บทที่ 359 นายหญิง ทำไมต้องกลัดกลุ้มด้วย

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

เรนนี่ส่ายหัว“ฉันรู้สึกว่าชีวิตตัวเองน่าเศร้ามาก เรียกให้มาก็ต้องมา บอกให้ไปก็ต้องไป ฉันก็เป็นคนมีชีวิตจิตใจเหมือนกัน ฉันไม่ต้องการเงินหรอก ถ้าอยากตัดขาดจริง ๆ งั้นพวกเราก็ตัดขาดแบบไม่ต้องให้เหลือเยื่อใยเลย ฉันชอบคุณจริง ๆ แต่รับใช้ชีวิตอยู่กับการไป ๆ มา ๆของคุณไม่ได้ตลอด ฉันก็อยากตัดขาดเหมือนกัน”

เรนนี่กำลังพนันอยู่

“หัสดิน ฉันขอครั้งสุดท้ายนะ คุณกอดฉันหน่อยได้ไหม?”เรนนี่อรชรอ้อนแอ้นเสมือนดอกไม้ที่โดนลมพัดพา งามจนชวนทะนุบำรุง “ฉันขอกอดคุณครั้งสุดท้าย แล้วฉันจะหายไปจากชีวิตคุณ……”

เธอถนัดด้านการแสดงละครที่สุด ไม่ว่าจะเป็นฉากลำบาก ฉากความรักที่แสนเศร้า หรือความอ่อนโยนและอ่อนแอ ล้วนเอาอยู่หมัด ฝีมือการแสดงระดับม้าทองคำ

ระหว่างคิ้วของหัสดินขยับเล็กน้อย น้ำตาใส ๆของเธอเปียกชุ่มที่ขนตา จากการขยับของขนตาเธอ ยิ่งขับเน้นให้ใบหน้าขาวนวลยิ่งอ่อนโยนและงดงามมากขึ้น ลูกกระเดือกของเขาขยับ รู้สึกอาลัยอาวรณ์ในใจ

ไม่รอให้เขาตอบ เรนนี่ก็ลุกขึ้นโอบเอวเขา แล้วซุกใบหน้าเข้าหน้าอกแกร่งของเขา

ร่างกายเธอนุ่มนิ่งมาก พลางกระดุกกระดิกอย่างมีเทคนิค

สายตาของหัสดินเปลี่ยนเป็นมืดครึ้มตามแรงพิศวาสที่ผุดขึ้นมา

เมื่อเรนนี่คำนวณเวลาได้เสร็จสรรพก็ผละออกจากตัวเขา มือขาวดั่งต้นหอมอยู่ที่เสื้อสูทของเขา แล้วช่วงจัดแจงเนคไทให้ การเคลื่อนไหวของเธอช้ามาก เหมือนเป็นการกล่าวอำลาครั้งสุดท้ายจริง ๆ

“ฉันอยากให้เวลาหยุดอยู่ตรงนี้ตลอดไปจริง ๆ……”เสียงของเธอเบามาก คล้ายกับพึมพำให้ตัวเองฟัง แต่ก็คล้ายกับพูดให้เขาฟังด้วย

เสียงพึมพำนี้หัสดินก็ได้ยินอย่างชัดแจ๋ว……

“ฉันไม่มีข้อเรียกร้องอะไร แค่อยากให้คุณมาเยี่ยมฉันตอนออกโรงพยาบาล ได้ไหม?”เรนนี่กล่าววิงวอนขอร้อง

ความอ่อนโยนทำให้หัวใจหัสดินเต้นรัวแรง เสียงทุ้มต่ำกล่าวว่า “ได้”

“ดีจังเลย ฉันไม่เรียกร้องอย่างอื่น แค่นี้ฉันก็พอใจแล้ว คุณอยู่นานแล้ว คุณกลับไปเถอะ”

หัสดินขานรับ จากนั้นก็มองเธอก่อนจะเดินออกไป……

ดังนั้นจึงเหลือเรนนี่อยู่ในห้องคนไข้คนเดียว เธอยกมุมปากขึ้นยิ้ม ซึ่งเป็นยิ้มที่ลุ่มลึกยากจะหยั่งถึง

ผู้หญิงเราต้องรู้จักวิธีปล่อยเพื่อจับ ต้องรุกบ้าง ถอยบ้าง ผู้ชายไม่ชอบอะไรผู้หญิงที่ทำตัวติดอยู่ตลอดเวลา เพราะจะทำให้พวกเขาหายใจไม่สะดวก

