ตอนที่ 652 ไม่ท้าทายเลยสักนิด / ตอนที่ 653 ขอแค่เธอมีความสุขก็พอ

กับดักรักในรอยแค้น

ตอนที่ 652 ไม่ท้าทายเลยสักนิด 

 

 

เพราะอย่างนั้นสุดท้ายแล้วซูซานก็ยังคงรับผิดชอบเรื่องอาหารเพียงคนเดียว ส่วนภายในบ้านก็จ้างคนงานชั่วคราวเพื่อทำความสะอาดทุกวัน

 

 

เรื่องพนักงานชั่วคราวนั้น ฉู่เจียเสวียนไม่ยอมอ่อนข้อให้เลยสักนิด เธอรู้สึกว่าเธอสามารถปล่อยให้ซูซานทำอาหารได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรนี่ก็เป็นสิ่งที่ซูซานยืนกรานจะทำ แต่เรื่องความสะอาดภายในบ้านนั้น ฉู่เจียเสวียนจะไม่ยอมปล่อยให้เธอทำอย่างเด็ดขาด เดิมทีร่างกายของซูซานก็ไม่ดีอยู่แล้ว หากยังปล่อยให้เธอทำความสะอาดอีก นั่นก็เท่ากับเป็นการเพิ่มภาระงานให้เธอไม่ใช่หรือ

 

 

ดังนั้นเมื่อฉู่เจียเสวียนไม่ยอม ซูซานจึงทำได้เพียงปล่อยให้เธอจ้างคนงานชั่วคราวเพื่อทำความสะอาด

 

 

“ฝีมือของน้าซูดีมากจริงๆ ครับ แต่ว่าอายุของคุณน้าก็มากแล้ว ควรดูแลเรื่องการพักผ่อนให้ดีกว่า” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปาก อดไม่ได้ที่จะนึกถึงแม่ของตัวเอง

 

 

นึกขึ้นมาได้ว่าเธอมาที่คฤหาสน์ของเขาเมื่อไม่นานมานี้ และลงมือเข้าครัวอุ่นแกงให้เขาด้วยตัวเอง เขาคิดว่าพ่อแม่ทุกคนล้วนอยากให้ลูกของตัวเองกินดีอยู่ดีล่ะมั้ง

 

 

เมื่อก่อนเขาไม่คิดว่าระหว่างพ่อแม่ทำอาหารกับคนใช้ทำอาหารมันจะต่างกันที่ตรงไหน แต่ว่านับตั้งแต่ที่เผยหนานเจวี๋ยรู้สึกหวั่นไหวกับฉู่เจียเสวียน ความคิดของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป ไม่เยือกเย็นไร้เมตตาเหมือนอย่างในอดีตอีกแล้ว

 

 

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็กินเยอะหน่อย แม่คุณคงไม่ค่อยมาหาคุณสินะ” ซูซานเอ่ยปากคุยเรื่องทางบ้านกับเผยหนานเจวี๋ย

 

 

“ก็มีบ้างครับ” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปากเสียงเบา

 

 

“แม่คะ เผยหนานเจวี๋ยเขาไม่ได้อยู่กับแม่ เขามีคฤหาสน์ของเขาเองค่ะ” ฉู่เจียเสวียนกล่าวอธิบายกับซูซาน

 

 

“อ๋อ งั้นคุณก็กินให้มากหน่อย” ซูซานยิ้มเอ่ย แม้ว่าเข้าจะเย็นชาไปหน่อย แต่ว่าเขาดีกับฉู่เจียเสวียนมาก เธอดูออกในจุดนี้

 

 

ทั้งสามคุยสัพเพเหระกันที่โต๊ะอาหาร บรรยากาศกลมกลืนเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน แม้แต่ใบหน้าเย็นชาดุจภูเขาน้ำแข็งของเผยหนานเจวี๋ยก็ยังมีรอยยิ้ม

 

 

หลังจากทานอาหารเช้าแล้ว ฉู่เจียเสวียนก็ช่วยจัดเก็บถ้วยตะเกียบให้เข้าที่ หลังจากทำงานในครัวเสร็จก็ออกไปที่ห้องนั่งเล่นกับซูซาน

 

 

ในห้องนั่งเล่น เผยหนานเจวี๋ยกำลังนั่งอยู่ตรงนั้น เขากำลังเล่นกับไฟแช็กในมือ ไฟแช็กนั้นบอบบางกะทัดรัดมากและมันดูสง่างามยิ่งขึ้นในฝ่ามือของเขา

 

 

เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นฉู่เจียเสวียนกับซูซานออกมา เผยหนานเจวี๋ยก็เอ่ยปาก “เดี๋ยวผมจะพาพวกคุณไปที่ที่หนึ่ง” เขาตั้งใจที่จะพาพวกเธอออกไปขับรถเล่น

 

 

อากาศข้างนอกดีแบบนี้ อยู่บ้านทั้งวันไม่ดีหรอก

 

 

