ตอนที่ 785 สิ่งนี้เรียกว่าฝึกฝน เข้าใจ?

Godly Model Creator

GMC ตอนที่ 785 สิ่งนี้เรียกว่าฝึกฝน เข้าใจ?

 

 

 

 

 

 

 

“ซูฮ่าว !!!!”

 

 

 

ตอนดึก

 

 

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงน่าสะพรึงกลัวดังก้องกังวานภายในบ้านพักของตระกูลซู มันเป็นเสียงอันน่าสยดสยองมากจนสมาชิกทุกคนในตระกูลตื่นขึ้นมา ผู้อาวุโสเปิดใช้งานสัญญาณเตือนอย่างรวดเร็วและปลุกทุกคนจากความฝันอันแสนหอมหวาน แม้แต่เอสเปอร์โลกยังต้องสะดุ้ง

 

 

 

“F * ck เกิดอะไรขึ้น”

 

 

 

“มีการโจมตีจากศัตรูงั้นหรือ”

 

 

 

“เป็นไปได้ไหมว่าตระกูลเทียนได้บุกโจมตีเรา?”

 

 

 

“เร็ว เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้!”

 

 

 

ทุกคนในตระกูลซูประสบกับความโกลาหล

 

 

 

มีเพียงซูเจิ้งเหวินคนเดียวที่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เสียงที่คุ้นเคยนั้นฟังดูเหมือนเสียงของพ่อของเขา? เมื่อตรวจดูออร่าซูเจิ้งเหวินก็ตกใจเมื่อพบว่าพ่อของเขาเป็นคนที่ทำให้ทุกคนต้องตื่น เขารีบไปที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดเขาก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้

 

 

 

“หนึ่งในสามของจำนวนทั้งหมด!” ผู้อาวุโสใหญ่รู้สึกโกรธและเต็มไปด้วยความขมขื่น “พลังงานในคลังพลังงานส่วนใหญ่หายไป! ทรัพยากรของตระกูลซูหนึ่งในสามทั้งหมดหายไป! และเจ้ารู้ไหมว่าอะไรทำให้ข้าหงุดหงิดมากที่สุด? ไอ้เด็กเหลือขอซูฮ่าวเขายังติดอยู่ที่ 4,999 แต้ม หลังจากใช้ทรัพยากรมากกว่าร้อยเท่า เขาก็ยังไม่สามารถพัฒนาได้!”

 

 

 

ผู้อาวุโสใหญ่คำรามด้วยความโกรธ “มันมีการโกง!”

 

 

 

“ มันเป็นการโกงอย่างแน่นอน!”

 

 

 

“ข้อมูลในหนังสือเป็นเรื่องไร้สาระทั้งเพ อะไรคือใช้ทรัพยากรมากกว่าสิบเท่า นี้มีมากกว่าร้อยเท่า! ใช้ทรัพยากรไปกว่าหนึ่งในสามของตระกูลซูและเขายังไม่สามารถเข้าสู่ขอบเขตโดเมนได้! ความสามารถพิเศษนี้เหมือนได้รับพรจากพระเจ้าแต่กลับเป็นเพียงสิ่งที่เขาเล่นกับเราเมื่อเขาเบื่อเขาก็โยนเราทิ้ง ไม่ฉันจะไม่ยินยอมสิ่งนี้อีก พอ เลิก!”

 

 

 

ผู้อาวุโสใหญ่โกรธมากจนสั่นสะเทือนไปทั่วร่าง

 

 

 

ซูเจิ้งเหวินกะพริบตาก่อนที่จะมองไปที่ของซูฮ่าวที่แสดงออกอย่างไร้เดียงสา “เจ้ายังไม่ทะลวง?”

 

 

 

“ใช่แล้ว” ซูฮ่าวตอบด้วยความรู้สึกผิดที่ตนทำผิด “จะทำอะไรได้ล่ะ หลังจากถึง 4,999 แต้มฉันก็ติดอยุ่คอขวด เพื่อทะลวงฉันยังมีอีกหนึ่งแต้ม”

 

 

 

“ขาดแค่หนึ่งแต้ม” ซู่เจิ้งเหวินไม่เข้าใจ “เจ้าจะไม่พัฒนางั้นเหรอถ้าเจ้าใช้ทรัพยากรต่อไป”

 

 

 

