ได้ยินดังนั้น แต่ยู่ยี่ก็ยังไม่ตอบ เธอไม่เห็นด้วยกับความคิดของแม่บ้าน และไม่อาจทนได้ด้วย
“ประเด็นสำคัญคือสังคมสมัยนี้เปลี่ยนไปเยอะมากค่ะ ผู้ชายสมัยนี้แทบจะมีผู้หญิงข้างนอกกันหมดเลยค่ะ ไม่ว่าจะมีเงินหรือไม่ก็ตาม……”
ภายในบาร์
ด้านบนโต๊ะมีเหล้ากองไว้ และมีคนกลุ่มหนึ่งนั่งล้อมโต๊ะ หัสดินนั่งอยู่กึ่งกลางของโต๊ะ และดื่มเหล้าไม่หยุด
พวกเพื่อน ๆ ผู้ชายคิดว่าการนอกใจไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจหรือใหญ่โตอะไร มันเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกเขา
ทั้งยังรู้สึกยู่ยี่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ จึงพากันเชียร์ให้หัสดินดื่มเหล้าเพื่อผ่อนคลาย เมื่อแอลกอฮอล์ลงท้องก็สามารถทำให้ผ่อนคลายได้จริง ๆ
“ผมก็คิดว่ายู่ยี่คนนี้ทำเกินไป เธอตบหน้าประธานหัสดินต่อหน้าผู้คนแบบนี้ มันทำให้ประธานหัสดินขายหน้ามาก ถ้าเป็นผม เมื่อเลือดขึ้นหน้า ผมคงจะตบกลับไปสองทีแน่ ……”
“เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร ประธานหัสดินชอบเธอ นั่นเป็นโชคดีของเธอแล้ว ไม่รู้จักรักษา แถมยังทำตัวได้คืบจะเอาศอก ได้ศอกจะเอาวาอีก……”
“ผมว่า ยู่ยี่เทียบเรนนี่ไม่ได้เลย……”
“สมัยมหาลัยยู่ยี่สวยจริง ๆ และตอนนั้นเรนนี่ก็ขี้เหร่มากจริง ๆ เหมือนกัน แต่ตอนนี้หน้ายู่ยี่เต็มไปด้วยกระ ร่างกายยังบวมโตอีก ไม่เพียงเท่านี้ ยังทำตัวเอาแต่ใจอีกต่างหาก ส่วนเรนนี่นั้น ตอนนี้ทั้งสาวทั้งสวย หุ่นดีมาก ใบหน้ารูปไข่ด้วย แถมยังรู้จักถอยรู้จักเข้า ดีกว่ายู่ยี่เป็นไหน ๆ ประธานหัสดินครับ คุณไม่สู้เลือกเรนนี่ซะเลย ตอนนี้มีผู้ชายหลายคนอยากแย่งไปนะครับ ……”
“หลายปีมานี้เรนนี่สวยขึ้นจริง ๆ ส่วนยู่ยี่นั้นเดินลงเหวไปแล้ว……”
หัสดินยังคงดื่มเหล้าต่อ เขารู้สึกอึดอัดใจมานาน ตอนนี้คิดผ่อนคลายอย่างเดียว คนรอบข้างนั้นล้วนหัวเราะเสียงดังอย่างครื้นเครง
ตอนที่ร่างสูงโปร่งเดินผ่านด้านหลังพวกเขา ฝีเท้าหยุดอยู่ด้านหลังพวกเขาคล้ายกับมีคล้ายไม่มี ทว่าพวกเขาไม่ได้สังเกตเห็น
ร้านบายามราตรีตกแต่งใหม่ มุมหนึ่งของห้องโถงเป็นห้องวีไอพีที่มีโมบายลูกปัดโปร่งใสแขวนอยู่ หน้าประตูมีกระถางดอกไม้สีเขียวตั้งตระหง่านไว้อย่างสง่างาม
ฉันทัชนั่งลงแล้วดื่มน้ำอุ่นก่อนจะยกไวน์แดงขึ้นมา ผู้จัดการร้านช่วยเขาเก็บเสื้อกันหนาวสีดำไว้
“คุณฉันทัช มีอะไรสั่งอีกไหมครับ”ผู้จัดการร้านมีท่าทีเคารพยำเกรง
“ไม่มี……”เสียงทุ้มต่ำที่แหบพร่าของเขาเปล่งออกมา คล้ายกับนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงเอ่ยปากพูดว่า “เดี๋ยวก่อน”
“คุณฉันทัช”
“เชิญพวกที่นั่งตรงข้ามผมออกไป……”ฉันทัชเอ่ยเสียงเรียบเฉย
ผู้จัดการอึ้ง โต๊ะตรงข้ามเป็นคุณชายแห่งตระกูลภูษาธร เขาทำให้เคืองใจไม่ได้ แต่เมื่อชั่งน้ำหนักกันแล้ว ย่อมต้องขัดใจผู้ที่มีฐานะต่ำกว่า
ผู้จัดการร้านพยักหน้า จากนั้นก็เดินออกไป ไม่รู้ว่าคุณชายหัสดินทำให้คุณฉันทัชไม่พอใจตรงไหน
อาคิระพูดเสียงตัดตลก“พวกเขาคุยกันเรื่องเมียตั้งท้อง ไม่ใช่คุณซะหน่อย คุณฉันทัชใส่ใจทำไมครับ?”