“ไปไหนเหรอ” ฉู่เจียเสวียนกับซูซานนั่งลงตรงข้ามเขา

 

 

“ไปปีนเขาดีไหมครับ” เผยหนานเจวี๋ยครุ่นคิด เขาไม่ได้ไปปีนเขานานแล้ว

 

 

ปีนเขา? ฉู่เจียเสวียนมองหน้ากับซูซาน ทั้งสองหันกลับมาอย่างเงียบๆ และมองไปยังอากาศข้างนอก ท้องฟ้าแจ่มใส แสงอาทิตย์ส่องสว่าง เหมาะแก่การปีนเขาเป็นอย่างยิ่ง

 

 

“ได้ พวกเราไปปีนเขากันเถอะ” ฉู่เจียเสวียนพยักหน้า

 

 

อย่างไรก็ตามซูซานชอบปีนเขา ยังจำได้ว่าครั้งก่อนที่ซูซานพาเธอไปปีนเขา เธอตามหลังซูซานด้วยความเหนื่อยหอบ

 

 

เผยหนานเจวี๋ยพาฉู่เจียเสวียนและซูซานไปยังภูเขาตงซานในเมือง A มันเป็นภูเขาที่มีระดับน้ำทะเลไม่สูงนัก ใช้เวลาไม่นานก็สามารถขึ้นไปถึงยอดเขาได้แล้ว

 

 

หลังจากจอดรถ ฉู่เจียเสวียนมองไปที่ระดับความสูง ริมฝีปากแดงยกยิ้มด้วยความมั่นใจ ภูเขาเตี้ยๆ แบบนี้ เผยหนานเจวี๋ยยังจะกล้าใช้คำว่าปีนออกมาได้

 

 

“พวกเราไปกันเถอะ!” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปาก สบตาซูซานแล้วเดินขึ้นไปยังภูเขา เผยหนานเจวี๋ยตามอยู่ด้านหลัง

 

 

 

 

ฉู่เจียเสวียนชอบปลดปล่อยความคิดระหว่างที่ปีนเขา เธอชอบความเงียบสงบแบบนี้

 

 

เท้าเหยียบย่ำเศษใบไม้ สายลมอ่อนบนภูเขาที่พัดโชยมาล้วนเป็นอากาศสดชื่น กิ่งก้านและใบไม้เริ่มแตกหน่อแล้ว ใบไม้สีเหลืองเหี่ยวเฉาบนพื้นค่อยๆ ลอยขึ้นไปตามแรงลม และสุดท้ายก็ตกลงมาช้าๆ พร้อมกับสายลม

 

 

“ปีนเขาแบบนี้ก็ไม่ท้าทายเลยสักนิด” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปาก เสียงชัดเจนลอยเข้าหูของเผยหนานเจวี๋ย

 

 

 

 

 

ตอนที่ 653 ขอแค่เธอมีความสุขก็พอ  

 

 

เขารีบเดินเข้าไปหาฉู่เจียเสวียน เขาสูงกว่าฉู่เจียเสวียนหนึ่งช่วงศีรษะ รูปลักษณ์ที่โดดเด่นของทั้งสองคนดึงดูดสายตาผู้คนที่ผ่านไปมา

 

 

ไม่ว่าจะมองจากด้านหลังหรือด้านหน้า พวกเขาก็เป็นผลงานชิ้นเอกที่สมบูรณ์แบบจากสวรรค์

 

 

“ถ้าอย่างนั้นคราวหน้าพวกเราก็ขับรถขึ้นไปเลยดีไหม?” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยเรียบๆ สีหน้ามีความสุข

 

 

ภายใต้สภาพแวดล้อมและบรรยากาศแบบนี้ เผยหนานเจวี๋ยรู้สึกผ่อนคลายทั้งกายและใจ เขาชอบบรรยากาศเช่นนี้มาก โดยเฉพาะเมื่อมีฉู่เจียเสวียนอยู่ข้างกายเขา

 

 

ซูซานมองดูแผ่นหลังของทั้งสองคนแล้วยิ้มออกมา

 

 

เวลาที่ฉู่เจียเสวียนอยู่กับกงจวิ้นฉือ ตนไม่เคยเห็นรอยยิ้มของเธอดูผ่อนคลายและมีความสุขแบบนี้มาก่อน บางทีเผยหนานเจวี๋ยอาจเป็นบ้านที่ดีที่สุดของเธอจริงๆ ก็ได้

 

 

ในที่สุดหลังจากผ่านไปสองชั่วโมง ฉู่เจียเสวียนและคนอื่นๆ ก็ปีนไปถึงยอดเขา ทว่ากลับรู้สึกผิดหวังกับทิวทัศน์บนยอดเขาเป็นอย่างมาก

 

 

“ยอดเขานี้ไม่สวยเลยสักนิด” ทิวทัศน์ของภูเขาที่ปีนคราวก่อนยังดูดีกว่านี้

 

 