“มันไม่ใช่แค่จุดเดียว!” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวขัด “หนึ่งแต้มคอขวดของเขามากกว่า 1,000 แต้มเมื่อเทียบกับคนปกติ! หากเขาต้องการใช้ทรัพยากรต่อไปฉันกลัวว่ามันจะไม่ใช่ระดับมาตรฐานของขอบเขตมืออาชีพ หากเจ้าปล่อยให้เขาใช้มันทรัพยากรทั้งหมดของตระกูลซูคงจะไม่เหลืออะไรเลย”

 

 

 

“มันเป็นความจริง?” ซูเจิ้งเหวินตกตะลึง

 

 

 

“เหมือนจะเป็นเช่นนั้น…” ซูฮ่าวทำท่าไร้เดียงสา

 

 

 

“หยุดทำตัวราวกับว่าเจ้าไม่รู้อะไร!” ผู้อาวุโสใหญ่ไม่สามารถทนดูสายตาที่ไร้เดียงสาของซูฮ่าวได้อีกต่อไป “หืมม… ฉันจะบอกอะไรให้ ลืมเกี่ยวกับทรัพยากรใดๆ จากตระกูล อย่าคิดฝันแม้แต่เศษเสี้ยว! ตราบใดที่ชายชราคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ลืมเรื่องทรัพยากรไปได้เลย พระเจ้าทรัพยากรกว่าหนึ่งในสามของตระกูล มันสามารถสร้างเอสเปอร์โดเมนได้กี่คน… ”

 

 

 

ผู้อาวุโสใหญ่เดินจากไปพร้อมทั้งแสดงความโกรธหายใจหึดหัดทิ้งไห้ซูฮ่าวและซูเจิ้งเหวิน ซึ่งทั้งสองกำลังมองหน้ากันด้วยความกลัว

 

 

 

“ผู้อาวุโสใหญ่นั้นเก่งในทุกเรื่องยกเว้นขี้ตระหนี่ไปนิด” ซูฮ่าวถอนหายใจ

 

 

 

ซูเจิ้งเหวินมองไปที่เขา ซูฮ่าวใช้ทรัพยากรกว่าหนึ่งในสามของที่ตระกูลซูสะสมมาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาในคืนเดียว ใครก็ที่ไม่รู้สึกเสียดายกับมันสิถึงจะแปลก เหตุผลที่ใหญ่กว่าซึ่งเป็นสาเหตุของความโกรธของผู้อาวุโสใหญ่ก็เนื่องมาจากความจริงที่ว่าซูฮ่าวยังคงอยู่ในขอบเขตมืออาชีพ

 

 

 

ไม่มีทาง อัตราส่วนประสิทธิภาพต่อราคาที่จ่ายมันต่างกันมากเกินไป

 

 

 

จำนวนพลังงานดังกล่าวสามารถบ่มเพาะเอสเปอร์มืออาชีพหลายคนให้ทะลวงเข้าสู้ขอบเขตโดเมนได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อนำมาใช้กับซูฮ่าว…

 

 

 

“ดูเหมือนว่าเจ้าคงต้องคิดหาวิธีอื่น” ซูเจิ้งเหวินตบไหล่ของซูฮ่าวอย่างเห็นอกเห็นใจ

 

 

 

“ใช่” ซูฮ่าวถอนหายใจ ช่างเป็นการเดินทางที่ยาวไกลไกล

 

 

 

ในตอนแรกเขาคิดว่าหลังจากทำลายการวิเคราะห์แบบจำลอง เขาจะสามารถกำจัดเส้นทางแห่งการค้นหาพลังงานที่ขมขื่นไปได้ แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าการปรากฏตัวของพรสวรรค์ใหม่นี้จะทำให้เขาเริ่มต้นการเดินทางบนเส้นทางแห่งพลังงานที่เลวร้ายยิ่งกว่าเมื่อก่อน อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะถอนหายใจและตำหนิการใช้พลังงานที่มีจำนวนมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาเป็นผู้ที่พัฒนาได้เร็วที่สุด

 

 

 

ไม่มีเอสเปอร์คนไหนๆ!

 

 

 

ที่สามารถไปถึงจุดสูงสุดของขอบเขตมืออาชีพได้ในคืนเดียว!

 

 

 

ใครจะมีความเร็วระดับนี้ได้บ้าง

 

 

 

ไม่มี!

 

 

 

และหากใครนับเวลาการฝึกฝนในช่วงหลายวันที่ผ่านมาของซูฮ่าว ตั้งแต่ช่วงเวลาที่ซูฮ่าวรับพรสวรรค์ใหม่จนเขามาถึงจุดสูงสุดของขอบเขตมืออาชีพ มันเป็นเวลาเพียงสิบวัน! จากพื้นฐานสุดไปสู่ขอบเขตมืออาชีพระดับสูงสุดในสิบวัน? ความเร็วการบ่มเพาะที่บ้าบอเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!

