ตอนที่ 591 ตั้งใจแต่งให้ดู / ตอนที่ 592 กลิ่นเครื่องประทินโฉมสตรีบนตัวท่านช่างน่ารังเกียจนัก

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง

ตอนที่ 591 ตั้งใจแต่งให้ดู

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋จนใจแล้ว เมื่อครู่ยังดีๆ อยู่ ทำไมนางถึงได้โมโหอีก เมื่อก่อนยามนางโมโหก็ยังเพียงอาละวาดเล็กน้อย ไยครานี้จึงได้ต่างจากทุกครั้ง ดูท่าจะโกรธจริงเสียแล้ว

 

 

เป็นครั้งแรกเลยที่เฝิงเยี่ยไป๋ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหนดี หากรู้ว่าเหตุใดจึงโกรธยังพอแก้ได้ถูกทาง หากแต่ตอนนี้มืดแปดด้าน พอนางสะบัดหน้าหนีไปก็ไม่สนใจเขาอีก ณ ตอนนี้ไม่ต้องสนใจว่าเขาผิดหรือไม่เขาก็พร้อมยอมรับผิดแล้ว แต่ก็ต้องรู้ก่อนว่านางโกรธด้วยสาเหตุใดก่อนจึงจะแก้ไขได้

 

 

ผู้ชายนี่นะ หากอยู่ต่อหน้าภรรยา ไม่ต้องรักษาหน้าเลยก็ยังได้ ผู้หญิงไม่มีใครทนคำหวานได้หรอก ในเวลาเช่นนี้คงต้องทิ้งยางอายเข้าไปง้อก่อน กอดนางเอาไว้พร้อมปลอบใจสักหน่อย พูดจาดีๆ สักสองสามประโยค ถ้าให้ดีก็ยกนิ้วสัญญาเสียเลย พอพวกนางใจอ่อนยังจะง้อยากได้สักเท่าไรเชียว

 

 

เมื่อดูซ้ายขวาแล้วไม่พบผู้ใด จะต้องรักษาหน้ารักษาตาไว้ทำไมอีก โยนไปให้สิ้น รุกเข้าไปกอดไว้ให้มั่น โอบกอดนางโยกซ้ายทีขวาที “เป็นอะไรไปเล่า ไฉนยังโกรธข้าอีก หากข้าทำอะไรผิดไปเจ้าจงบอกมา จะทุบจะโบยก็เต็มที่ ขอแค่เจ้าหายโกรธ ข้ายอมทั้งสิ้น”

 

 

เฉินยางครั้งนี้พยายามแกะมือเท่าไรก็ไม่ยอมออก ถูกกอดเอาไว้เสียเต็มรัก จึงถอนหายใจหนักคราหนึ่งพลางเอ่ยด้วยความไม่สบอารมณ์ว่า “ตอนแรกข้าก็ไม่โกรธหรอก แต่หากท่านไม่ปล่อย ข้าจะโกรธจริง ๆ แล้ว”

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋คลายกอดลงแต่ยังโอบนางไว้ในอ้อมแขน ไม่ให้นางไป “ยังบอกว่าไม่โกรธอีก ข้ากลับมาเจ้าก็ทำหน้าบึ้งตึง เป็นอะไรไปเล่า โกรธที่ข้ากลับมาช้า หรือว่าโกรธที่ข้าไม่อยู่กับเจ้ากัน”

 

 

นางกัดฟันกรอด “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ท่านอย่าลากออกนอกประเด็น”

 

 

“ถ้าอย่างนั้นเป็นเพราะอะไรเล่า หืม” เขาจูบไปยังใบหูของนาง “วันนี้เจ้าแต่งหน้าหรือ ข้าว่าวันนี้ดูไม่เหมือนทุกวัน ดึกเช่นนี้แล้วยังไม่เข้านอน ตั้งใจแต่งหน้าให้ข้าดูเชียวหรือ

