สถานที่ที่คนทั้งสองไปคือใต้ต้นใบเมเปิลตอนที่เรียนมหาลัย ใบเมเปิลเปลี่ยนเป็นสีแดง ทัศนียภาพดูสวยสดงดงาม
พวกเขานั่งอยู่บนพื้นหญ้า เรนนี่เอาอาหารออกมา เป็นอาหารที่หัสดินชอบกินที่สุด
“แต่ก่อนอยากจะลองกินกับคุณสักครั้งนึง แต่ไม่มีโอกาสเลย ในที่สุดตอนนี้โอกาสก็มาถึงแล้ว แต่กลับเป็นการจากลาแทน”
เรนนี่ยิ้มอย่างนุ่มนวลงดงาม หลังจากนั้นโค้งตัวลง ใช้นิ้วมือนวดเบา ๆ ที่ศีรษะของเขา “อย่างนี้รู้สึกสบายขึ้นบ้างหรือเปล่าคะ?”
สบายขึ้นจริงๆ อาการปวดหัวและกลัดกลุ้มที่เกิดขึ้นไม่กี่วันที่ผ่านมานี้มลายหายไปไม่น้อยเมื่ออยู่ภายใต้มือของเธอ หัสดินหลับตาลงอย่างสุขใจ รู้สึกผ่อนคลายสบายใจ
ก็ต้องพูดว่าตอนนี้ที่เขาอยู่ด้วยกันกับเรนนี่ เขาจะรู้สึกถึงความผ่อนคลาย ความสบายใจ และความสุขใจ
แต่อยู่ด้วยกันกับยู่ยี่ สิ่งที่มีก็คือความเครียด ความกลัดกลุ้ม ความร้อนใจ และความรำคาญ
พวกเขาพูดถูก เรนนี่กับยู่ยี่ได้เปลี่ยนไปแล้ว เรนนี่กลับเปลี่ยนเป็นคนที่เข้าใจคนอื่น แต่ยู่ยี่กลับเปลี่ยนเป็น…..
“พี่หัสดิน…. พี่….”ขณะนั้นเอง เสียงเรียกของเธอนั้นนิ่มนวล น่าภิรมย์ กึ่ง ๆ ยิ้ม เจือไปด้วยความไม่เป็นธรรมชาติ
หัสดินชะงัก หลังจากนั้นก็หรี่ตาขึ้นมองเป็นปฏิกิริยาตอบสนอง เรนนี่ก็กลับยิ้มกลับให้ “แค่กลัวว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เรียกคุณอย่างนี้….”
เธอพูดเหมือนจะตายจากกัน ไม่ได้เจอกันอีกต่อไปแล้ว
“สีหน้าของคุณไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ซีดเซียวไปไม่น้อย เป็นเพราะความสัมพันธ์ที่ไม่ลงตัวกับพี่ยู่ยี่แน่ๆเลย คุณหลอกเธอ เธอถึงได้ไม่เชื่อคุณ ในใจของผู้หญิงแค่ผู้ชายทำร้ายเธอแค่ครั้งเดียวก็ไม่มีความรู้สึกเชื่อมั่นแล้ว คุณพูดไม่เชื่อ งั้นให้ฉันไปพูดเองเถอะ ฉันพูดเธอจะเชื่อ หลังจากนั้นฉันจะถอยออกมา แล้วพวกคุณก็ใช้ชีวิตสงบสุข…..”
“คุณไม่มีความจำเป็นต้องไป” หัสดินเอ่ยปากพูดขึ้น มองไปที่เรนนี่ แผลที่อยู่บนใบหน้าของเธอยังไม่หายไป และยู่ยี่คงจะไม่ฟังเธอแน่ เสียแรงเปล่าๆ
“ฉันจะพูดโน้มน้าวใจเธอ ฉันแค่ไม่อยากให้คุณใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุขแบบนี้ ไม่ว่ายังไงเธอนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันอยู่แล้ว ฉันจะพยายามพูด แค่ให้คุณใช้ชีวิตมีความสุขก็พอ เรื่องนี้คุณอย่าห้ามเลยค่ะ นี่เป็นเรื่องสุดท้ายที่ฉันสามารถทำให้คุณได้ก่อนที่เราจะแยกจากกัน อยู่ด้วยกันกับคุณถึงแม้ว่าจะสั้น แต่ก็ได้เติมเต็มความฝันของฉัน ฉันก็พอใจแล้วค่ะ….”