 

 

 

“โอ้ใช่!” ซูเจิ้งเหวินชี้ไปข้างนอกแล้วพูดพร้อมกับยิ้ม “การจลาจลด้านนอก ฉันกลัวว่าเจ้าคงจะต้องออกไปอธิบายให้ทุกคนได้รับรู้”

 

 

 

“ทำไมต้องเป็นฉัน?” ซูฮ่าวกลอกตา ความสับสนวุ่นวายนี้เกิดจากผู้อาวุโสใหญ่ไม่ใช่เขา!

 

 

 

หากผู้คนข้างนอกรู้ว่าสาเหตุของเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเนื่องจากซูฮ่าวกำลังระบายทรัพยากรของตระกูล เขาไม่อาจจินตนาการได้ว่าจะได้รับการวิจารณ์แบบใด

 

 

 

“อย่างมากเจ้าก็แค่พูดความจริงเท่านั้น” ซูเจิ้งเหวินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ขมขื่น

 

 

 

“****…” ซูฮ่าวสถบในใจและทำได้เพียงประนีประนอม “เอาล่ะฉันจะไป”

 

 

 

ขณะที่เขาเดินออกไปศิษย์ทุกคนต่างก็แสดงความเคารพขณะที่พวกเขากำลังคุยกันเรื่องที่เกิดขึ้น ผู้อาวุโสหลายคนก็มองหน้ากันอย่างว่างเปล่า พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเกิดอะไรขึ้น หลังจากสังเกตเห็นว่าซูฮ่าวเดินออกมาทุกคนต่างหันมาสนใจไปที่เขา

 

 

 

“เจ้าคิดว่าเขาสามารถจัดการกับมันได้หรือไม่” ผู้อาวุโสใหญ่ถามเมื่อเขากลับมาและยืนอยู่ข้างซูเจิ้งเหวิน

 

 

 

ซูเจิ้งเหวินไม่รู้สึกแปลกใจ ด้วยความแข็งแกร่งของเขาเขาสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพ่อของเขาซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ และไม่ได้จากไปไหน “ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร สารเลวตัวน้อยนี้ค่อนข้างฉลาด”

 

 

 

“ฮืม.. หวังว่าอย่างนั้น” ผู้อาวุโสใหญ่พูดด้วยความเกลียดชัง เห็นได้ชัดว่าความโกรธของเขาที่มีต่อซูฮ่าวนั้นยังไม่ได้ลดน้อยลง “การใช้พลังงานของเขามันมากเกินไป ดูเหมือนว่าคงไม่มีโอกาสที่เขาจะได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตโลก หากเขามีความสามารถในการจัดการเรื่องของตระกูลในฐานะผู้นำ บางทีตระกูลซูของเราคงสามารถก้าวต่อไปได้”

 

 

 

“ผมมองเห็นบางอย่างเกี่ยวกับตัวเขา” ซูเจิ้งเหวินยิ้มอย่างไร้กังวล

 

 

 

เขารู้ว่าพ่อเขาเป็นคนแบบไหน ยิ่งไปกว่านั้นแตกต่างจากพ่อของเขาเขารู้ว่าซูฮ่าวมีศักยภาพที่น่ากลัวเพียงใด ซึ่งเหนือสิ่งอื่นใดอย่างน้อยซูฮ่าวก็ความสามารถสั่นกระดิ่งโลกได้ด้วยกฏแห่งพลังของเขา…

 

 

 

เป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่ตั้งแต่ยุคแห่งงความวุ่นว่าย และกฏแห่งพลังก็เริ่มสมดุล

 

 

 

ความแข็งแกร่งของกฏแห่งพลังของซูฮ่าวก็โดดเด่นและแตกต่างจากกฏแห่งพลังนับพัน และกลายเป็นกฎใหม่พร้อมกับสั่นกระดิ่งโลก ความแข็งแกร่งระดับนี้จะเรียบง่ายได้อย่างไร

 

 

 

ท้านที่สุดแล้ว พลังมันจะเป็นแบบใด?

 

 

.

.

.

.

.