 

 

เฉินยางยกมือลูบหน้าเบาๆ “ท่านคิดมากไปกระมัง ข้าเห็นว่าอยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำเลยให้ซั่งเหมยแต่งเล่นๆ หรอก ข้าว่าท่านต่างหากที่แสนจะอิสระ วันๆ ไม่เห็นแม้แต่เงา หญิงงามข้างนอกคงสวยสดกระมัง อย่างไรเสียก็คงงามกว่าข้าอยู่ดี ไม่เยี่ยงนั้นท่านก็คงไม่กลับมาเอาเพลานี้หรอก ใช่หรือไม่”

 

 

นางโมโหหึงยามดึกหรอกหรือ เฝิงเยี่ยไป๋เม้มปากหัวเราะในลำคอ ไม่ได้รีบร้อนอธิบาย กลับย้อนถามไปว่า “ใครบอกเจ้าเล่าว่าข้าออกไปหาหญิงงามยามค่ำคืน”

 

 

“ท่านเห็นว่าจมูกข้างอกอยู่บนหน้านี่เป็นเพียงแค่เครื่องประดับหรือ ข้าจะรับรู้ไม่ได้เชียวหรือ กลิ่นหอมเครื่องประทินโฉมสตรีฉุนเพียงนี้ นางต้องประพรมเยอะเพียงใดกัน ท่านอาบน้ำชะล้างอยู่เป็นนานนมยังล้างกลิ่นนี้ไม่ออกเลย”

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋เห็นนางโกรธด้วยเรื่องนี้กลับไม่โกรธ แต่กลับรู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ เขาเป็นชายที่ครอบครองหญิงงาม นางเองก็ได้รับรู้ในที่สุดว่ามีสามีเป็นตัวเป็นตน นี่ไม่ได้หมายความว่านางให้ความสำคัญกับตนหรอกหรือ ถึงกับงอนเขาขนาดนี้ ผู้หญิงมักปากไม่ตรงกับใจ เอ่ยคำใดออกมาล้วนตรงข้ามกับใจทั้งสิ้น ตอนนี้ต้องเออออตามน้ำไปก่อน นางแค่ต้องการความมั่นคงเท่านั้น บุรุษที่ฉลาดสักนิดยอมตามน้ำไปให้นางสบายใจก็เพียงพอแล้ว

 

 

ยังดีที่เขาอ่านขาดถึงความต้องการของนาง ไม่เอ่ยคำใด จูบให้นางสงบไว้ก่อน ทางที่ดีต้องจูบจนกว่านางจะหมดเรี่ยวแรงเอ่ยคำนั่นแหละ หลังจากนั้นนางถึงจะได้เชื่อฟังขึ้นมาบ้าง

 

 

เมื่อสิ้นสุดจูบอันยาวนาน เฉินยางซบลงไปในอ้อมอกของเฝิงเยี่ยไป๋ด้วยอาการหอบโยน แม้แต่หายใจยังไม่ทัน อย่าไปพูดถึงเรี่ยวแรงที่จะเอามาหายใจเลย

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ถือโอกาสที่นางสงบนิ่งอยู่ในอ้อมอก รอจนนางสงบนิ่งดีแล้ว จึงเอ่ย “ข้าก็คิดว่าเจ้าเคืองเรื่องอะไร ที่แท้ก็เรื่องนี้เองหรือ ความรู้สึกที่ข้ามีต่อเจ้ายังไม่ชัดเจนอีกหรือ เจ้าสงสัยในตัวข้าเช่นนี้ช่างน่าเสียใจยิ่งนัก!”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 592 กลิ่นเครื่องประทินโฉมสตรีบนตัวท่านช่างน่ารังเกียจนัก

 

 