เธอนิ่ง นุ่มนวล นัยน์ตาเคลื่อนไหวไปมา แสงสีดำได้ลอยลับไป ไม่ปรากฏ
นัยน์ตาหัสดินนั้นหรี่เกร็ง ในใจพูดไม่ถูกว่าเป็นความรู้สึกแบบไหน เธอในตอนนี้ทำให้เขารู้สึกเสียดุล และเธอก็ได้รับความไม่เป็นธรรมมากเกินไป
แสงอาทิตย์หลังจากช่วงเที่ยงอบอุ่น หัสดินมีความรู้สึกไม่อยากที่จะจากไป ในท้ายที่สุดเขายังคงเอาเบอร์ของยู่ยี่ให้เรนนี่
ช่วงบ่ายเพื่อเป็นการไว้หน้าหัสดิน เรนนี่จึงโทรศัพท์หายู่ยี่และนัดเธอมาเจอกันที่ร้านกาแฟ ยู่ยี่ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ท่าทางไม่เป็นมิตร แล้ววางสายลง
เรนนี่กลับเป็นคนที่จิตใจแน่วแน่ โทรไม่หยุด โทรประมาณสิบครั้ง แต่ยู่ยี่ไม่รับสักสาย กดสายทิ้งตลอด
ในที่สุดหัสดินมีความรู้สึกรำคาญยู่ยี่ “ไม่ต้องโทรแล้ว ผมจะจัดการเอง….”
น้ำเสียงเจือไปด้วยความรำคาญ เรนนี่ฟังชัดเจนและเข้าใจ แซะยิ้มที่มุมปาก
“ความผิดของเรื่องนี้อยู่ที่ผม พวกคุณจะกลับมาดีกันได้เหมือนแต่เริ่ม ดังนั้นการแก้ปัญหานี้จะต้องเป็นผมที่จัดการ”
“การยอมรับผิดของผมและการรับรองความสัมพันธ์ที่ตัดขาดระหว่างคุณ สำหรับเธอนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่มีความรู้สึกรู้สาอะไร คำพูดของคุณ เธอจะฟังได้ลงได้ยังไง?” ความรำคาญใจของหัสดินนั้นเพิ่มขึ้น
ที่เขาเดินเข้ามาเพื่อวางแผนที่จะจัดการระหว่างเรนนี่ให้เรียบร้อย นี่ก็ถือเป็นครั้งสุดท้ายที่คนทั้งสองเจอกัน
และเรนนี่ก็ไปพบเธอ ก็เป็นเพราะอยากที่จะให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอคลี่คลายลง และกลับมาคืนดีเหมือนกันใหม่ พวกเขากำลังคิดวิธีที่จะแก้ปัญหา เธอกลับไม่แม้จะเหลียวมอง
“คำพูดของผู้ชายเธอฟังไม่ลง ไม่ได้แปลว่าคำพูดผู้หญิงเธอจะฟังไม่ลงเหมือนกัน ฉันรู้ว่าควรที่จะพูดโน้มน้าวเธอยังไง” เธอพูดต่อ ในระหว่างที่พูดนั้นก็โทรศัพท์หาอีกครั้ง
หลังจากที่กดวางสายมาแล้วสี่ห้าครั้ง ในที่สุดสายนั้นก็รับขึ้น
“ฉันมีเรื่องที่จะพูดกับคุณ ร้านกาแฟข้างแม่น้ำ ห้าโมงเย็น ” ถือโอกาสที่เธอไม่ได้วางสายลง เรนนี่จึงรวบคำพูดพูดจนจบ
ตอนที่ยู่ยี่รับสาย เชอร์รีนก็นั่งอยู่ข้างเธอ โทรศัพท์ได้เปิดเสียงลำโพงไว้ ดังนั้นเธอจึงได้ยินอย่างชัดเจน
“จะไปเปล่า?”
“ทำไมไม่ไป?”