 

 

 

 

ซูเจิ้งเหวินเต็มไปด้วยความคาดหวัง

 

 

 

“เงียบ!” ใบหน้าของซูฮ่าวดูสงบ เมื่อเขาออกไปข้างนอกใบหน้าของเขาก็เผยให้เห็นถึงความเย็นชาทำให้ทุกคนเงียบลง ปัจจุบันซูฮ่าวมีคุณสมบัติที่จะทำเช่นนั้นในตระกูลซู

 

 

 

ดวงตาเย็นชาของเขากวาดไปทั่วฝูงชน

 

 

 

ซูฮ่าวอ้าปากพูดอย่างเย็นชา “มีใครรู้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้น”

 

 

 

เมื่อทุกคนได้ยินคำถามนี้พวกเขาต่างมองหน้ากัน ผู้นำตระกูลไม่ได้บอกพวกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เป็นคำคามที่กลับกัน เป็นไปได้ไหมที่ผู้นำตระกูลเองก็ไม่รู้เช่นกัน?

 

 

 

“มีใครรู้บ้างไหม?” ซูฮ่าวยังคงมองไปที่ฝูงชนด้วยสายตาที่เย็นชาของเขา

 

 

 

ไม่มีใครกล้าพูดอะไร บรรยากาศนี้ดูไม่ถูกต้อง เป็นไปได้ไหมที่ผู้นำตระกูลจะรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นและออกมาลงโทษใครบางคน? ฝูงชนยิ่งกลัวที่จะพูดมากขึ้น

 

 

 

“ไม่มีใครสามารถตอบได้” ดวงตาของซูฮ่าวเปล่งประกายเย็นชา “ใครคือผู้เปิดใช้งานระบบการป้องกัน?”

 

 

 

“ข้าเอง” ผู้อาวุโสคนหนึ่งลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะก้าวไปข้างหน้า เมื่อมองดูใบหน้าที่หน้ากลัวของซูฮ่าวเขาก็อธิบายอย่างละเอียด “ข้าเอง ข้าได้ยินเสียงคำรามดังสนั่นและมีการโจมตีด้วยคลื่นเสียวราวกับเป็นการโจมตีของเอสเปอร์โดเมน หากเป็นการโจมตีตระกูลซู ข้ากลัวว่าศิษย์จำนวนมากจะได้รับบาดเจ็บ ดังนั้น…”

 

 

 

“เจ้าออกมาก่อน” ซูฮ่าวพยักหน้า “ไปยืนด้านข้าง”

 

 

 

“ครับ” ผู้อาวุโสก้าวออกมาด้วยความอับอาย

 

 

 

“ตอนนี้ ใครที่เป็นผู้ส่งสารก้าวออกมา หรือจำเป็นต้องให้ฉันไปเชิญออกมา?” ซูฮ่าวพูดอย่างเย็นชา

 

 

 

ทุกคนกลืนน้ำลาย นี่เป็นครั้งแรกที่ซูฮ่าวโกรธนับตั้งแต่เขาขึ้นเป็นผู้นำตระกูล ความโกรธนี้ทำให้หลายคนหวาดกลัวกันจริงๆ  มีข่าวลือว่าผู้นำตระกูลได้ทำการปิดประตูบ่มเพาะ เป็นไปได้ไหมว่าขณะที่ผู้นำตระกูลบ่มเพาะในช่วงเวลาสำคัญเขาถูกขัดจังหวะ?

 

 

 

“ข้า” ศิษย์หนุ่มคนหนึ่งออกมาพร้อมกับสารภาพความผิดของเขา “ข้าปลุกศิษย์ทุกคนในตระกูลของเรา เนื่องจากคิดว่ามันเป็นการโจมตีจากศัตรู ขออภัยท่านผู้นำ”

 

 

 

“และฉัน!” ซูหมิงฮุยยิ้มอย่างขมขื่น

 

 

 

“ก้าวออกมา   แล้วมีใครอีกไหม” ซูฮ่าวไม่ได้ยุ่งกับพวกเขาและมองไปที่กลุ่มศิษย์แทน ไม่มีใครก้าวออกมาอีก ดูเหมือนว่าจะมีคนไม่กี่คนที่เป็นผู้นำ

 

 

 

“เจ้ารู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นตอนนี้” ซูฮ่าวค่อยๆเดินลงมา ซูหมิงฮุยและอีกสองคนยืนอยู่ด้านหน้าคนอื่นๆ  ฝูงชนไม่สามารถทนได้ นี่จะเป็นกลุ่มตัวอย่างผู้ถูกทำโทษกลุ่มแรกหรือไม่ ผู้นำตระกูลอาจมีการประกาศลงโทษ แต่เกิดอะไรขึ้น… ตอนนี้ผู้นำตระกูลของพวกเขาเป็นบ้าไปแล้วงั้นหรอ