เฉินยางเมื่อเจอไม้นี้ของเฝิงเยี่ยไป๋หลายหนแล้ว หากหนนี้ยังเชื่อใจเขาอีก ถ้าเช่นนั้นนางก็คงโง่งมเต็มที ใช่สิ! นางนั้นแสนจะโง่งม อะไรก็เชื่อฟังสามีไปหมด เขาว่าอะไรนางก็ว่าตามนั้น ถึงได้ตกเป็นลูกไก่ในกำมือ ถูกหลอกจนหัวหมุนไปเสียหมด ถามอะไรไปแม้แต่อธิบายยังไม่ยอม เพียงไม่กี่คำพูดก็หลอกล่อนางไปทางอื่นเสียได้ ผู้ใดจะรู้ว่าเขานั้นอยู่นอกบ้านจะทำอะไรบ้าง ยามกลับเรือนก็มีเครื่องประทินโฉมสตรีฉุนไปทั้งตัว แล้วครานี้จะมาหลอกล่อให้ผ่านๆ ไป คงคิดว่านางหลอกง่ายเหมือนที่ผ่านๆ มากระมัง

 

 

ครั้งนี้ไม้นี้ไม่ได้ผล เฉินยางไม่ยอมตาม แต่ละคราล้วนล่อหลอกนางด้วยคำจาหวานหู เมื่อถามโดนจุดสำคัญก็มีหลอกล่อไปมา เป็นอย่างไรเล่า ตอนนี้เลยกลายเป็นโกหกจนเชี่ยวชาญเสียแล้ว คงเป็นเพราะนางไม่ตามจี้เสาะหาความจริงด้วยทีเดียว ลองเปลี่ยนเป็นหญิงอื่นที่ไม่ฟังเหตุผลดู จะว่าง่ายอย่างนางเชียวหรือ

 

 

“ข้าระแวงท่านท่านก็ผิดหวังเสียแล้วหรือ แล้วสิ่งที่ท่านทำไม่ทำให้ข้ายิ่งผิดหวังหรือ มีคราใดบ้างที่ท่านออกไปแล้วเคยบอกข้า พอกลับมาทีก็ล่อหลอกด้วยคำพูดปิดปากข้าไว้เสีย เห็นว่าข้าไม่เอ่ยถามคงนึกว่าข้าว่าง่ายใช่หรือไม่!” นางตะเบ็งด้วยอารมณ์โกรธ พอได้ระบายออกมาก็สะใจทีเดียว เช็ดปากแรงๆ ไปเสียสองที กลั้นน้ำตาเอาไว้ “ท่านไม่พูดใช่ไหม ได้ ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะไม่ถาม ท่านมักจะบอกให้ข้าเข้าใจจุดยืนของบุรุษ ได้ ข้าเข้าใจแล้ว ท่านอยู่นอกบ้านจะไปยุ่งกับหญิงใดข้าไม่ว่า แต่เมื่อกลับมาช่วยทำตัวให้สะอาดสะอ้านก่อนเข้าบ้านได้หรือไม่ กลิ่นเครื่องประทินโฉมสตรีบนตัวท่านข้าได้กลิ่นแล้วอยากจะอ้วกนัก”

 

 

ครั้งนี้นางไม่ได้ว่าง่ายเหมือนครั้งก่อนๆ แล้ว อาศัยลูกไม้ของเฝิงเยี่ยไป๋นั้นเอาไม่อยู่เสียแล้ว ครั้งนี้นางพูดด้วยอารมณ์โกรธยิ่งนัก แม้แต่ปิ่นปักผมยังถอดออกเลย รอบนี้พอโมโหขึ้นมาผมนางก็สยายเต็มหลัง ดูเหมือนคนบ้าที่ไม่ยอมฟังเหตุผลใดๆ

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋เมื่อถูกต่อว่าจนจุกอกแล้ว สมองถึงกับมึนตื้อไปเสียเลย นางไม่ได้หึงหรอกหรือ เหตุใดเมื่ออธิบายแล้วแต่กลับไม่ฟังเลย เมื่อก่อนยังโอ๋ง่าย ทำไมวันนี้พูดอะไรก็ไม่ฟังเลยเล่า