ไม่มีใครชอบให้คนอื่นมาจูงจมูก และไม่ชอบให้ถูกบังคับ โดยเฉพาะผู้ชายประเภทหัสดิน

……

แม่บ้านทำกับข้าวให้ แต่ยู่ยี่กินไม่ลง เลยไม่ได้ออกจากห้อง ยังคงนอนอยู่บนเตียงไม่ไปไหน

เมื่อครู่ตอนเธอไปค้นของที่ห้องหนังสือ แล้วเห็นโฉนดที่ดินวิลล่าที่ชานเมืองหลังนั้น

จากเดิมเธอคิดว่าเป็นของเรนนี่ แต่กลับเป็นชื่อของหัสดิน……

คิก ๆ อันนี้ถือว่าบ้านทองคำซ่อนหญิงงามหรือเปล่า?

เมื่อความเจ็บปวดมาถึงจุดหนึ่งก็ยังคงรู้สึกเจ็บอยู่ดี เจ็บพร้อมกันทั้งร่างกายและความรู้สึก เหมือนเอาเกลือโรยใส่แล้วกัดเซาะอย่างร้ายกาจ

เวลาเจ็ดปี เจ็ดปีเต็ม ๆ เธอไม่เคยคิดว่าสามีตัวเองจะแอบทำเรื่องแบบนี้ลับหลังเธอ ……

ในอดีต เธอกับหัสดินรักกันมาก สามารถใช้คำว่า ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ได้เลย หากไม่ได้เจอหน้ากันหนึ่งวันจะรู้สึกเหมือนไม่เจอกันสามปี อยากอยู่ด้วยกันทุกวินาที

คิดไม่ถึงเลยว่าเธอกับหัสดินจะเดินมาถึงขั้นนี้

เธอเคยคิดว่าถึงแม้ผู้ชายทั้งหมดจะทรยศต่อความรัก แต่หัสดินไม่ทำอย่างแน่นอน เธอเชื่อมั่นเช่นนี้เสมอมา

ทว่าตอนนี้ดูแล้วเป็นเรื่องตลกทั้งเพ

ตอนนั้นหัสดินรังเกียจเดียดฉันท์เรนนี่มาก มากจนไม่อยากมองหน้า เขาถึงขั้นเอ่ยปากบอกว่าอีกฝ่ายน่าขยะแขยง

ทว่าตอนนี้คนที่เขาเป็นชู้ด้วยกับเป็นเรนนี่ เป็นคนที่เขารู้สึกขยะแขยงที่สุดในอดีต บอกว่าผู้หญิงเปลี่ยนง่าย แล้วผู้ชายไม่เหมือนกันตรงไหน?

ผู้ชายไม่มีความรักยืนยาวนานกว่าผู้หญิงหรอก……

ยู่ยี่รู้สึกหนาว นอกจากหนาวแล้วก็ยังคงหนาวอยู่ดี เธอดึงผ้านวมมาห่ม ห่มให้มิดชิด ทว่ากลับทำให้หัวใจที่หนาวเหน็บอบอุ่นขึ้นไม่ได้

ทำไมหัสดินจึงกลายเป็นคนแบบนี้ เธอไม่เข้าใจเลย

ราวกับมีมีดแหลมคมเฉือนเข้าที่ผิวหนังเธอ เธอได้ยิ่งเสียงมีดเฉือนอย่างชัดเจน มันเจ็บปวดยากจะทานทน

หัสดินเดินไปที่ห้องรับแขก แม่บ้านที่กำลังทำอาหารเย็นชำเลืองมองเขาเข้าไปในห้องนอน

เมื่อยู่ยี่ได้ยินเสียงฝีเท้าก็แกล้งหลับ หัสดินยืนอยู่ด้านข้างพลันเอ่ยปากพูดว่า “เมียครับ วันก่อนคุณบอกอยากินเนื้อสเต๊กไม่ใช่เหรอ เปลี่ยนเสื้อสิ วันนี้พวกเราไม่กินด้วยกัน”

เขายอมลดศักดิ์ศรีและหน้าตา เพื่อประนีประนอม

เพียงแต่ในสายตายู่ยี่การยอมประนีประนอมนี้ช่างเป็นเรื่องตลกและแดกดันยิ่ง

“ยังมีอีกเรื่อง ผมกับเรนนี่ตัดความสัมพันธ์กันแล้ว”หัสดินพูดต่อ

ยู่ยี่ยังคงไม่พูดจา คล้ายกับไม่ได้ยิน หัสดินไม่ได้พูดต่อ หมุนกายเดินออกจากห้องนอน