“บนเขาหนาวนิดหน่อย พวกเราลงไปกันเถอะ” เผยหนานเจวี๋ยไม่อยากจะอยู่ที่นี่นานนัก เนื่องจากลมที่อยู่บนยอดเขานั้นแรงกว่าลมที่ตีนเขามาก เขากลัวว่าฉู่เจียเสวียนจะเป็นหวัด

 

 

การปีนเขาที่ปราศจากความท้าทายและความกลัวได้สิ้นสุดลงทั้งอย่างนี้ ขณะที่ลงจากเขา พวกเขาก็เดินเร็วกว่าเดิมมาก การลงเขานั้นผ่อนคลายกว่า

 

 

รถจอดอยู่ในลานจอดรถใต้ภูเขา เผยหนานเจวี๋ยกับฉู่เจียเสวียนเดินไปที่รถโดยมีคนหนึ่งอยู่ด้านหน้าและคนหนึ่งอยู่ด้านหลัง ซูซานตามอยู่ด้านข้างฉู่เจียเสวียน

 

 

เมื่อกลับถึงคฤหาสน์หลี่หยวนก็เป็นเวลาบ่ายสองแล้ว

 

 

ซูซานไปที่ห้องครัวเพื่อชงชา ฉู่เจียเสวียนและเผยหนานเจวี๋ยนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น

 

 

เขาอยากออกเดตกับฉู่เจียเสวียนตามลำพัง

 

 

“คืนนี้ผมจองมื้อค่ำแล้ว” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยด้วยความเอาแต่ใจ น้ำเสียงนั้นไม่อาจปฏิเสธได้

 

 

“ไม่อยากไป” ฉู่เจียเสวียนยิ้มพร้อมส่ายหน้า เธออยากแกล้งเผยหนานเจวี๋ย อาการผิดหวังของเขานั้นตลกมาก

 

 

“ไม่ไปไม่ได้” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวด้วยความหยิ่งยโส

 

 

“แล้วแม่ฉันจะทำยังไง?” ฉู่เจียเสวียนพูดด้วยความเป็นห่วง ถ้าเธอออกไปกับเขา ซูซานจะอยู่บ้านคนเดียว

 

 

“คุณน้าดูแลตัวเองได้” มีซูซานอยู่ พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ ขณะที่ปีนเขาเมื่อครู่ เขาก็ไม่กล้าที่จะสัมผัสเธออย่างใกล้ชิด

 

 

“ฉัน…”

 

 

“พวกลูกไปกันเถอะ แม่ก็เหนื่อยแล้ว แก่ป่านนี้แล้วลูกจะเป็นห่วงอะไรอีก ปกติเวลาลูกทำงานแม่ก็อยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอไง” ซูซานเดินออกมาจากครัวพร้อมถาดในมือ เธอหัวเราะขณะที่ได้ยินบทสนทนาของพวกเขา

 

 

คนหนุ่มสาวที่คบกันอยากจะออกเดตก็เป็นเรื่องที่ธรรมดามาก เธอเองก็อายุปูนนี้แล้ว หรือว่าจะให้เธอตามไปหรืออย่างไร

 

 

“แม่คะ…” ฉู่เจียเสวียนกล่าวอย่างไม่พอใจ ตนอยากจะอยู่บ้านเป็นเพื่อนเธอ

 

 

“ลูกน่ะ สองวันนี้ก็เที่ยวให้เต็มที่เถอะนะ อีกไม่กี่วันลูกก็จะยุ่งจนลืมกินข้าวแล้ว อาศัยตอนนี้ที่ยังมีเวลาไปเที่ยวให้สนุกซะ” ซูซานเอ่ยปากอย่างเอ็นดู

 

 

“ก็ได้ค่ะ” ฉู่เจียเสวียนฟังแล้วได้แต่พยักหน้า ซูซานพูดถูก หลังจากสองวันนี้เธอจะต้องทำงานหนักและจากนั้นคงจะไม่มีเวลามากนัก

 

 

ริมฝีปากบางๆ ของเผยหนานเจวี๋ยยกยิ้มขึ้น แววตาที่มองซูซานมีรอยยิ้มวูบผ่าน

 

 

“ถ้าอย่างนั้นฉันไปเปลี่ยนเสื้อก่อน” ฉู่เจียเสวียนลุกขึ้นยืน มองเผยหนานเจวี๋ยอย่างจนใจ เธอคงใส่ชุดออกกำลังกายออกไปไม่ได้หรอกนะ?

 

 

“ได้” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวอย่างอารมณ์ดีมาก พยักหน้าลง สายตามองไปยังทิศทางที่ฉู่เจียเสวียนจากไป

 

 

“น้าซู ขอบคุณนะครับ” เผยหนานเจวี๋ยมองซูซานพร้อมเอ่ย ดูเหมือนว่าระยะหลังนี้เขาจะสุภาพขึ้นมาก เมื่อก่อนเขาไม่เคยกล่าวคำขอบคุณเลย

 

 

“ขอแค่เธอมีความสุขก็พอแล้ว” ซูซานเอ่ย