ตอนที่ 764 พายุ
สถานที่ที่ได้รับการคุ้มกันหนาแน่นที่สุดในค่ายหนานตู้นั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าคือสถาบันวิจัยแต่ที่ที่รองอันดับลงมานั้นก็คือที่พักของผู้นำค่าย ซึ่งมันก็ตั้งอยู่ใจกลางของทั้งค่าย ไม่ใช่แค่มันจะเป็นที่พักของพลเอกฉางกวนหลงเท่านั้นแต่มันยังเป็นสถานที่ทำงานอีกด้วย ประตูห้องทำงานของฉางกวนหลงเองก็เชื่อมแต่เข้ากับห้องประชุมใหญ่ของค่ายหนานตู้
ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงเป็นแกนหลักของทั้งค่ายหนานตู้ เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจสูงสุด และเป็นเหตุผลที่ทำไมฉางกวนหลงถึงสามารถดูแลพัฒนาค่ายจนใหญ่โตขนาดนี้ได้ แม้จะมีอำนาจหลายด้านที่คอยหาจังหวะโจมตีมาจากหลายทิศทางอยู่ตลอด แต่ฉางกวนหลงก็ยังสามารถรักษาอำนาจของตัวเองเอาไว้ได้…
และเวลานี้ทั้งค่ายก็อยู่ในความสงบทุกที่มืดสนิทเพราะไฟถูกปิดใช้งาน และเมื่อเวลาเข้านอนมาถึง เหล่าเจ้าหน้าที่เวรยามก็ยิ่งเข้มงวดและตรวจตราจริงจังกว่าเดิม ทว่าตอนนี้ได้มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญบุกเข้ามาแล้วเรียบร้อย
ภายในห้องกว้างขวางฉางกวนหลงนั่งอยู่หน้าเตาผิงเงียบๆทว่าข้างในกำลังอึดอัดเป็นกังวล พร้อมกับมู๋หรงยู่เฉิงยืนอยู่ถัดไป ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังมองไปที่ชายหนุ่มแปลกหน้าที่บุกเข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ
คนคนนั้นก็คือราชานักล่า…ฟานเจี้ยน!
ฟานเจี้ยนกวาดสายตามองไปที่การตกแต่งและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆในระยะสายตา
ถือว่าเขาโชคดีที่ทุกอย่างเป็นไปตามที่ชูฮันบอกโชคดีที่ทั้งสองคนตะลึงและจ้องมานิ่งๆ ไม่ได้เรียกทหารเข้ามาไม่อย่างนั้นมันคงจะเป็นการเจอกันที่อึดอัดพอสมควรควร
แต่ถึงอย่างนั้นฟานเจี้ยนก็ตัดสินใจพูดทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน”สมกับเป็นค่ายใหญ่จริงๆ การป้องกันของพวกคุณหนาแน่นมาก ผมต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่าจะลอบเข้ามาได้”
ฉางกวนหลงและมู๋หรงยู่เฉิงเหลือบตามองกันและกันพวกเขาไม่คิดเลยว่าคนแปลกหน้าที่แอบลอบเข้ามาจะเอ่ยประโยคแบบนี้ออกมา
เมื่อได้เห็นปฏิกิริยาที่ยังไม่วางใจของฉางกวนหลงฟานเจี้ยนจึงเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “นี่สินะพลเอกที่มีอำนาจเหนือฟ้า ปฏิกิริยาและการควบคุมอารมณ์นั้นดีกว่าไอ้เด็กหนุ่มหลูอี๋เป็นร้อยเท่า ครั้งแรกที่หลูอี๋เจอผม เขาเรียกกองกำลังทหารเข้ามาทันทีโดยที่ผมยังไม่ทันได้พูดอะไร”
เมื่อได้ยินคำบอกของฟานเจี้ยนฉางกวนหลงที่ใจร้อนก็ตาประกายวาว “คุณไปหาพลโทหลูอี๋ที่ไหน?”
เขาจะยืนคุยกับเด็กหนุ่มแปลกหน้านี้ต่อไป?หรือจะเรียกทหารเข้ามาเหมือนหลูอี๋?
ฉางกวนหลงไม่ใช่คนโง่ชายหนุ่มตรงหน้าเขาที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนสามารถหลบหลีกการป้องกันหนาแน่นและเข้มงวดขนาดนี้เข้ามาหาเขาต่อหน้าได้ง่ายๆ ฉางกวนหลงรู้ดีว่าต่อให้เขาเรียกทหารเข้ามามันก็เปล่าประโยชน์
ไม่ใช่แค่ปัญหาเรื่องการต่อสู้ที่ทหารของเขาคงรับมือไม่ไหวแต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้พวกเขาคอยจะจัดการเขาอยู่เบื้องหลังได้มีโอกาสอีก
แววตาของฉางกวนหลงล้ำลึกอย่างกำลังไตร่ตรองทุกอย่างในหัว”ให้ฉันเดา ถ้าคุณมาเพื่อฆ่าฉัน ฉันจะให้ราคาคุณเป็นสองเท่าของคนที่จ้างมา และจะให้อีกสองเท่าเพื่อให้คุณกลับไปฆ่าคนที่ส่งคุณมาฆ่าฉัน!”