วินาทีที่ประตูห้องปิด น้ำตาพลันไหลพรั่งที่หางตา ทำให้ผ้านวมเปียกชื้น แผ่นไหลบางของเธอกำลังสั่นเทาไม่หยุด

เขากับเรนนี่ตัดความสัมพันธ์กันแล้ว……

ถ้าไม่ถูกเปิดโปงเรื่องของพวกเขา แล้วเขาจะพูดอย่างนี้ไหม?จะเยื่อใยกับเรนนี่ได้จริง ๆไหม?

เกิดเรื่องมากมายเช่นนี้แล้ว เขายังทำตัวแบบไม่สะทกสะท้าน คล้ายกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ช่างแดกดันเสียจริง

บรรยากาศในคอนโดลดปฏิสัมพันธ์ลงเรื่อยๆ ดั่งเช่นอุณหภูมิที่ติดลดลงไปทุกที มีเพียงเสียงแม่บ้านในแต่ละวัน ช่างเป็นบรรยากาศที่ตึงเครียดจนหายใจยากจริงแท้

ยู่ยี่อิดโรยมาก สีหน้าซีดขาวกว่าเดิม เธอไม่พูดจาอะไรสักคำ และกำลังตั้งใจคิดเรื่องการหย่าอยู่ ……

ความรักเจ็ดปีกว่า ใช้ชีวิตเป็นสามีภรรยากันมาสี่ปีกว่า ไม่ใช่เหมือนตุ๊กตาผ้าที่เสียแล้วก็โยนทิ้งอย่างไม่ลังเลได้เลย

หลายวันมานี้ เธอทำเหมือนไม่เห็นหน้าหัสดิน ไม่ร่วมเสวนาด้วย เห็นเขาเป็นคนล่องหนก็ไม่ปาน

ช่วงนี้หัสดินก็ร้อนรุ่มกลุ้มใจมาก เขาไม่ชอบบรรยากาศที่รายล้อม ณ ตอนนี้เลย ความตึงเครียดนี้ทำให้เขาสูบบุหรี่ติดต่อกันมากมาย

กลิ่นบุหรี่อบอวลไปทั่วคอนโด ซึ่งหัสดินเป็นคนสูบทั้งหมด เขาชิงชังบรรยากาศและสถานการณ์ตอนนี้มาก มันทำให้เขาเอือมระอามาก

เขาต้องจัดการเอกสารในบริษัทมากมาย ทั้งยังมีสัญญาหลายฉบับที่ต้องเซ็นให้ได้งานมา ที่บริษัทก็มีเรื่องปวดหัวไม่เว้นวันแล้ว เมื่อกลับมาถึงคอนโดก็ยังต้องเจอกับบรรยากาศที่ตึงเครียดและความอึดอัดใจเช่นนี้อีก

ความอึดอัดใจนี้ก็เหมือนภูเขาที่ทับใส่ร่างกายเขาอย่างหนักอึ้ง ทำให้เขาเหมือนโดนอุดลำคอไว้ หายใจไม่ออก

เขาลุกขึ้นหยิบเสื้อกันหนาว แม่บ้านที่ยกอาหารเย็นเข้ามาเอ่ยปากถามอย่างประหลาดใจ “กินข้าวค่ะคุณชาย คุณจะไปไหนคะ?”

เธอไม่ได้รับคำตอบ พลางส่ายหัว แล้วเดินไปที่ห้องนอน ยู่ยี่รับโจ๊กมากินในปริมาณที่น้อยมากจนน่าตกใจ

“คุณนายค่ะ มีผู้ชายไม่กี่คนหรอกค่ะที่ไม่เคยทำผิด โดยเฉพาะผู้ชายที่มากความสามารถอย่างคุณชาย แถมหน้าตาก็หล่อแบบนี้ จึงมีผู้หญิงอยากเสนอตัวให้เขาเยอะมากค่ะ ไม่ว่าคุณชายจะทำตัวเหลวไหลด้านนอก แต่ในใจก็มีคุณนาย ยังเห็นความสำคัญของครอบครัวนี้อยู่ ในความคิดของดิฉันนะคะ คุณชายดีต่อคุณนายมากเลยค่ะ เอาใจใส่ทุกเรื่องเลย คุณนายทำแบบนี้ไม่คุ้มเลยนะคะ?”