 

 

 

“เด็กคนนี้เขาเคยเป็นนักแสดงมาก่อนหรือเปล่า?” ผู้อาวุโสใหญ่อ้าปากกว้าง เมื่อดูที่สีหน้าเย็นของซูฮ่าวเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ เป็นไปได้ไหมที่ซูฮ่าวกำลังวางแผนที่จะใช้เหตุผลว่าการพัฒนาของเขาถูกขัดจังหวะ? แม้ว่าการใช้เหตุผลดังกล่าวจะไม่ได้รับการคัดค้านจากฝูงชน แต่เขารู้สึกว่าเหตุผลนี้มีเห่ยเกินไป

 

 

 

“น่าสนใจ” ดูเหมือนว่าซูเจิ้งเหวินจะเพลิดเพลินกับฉากนี้

 

 

 

ต่อหน้าทุกคนในตระกูลซู ซูฮ่าวหันศีรษะไป “ฉันได้พนันกับผู้อาวุโสใหญ่ไว้ พวกเจ้าทุกคนต้องการรู้หรือไม่ว่าสิ่งที่เดิมพันคืออันใด?”

 

 

 

“หืม?”

 

 

 

“เดิมพัน?”

 

 

 

ทุกคนสับสน ใครจะรู้ว่าคุณทั้งสองเดิมพันอะไรกัน! อย่างไรก็ตามลืมเกี่ยวกับการเดิมพัน สถานการณ์มันกลายเป็นวุ่นวายเช่นนี้ได้อย่างไร

 

 

 

“ทุกคนควรตระหนักดีว่าฉันไม่ได้เป็นผู้นำนานนัก ดังนั้นฉันจึงไม่มีความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของตระกูลซูและฉันสามารถคาดเดาความแข็งแกร่งโดยรวมผ่านสภาวะปกติของทุกคน ในที่สุดฉันก็ได้ข้อสรุป ความแข็งแกร่งของแต่ละคนในตระกูลซูของเรานั้นยอดเยี่ยม แต่เมื่อถึงยามสงคราม…”

 

 

 

ซู่เฮาค่อยๆ กล่าวคำพูดของเขาอย่างช้าๆ แต่เนื้อหานั้นจัดจ้านถึงรส “พวกเจ้าเป็นได้เพียงอาหารสัตว์ใหญ่!”

 

 

 

ทุกคนในพื้นที่ตกอยู่ในความโกลาหล

 

 

 

ทุกคนไม่คาดคิดว่าซูฮ่าวจะเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ สีหน้าแต่ละคนเผยถึงความผิดหวัง แต่เนื่องจากตัวตนของซูฮ่าวพวกเขาจึงไม่กล้าพูดออกมา

 

 

 

“ท่านผู้นำตระกูล…”

 

 

 

ผู้อาวุโสผู้แก่หลายคนที่มีความกล้าหาญเริ่มเปล่งเสียงออกมา

 

 

 

“ไม่ต้องกังวล” ซูฮ่าวโบกมือเพื่อให้พวกเขาสงบลง “อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสใหญ่ก็ไม่คาดคิดเช่นกัน เขาคิดว่าตระกูลซูของเราพร้อมสำหรับการต่อสู้เสมอ ศิษย์แต่ละคนที่นี่ทรงพลังและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หากยามสงครามปะทุขึ้น ตระกูลซูของเราสามารถโดดเด่นและมีชีวิตรอดไปได้ในเวลาที่ลำบาก”

 

 

 

ใบหน้าของทุกคนดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นสีที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสหลายคนดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างทำให้ใบหน้าของพวกเขาน่าเกลียด

 

 

 

“ด้วยเหตุนี้หัวข้อที่ฉันได้พนันกับผู้อาวุโสใหญ่จึงเป็นดังนี้ ถ้ามีกลุ่มคนบางกลุ่มได้โจมตีตระกุลซูจะมีกี่คนที่พร้อมต่อสู้ได้อย่างรวดเร็วที่สุด” ซูฮ่าวกล่าวประโยคนี้ออกมาอย่างเย็นชา ก่อนจะยิ้มแปลกๆ ให้ทุกคน  “ตอนนี้มีใครสามารถบอกฉันได้บ้างว่าเมื่อเสียงเตือนดังขึ้น มีคนกี่คนที่ตื่นขึ้นมาจริงๆ ”

 

 

 

ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนเป็นสีเขียว