เชอร์รีนถอนหายใจอย่างเบาๆ “ฉันรู้สึกว่าเธอไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปเจอมัน เธอไม่ต้องไปสนใจมันเลยก็ได้”
“เชอร์รีน ในทุกๆเรื่องฉันชอบความชัดเจน ความเข้าใจนะ มันกับหัสดินเริ่มคบกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ คบกันมานานเท่าไหร่ ฉันไม่อยากให้ตัวเองเหมือนคนโง่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
ไม่มีคำพูดใดๆ เชอร์รีนรู้แก่นของคำพูดเธอ ถ้าเป็นเธอ ต่อให้หัวใจสลายก็ต้องไขข้องงงวยของตัวเองให้สิ้นสาก
ยิ่งไปกว่านั้นยู่ยี่และหัสดินรักกันมาเจ็ดปีกว่าๆ ความรักมันลึกซึ้ง ลึกซึ้งเข้าส่วนลึกของหัวใจ!
สามีไปนอนกับผู้หญิงอื่น ในฐานะที่เป็นภรรยาเธอกลับเป็นคนสุดท้ายที่รู้เรื่องนี้ อีกอย่างก็รู้แค่ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นเรนนี่ นอกจากนี้เธอไม่รู้อะไรเลย
ในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนนึง ไม่ว่าใครที่เจอสถานการณ์นี้ คงจะนอนนิ่งเฉยอยู่ไม่ได้
ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องคิด ว่าทำไมถึงมาจุดนี้ได้ ทำไมถึงมีเมียน้อยได้!
เธอจะไม่ขวางยู่ยี่ แต่สำหรับหัสดิน ในใจของเธอไม่มีความรู้สึกแล้วจริงๆ เธอคิดว่าตอนนี้ทางออกเดียวของยู่ยี่ก็เหลือแค่การหย่าเท่านั้น
สี่ปีก่อนหัสดินดื่มหนักจนเมาแล้วไปนอนกับเรนนี่ ยู่ยี่รักหัสดินมาก ทำใจหย่าไม่ได้เลยเลือกที่จะให้อภัย
แต่ผลลัพธ์ที่ได้รับมาจากการให้อภัยล่ะ แม้ว่าเรื่องนั้นมันจะผ่านมานานแล้ว ในใจของเธอกลับยังคงปล่อยวางไปไม่ได้ ก็เหมือนเป็นก้างปลาที่ติดอยู่ตรงนั้น มักจะคิดถึงขึ้นมาบ่อยๆ
และครั้งนี้ก็ไม่เหมือนกับครั้งที่แล้ว ครั้งนี้เธอจับได้ว่าอยู่บนเตียงและหัสดินก็ยังอยู่ในสภาพที่มีสติดี จะยังให้อภัยลงได้ยังไง?
ถ้าสามารถให้อภัยได้จริงๆ ทุกๆคืนจะใช่ฝันร้ายหรือเปล่า? หรือทุกๆคืนจะฝันถึงหัสดินกับเรนนี่หรือเปล่า?
คนทั้งสองนัดเวลากันเป็นที่เรียบร้อยคือห้าโมงเย็น แต่เกือบจะห้าโมงครึ่ง ยู่ยี่เพิ่งจะมาถึงร้านกาแฟ
ที่จริงแล้ว เธอจงใจที่จะมาสาย ในขณะเดียวกันเธอก็ให้อยากรู้นักว่าเรนนี่อยากจะคุยอะไรกับเธอ….
เชอร์รีนก็ตามมาด้วย เรนนี่นั่งอยู่ที่ข้างริมหน้าต่าง กระโปรงยาวสีขาว สีผมไวน์แดงม้วนลอน ดูสะดุดตา
นั่งลงที่นั่งเรียบร้อยแล้ว เรนนี่ยิ้มน้อยๆแล้วพูดทักทายว่า “พี่เชอร์รีน”
“รุ่นน้องฉันมีเยอะ ไม่มีใครที่แย่เหมือนเธอแบบนี้ ในเมื่อก็คนละชั้นกันแถมความสัมพันธ์ใกล้ชิดขนาดนี้ พวกรุ่นน้องเหล่านั้นจะต่อว่าฉันได้ว่าตาถั่ว” เชอร์รีนเอ่ยปาก มุมปากยิ้มยกขึ้นจางๆ ท่าทางสุภาพและสง่า