาจึงไม่กล้าที่จะประมาทและควบคุมอสูรกลืนสวรรค์ให้พุ่งเข้าหาจางหาน และจางเฉียนทันที

เขายังไม่กล้าที่จะบังคับให้อสูรกลืนสวรรค์ดูดพวกศัตรูที่อยู่บนฟ้าในตอนนี้เลยทันที เนื่องจากเขากลัวว่าอสูรนี่จะดูดเอาเสี่ยวเยว่เฟิงเข้าไปด้วย

ในความเป็นจริง เสี่ยวเยว่เฟิงแทบจะไม่สามารถทนได้อีกต่อไป แม้ว่านางจะกลายร่างเป็นฟีนิกซ์ แต่นางก็เพิ่งเข้าสู่ขอบเขตสวรรค์เมื่อไม่นานมานี้ ฝ่ายตรงข้ามที่นางกำลังเผชิญอยู่มีถึง 2 คนและระดับการบ่มเพาะของคนหนึ่งก็อยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตสวรรค์ และเขาก็เข้าสู่ขอบเขตนี้ก่อนหน้านางหลายสิบปี เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้นางจะต่อสู้ได้นานได้ยังไง?

อย่างไรก็ตาม ด้วยการปรากฏตัวของอสูรกลืนสวรรค์ สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปทันที

ความเร็วในการจู่โจมของอสูรกลืนสวรรค์ไม่ได้ช้าไปกว่าการใช้วิชาของซือโถวเหวินหยวน มันพุ่งไปที่ด้านข้างของจางหานอ้าปาก และกลืนจางหานในทันที

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ จางเฉียนก็กลัวจนหมดปัญญา

“ได้โปรดเมตตาข้าด้วย! ข้าผิดไปแล้ว ข้ารู้แล้วว่าข้าไม่ควรมาล่วงเกินพวกท่านเช่นนี้ ได้โปรดเถอะข้าขอยอมแพ้!” จางเฉียนร้องเสียงหลงออกมาด้วยความหวาดกลัว

“กินมันซะ!” หลิงตู้ฉิงพูดขึ้นโดยไม่ลังเลใด ๆ

ซือโถวเหวินหยวนรีบสั่งให้อสูรกลืนสวรรค์พุ่งเข้าไปหาจางเฉียนทันที และในชั่วพริบตาร่างของเขาก็หายเข้าไปในท้องของอสูรกลืนสวรรค์

ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์สองคนไม่สามารถขัดขืนได้แม้แต่นิดเดียว?

ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างนิ่งเงียบ แม้เสียงลมหายใจที่แผ่วเบาก็ดังเหมือนเสียงกลองที่ได้ยินชัดเจนบนถนนที่เงียบงัน!