“ผมเห็นเธอเป็นเพื่อน และคนที่ผมเห็นเป็นเพื่อนนั่นมีไม่เยอะ……”ฉันทัชจิบไวน์แดงอย่างเฉยเมย “ถ้ามีคนวิจารณ์คุณลับหลังแบบนี้ ผมก็ไม่ชอบใจเหมือนกัน……”
ผู้จัดการร้านเสนอให้พวกเขาออกจากร้าน พวกเขามองหน้ากันแล้ว ไม่ยอมออกไป
“พวกเราเสียเงินเพื่อมาใช้บริการ มีอย่างที่ไหนถึงไล่แขกออกจากร้าน”พวกเขาไม่ยอมออกไปแต่โดยดี
“ถ้าทุกท่านยังยืนกรานเช่นนี้ต่อไป พวกเราก็ต้องเรียกรปภ.มาแล้วครับ เบื้องหลังของร้าน ทุกท่านคงบาดหมางไม่ได้ ต้องโทษที่ทุกท่านทำให้บุคคลระดับสูงไม่พอใจครับ”
ผู้ชายในกลุ่มคนหนึ่งหัวเราะเย็นอย่างประชดประชัน“บุคคลระดับสูงเหรอ แล้วประธานหัสดินถือว่าเป็นบุคคลระดับสูงไหม?”
“ย่อมใช่แน่นอนครับ แต่…”เขาไม่ได้พูดประโยคหลังออกมา ทว่าคนฟังกลับเข้าใจความหมายนี้
“พวกเราไม่ทำให้คุณเดือดร้อนหรอก คุณบอกพวกเราว่าบุคคลระดับสูงคนนี้เป็นใคร แล้วพวกเราจะออกไปเอง ……”
ผู้จัดการร้านไม่ได้ตอบ สายตาจ้องไปยังห้องวีไอพีที่มีกระถางดอกไม้สีเขียวตั้งไว้อยู่
ทุกคนมองตาสายตาของผู้จัดการร้าน ด้านในห้องวีไอพีมีแสงไฟสลัว ถ้ามองจากมุมนี้จะเห็นใบหน้าด้านข้างของเขาเท่านั้น ภายใต้แสงไฟยิ่งขับเน้นใบหน้าของเขาให้เด่นชัดมากขึ้น ผู้ชายคนนั้นกำลังยกน้ำดื่มอย่างขี้คร้าน ทว่าสง่างาม ทุกอิริยาบถช่างสูงศักดิ์ยิ่งนัก ทั่วทั้งร่างกายยังส่งกระแสความหยิ่งยโสออกมาอีกด้วย
หัสดินดื่มไปไม่น้อย จึงเมาหน่อยแล้ว เขาฟังคำพูดของผู้จัดการร้านเข้าใจไม่กี่ประโยค ลุกขึ้นเดินโซเซแล้วออกไปด้านนอก
ทุกคนตามอยู่ด้านหลัง คิดจะส่งเขากลับคอนโด ทว่าเขาไม่ยอม ตอนนี้เขาไม่ชอบที่ที่ทำให้เขารู้สึกหายใจลำบากเลย
ทุกคนจนปัญญา ได้แต่ส่งเขากลับเข้าร้านบาร์ต่อ
ช่วงเวลาสั้น ๆไม่กี่วัน ยู่ยี่รู้สึกเกิดการเปลี่ยนแปลงที่แสนจะโศกเศร้ายิ่ง และความรู้สึกเจ็บปวดที่โดนคนที่เชื่อใจทรยศหักหลัง
เธอจะหย่า แต่หัสดินไม่ยอม ทำไมถึงไม่ยอมล่ะ เขาไม่ใช่ชอบอยู่กับเรนนี่หรอกหรือ?