 

 

งานนอกบ้านก็เหนื่อยพอดูแล้ว เมื่อกลับบ้านไฉนเลยจะมีเรี่ยวแรงมารับมือนางอีก เมื่อต้องทะเลาะกันอย่างนี้ สมองจะระเบิดเอาเสียให้ได้ เมื่อนั่งแผ่ลงอย่างหมดอาลัยตายอยากแล้ว ก็ไม่อยากจะทำให้เรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็ก จบเรื่องราวเสีย “พอเถอะ เป็นความผิดของข้าทั้งหมดเองพอใจหรือยัง ข้าผิดไปแล้ว เราอย่ามาทะเลาะกันเลยได้หรือไม่ ข้าเหนื่อยแล้วเป็นทุนเดิม ยังต้องกลับมาทะเลาะกับเจ้าอีก ข้าเหนื่อยแล้วจริงๆ ”

 

 

หากแต่ความคิดของสตรีและบุรุษนั้นไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เมื่อเฉินยางได้ฟังเฝิงเยี่ยไป๋พูดเช่นนี้ ก็รู้สึกเหมือนโดนกล่าวหาว่านางกำลังเอะอะไร้เหตุผล คราวนี้พอให้อธิบายกลับคร้านจะอธิบายรับเอาความผิดทั้งหมดไว้เสียหมด ยอมรับกับนางเสีย นี่ไม่ใช่ว่าเลี่ยงบาลีกล่าวหาว่านางไร้เหตุผลหรอกหรือ

 

 

เฉินยางโกรธจริงๆ แล้ว ใครจะไม่โกรธบ้าง มองหน้าเฝิงเยี่ยไป๋ด้วยอารมณ์โกรธอยู่นานจึงหมุนตัวเดินออกไปด้านนอก

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋รีบตามติดมารั้งนางไว้ “เจ้าจะไปไหนอีก”

 

 

นางสะบัดมือเฝิงเยี่ยไป๋ออก “อย่ามายุ่งเรื่องของข้า หลบไป!”

 

 

“เจ้าเป็นผู้หญิงของข้า ทำไมข้าจะยุ่งไม่ได้ กลับไปนอน!”

 

 

“ผู้หญิงของท่านเยอะไปหมด ขาดข้าสักคนก็ไม่เป็นไรกระมัง” นางก็รั้นสุดใจ ไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น ไม่อธิบายก็คือไม่ต้องการนั่นเอง อย่างนั้นก็โกรธไปอย่างนี้แหละ ใครก็ไม่ต้องสนใจใคร

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋รู้สึกถึงความไม่เป็นธรรมต่อตนยิ่งนัก “ข้ามีหญิงอื่นที่ไหนกัน ตั้งแต่ต้นจนจบก็มีแต่เจ้าไม่ใช่หรือ”

 

 

หากจะซื้อใจบุรุษได้ มีแค่สองข้อเท่านั้น ไม่ใช้เงินตราก็รูปโฉมงดงาม อยากจะให้คนพวกนั้นยอมยื่นมือช่วยเหลือตน สองอย่างนี้อย่างไหนก็ขาดไปไม่ได้ เฝิงเยี่ยไป๋ไม่ได้หาหญิงงามให้ตนเอง แต่นั่งโต๊ะเดียวกัน นอกจากเขาแล้วใครบ้างไม่โอบหญิงงามไว้เต็มสองแขน กลิ่นเครื่องประทินโฉมอบอวลไปหมดทั้งโต๊ะ เขาจะหลบก็หลบไม่ได้ก็ต้องมีติดมาบ้าง แต่เขาเองซื่อสัตย์ต่อนางทั้งใจ เมื่อไม่ได้ทำผิดก็ย่อมไม่รู้สึกผิด