สาเหตุที่ไม่ยอมหย่าเป็นเพราะชินกับชีวิตแบบนี้แล้ว หรือว่าเป็นเพราะลูกในท้องของเธอ?
เมื่อก่อนเธอจะตบหน้าอกอย่างมั่นใจว่า หัสดินจะรักเธอตลอดไป
ทว่าตอนนี้ ยู่ยี่ไม่มีความมั่นใจนั่นแล้ว ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าในใจหัสดินยังมีเธออยู่ไหม
เมื่อนึกถึงการหย่า ความรู้สึกเหมือนโดนมีดเฉือนจนผิวหนังก็จะฉีกขาดก็ถาโถมเข้าใส่
ถ้าหากไม่หย่า เธอกับหัสดินจะจูงมือกันเดินต่อไปเช่นไร?
ไม่มีเหตุผลที่ต้องเดินร่วมกันต่อไปแล้ว เธอหาเหตุผลไม่เจอเลย ของบางอย่าง เมื่อตายไปแล้วก็จะมีชีวิตกลับคืนมาไม่ได้
หัสดินเดินออกจากห้องหนังสือ แล้วกลับเข้าห้องนอน หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อเสร็จก็จับไหล่ยู่ยี่ไว้
ยู่ยี่สะบัดแขนด้วยจิตใต้สำนึก การสัมผัสของเขารังแต่จะทำให้เธอรู้สึกขยะแขยงเปล่า ๆ
หัสดินขมวดคิ้วมุ่น มองหน้าเธออย่างหงุดหงิดมากขึ้นหลายส่วน ในคอนโดมีแต่บรรยากาศแบบนี้ทุกวัน ทำให้เขาไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากกลับบ้าน
ผู้ชายไม่ชอบเรื่องตึงเครียดและกดดันหรือสถานที่อยู่แล้วทรมาน เมื่อตกอยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบนี้ ไม่ว่าจะความอดทนหรือความละอายใจก็ดี หรือว่าความชอบก็ช่าง ล้วนสามารถลดน้อยถอยลงได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นจะมีความหงุดหงิด ความรำคาญและความสะอิดสะเอียนเข้ามาแทนที่
ดังนั้นสิ่งแวดล้อมส่งผลกระทบต่ออารมณ์มนุษย์เรามาก
หัสดินเบื่อหน่ายกับวิธีใช้ชีวิตแบบนี้เต็มทน คล้ายกับกลับไปเหมือนสี่ปีก่อนที่เขาดื่มเหล้าจนเมา แล้วไปหลับนอนกับเรนนี่ครั้งแรก
หลังจากเกิดเรื่องนั้นขึ้น เขายอมรับผิดด้วยสารพัดวิธี ยอมทำดีด้วยนา ๆ ประการ เหลือเพียงไม่ได้คว้าหัวใจออกมาเท่านั้น ทว่าเธอกลับไม่มองแม้แต่ปราดเดียว
ตอนนี่เขาง้อมาสองวันก็ไม่มีความอดทนแล้ว เธอมีท่าทีเหมือนสี่ปีก่อน เขารู้สึกเบื่อหน่ายมาก
หัสดินอย่างเขาไม่เคยก้มหน้าพูดดีกับใครมาก่อน เขาเป็นคนที่ถูกประจบประแจงและเชิดชูมาตลอด การที่ยอมก้มหน้าพูดดีด้วยครั้งแรกเกิดจากความรู้สึกใหม่ ๆและความรัก แต่เมื่อเกิดเป็นครั้งที่สอง เขาย่อมไม่มีความอดทนมากนัก ……
วันนี้เป็นวันที่เรนนี่ออกจากโรงพยาบาล หัสดินไม่ลืมเรื่องนัดหมายกับอีกฝ่าย เขาจึงไปที่โรงพยาบาล
เรนนี่เตรียมอาหารเที่ยงอันโอชะไว้แล้ว เธอแต่งหน้าจาง ๆ สวมกระโปรงยาวที่เรียบหรู เสมือนดอกมะลิกลางสายลม