มู๋หรงยู่เฉิงที่ได้ยินก็ตกใจตาโตหันขวับไปมองฉางกวนหลง ทว่าฟานเจี้ยนกลับตอบออกมานิ่งๆ “แม้ว่าคุณจะเข้าใจจุดประสงค์ผิดไป แต่ก็สมแล้วกับการเป็นผู้นำของค่ายสามอันดับสูงสุดของจีน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นฉางกวนหลงก็ปล่อยหินที่ถ่วงในใจออกไป รอยยิ้มปรากฏขึ้ยบนใบหน้า “แสดงว่าคุณไม่มาเพื่อฆ่าฉัน ในเมื่อมันไม่มีอันตรายต่อชีวิตฉัน งั้นเราก็มาสงบศึก เชิญนั่งลง…”
ฉางกวนหลงหัวเราะในคอเบาๆจากนั้นก็เอ่ยถามฟานเจี้ยนอย่างเป็นมิตร “ถ้างั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขอตรงเข้าประเด็นเลย คุณเป็นใคร?”
”ฮึฮึ!คุณรู้จักวงการนักล่ามั้ยบ่ะครับ?” ฟานเจี้ยนแตะจมูก ไม่ได้ตอบคำถามในคราแรก
มู๋หรงยู่เฉิงทั้งตกใจและประหลาดใจฉางกวนหลงเองก็เงยหน้าขึ้นสบตาฟานเจี้ยนและอดไม่ได้ที่จะถามออกมา “คุณคงจะไม่ใช่ราชานักล่าหรอกนะ?”
”ว้าว!คุณฉลาดมาก!” ฟานเจี้ยนประหลาดใจอีกครั้ง เขากระตือรือร้นมากที่จะได้เล่นกับฉางกวนหลง “คุณมีคนที่มีความสามารถมากมายล้อมตัว พลังที่พวกคุณมีมันจึงมากกว่าค่ายอื่นๆ”
”ก็พูดเกินไป”ฉางกวนหลงเป็นคนถ่อมตัวและเรียบง่าย เขาสบตากับฟานเจี้ยนอย่างแน่วแน่ด้วยสายตาเฉียบคม “ถ้างั้น ท่านราชานักล่ามาหาฉันเพื่อมาทำภารกิจอะไรที่นี้?”
”ครั้งนี้ดูเหมือนว่าคุณจะเดาผิดไป”ฟานเจี้ยนโบกมือ สีหน้าเริ่มจริงจัง “ผมไม่มีคนที่ติดต่อหรือจ้างวานใหัมา ผมมาด้วยตัวเอง!”
”โอ้นี่มันหายาก คุณไม่ได้ถูกส่งมาหาฉันแต่มาด้วยตัวเอง?” ฉางกวนหลงกระพริบตาปริบๆ อีกฝ่ายมีท่าทางที่คล้ายๆชูฮัน มันมีเปลวไฟในดวงตาที่แสดงออกถึงความเย่อหยิ่ง
เมื่อเห็นสายตาแบบนี้แม้แต่ฟานเจี้ยนซึ่งเป็นวิวัฒนาการระยะ 6 ก็ยังตกใจ พลเอกทรงพลังคนนี้ไม่ใช่ลูกไก่ที่เขาจะเล่นด้วยได้ เทียบกับพวกที่ผ่านที่เขาจัดการได้สบายๆครั้งนี้มันดูจะยากกว่าเป็นร้อยเท่า คนคนนี้เทียบได้กับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างชูฮันเลย
ดังนั้นฟานเจี้ยนจึงวางความคิดดูถูกลงยิ้มมุมปาก “ฉันมาให้คำแนะนำเพื่อช่วยคุณ แต่สงสัยว่าท่านพลเอกคงจะไม่เชื่อชื่อราชานักล่าของผม?”
”คุณมาหาฉันเพื่อ?”ฉางกวนหลงตรงเข้าประเด็นทันที
ท่าทางของฟานเจี้ยนนั้ชัดเจน”คุณไม่ควรรีบปฏิเสธนะ คุณต้องแก้ไขปัญหาเรื่องการแต่งงานของฉางกวนยวีซินในวันนี้หนิ คุณได้ทางออกแล้วเหรอครับ?”
ทันทีที่ฟานเจี้ยนพูดจบทั้งห้องก็ตกอยู่ในความตึงเครียดทันที แววตาของฉางกวนหลงเปลี่ยนเป็นอันตราย
ส่วนมู๋หรงยู่เฉิงก็มองฟานเจี้ยนอย่างกลัวๆสีหน้าไม่อยากกจะเชื่อ ที่เขาไม่ได้ไปนอนพักทั้งๆที่มันเป็นเวลาดึกขนาดนี้เพราะกำลังปรึกษาเรื่องปัญหาการแต่งงานของฉางกวนยวีซินอยู่ในห้องทำงานของฉางกวนหลง
”หึหึหึ!”เสียงหัวเราะในลำคอเบาๆดังออกมาจากฉางกวนหลง สายตาคมกริบจ้องเขม็งไปที่ฟานเจี้ยน “ราชานักล่ายังหนุ่มนักแต่เป็นคนมีความสามารถ ถึงจะไม่รู้ว่าคุณเก่งหรือมีพรสวรรค์มากขนาดไหน แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงคุณก็น่าจะมียศตำแหน่งสูงส่งไปแล้วสิ?”
ความสงสัยก่อตัวขึ้นในใจของฉางกวนหลงเขาไม่ได้วิตกหรือรีบเอ่ยปากไล่อีกฝ่ายออกไปเพราะอีกฝ่ายสามารถคาดเดาความคิดของเขาได้ ฉางกวนหลงไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นคนที่สามารถก่อตั้งค่ายขึ้มาเองจนใหญ่โตขนาดนี้ แถมยังพันาขึ้นเรื่อยๆไม่หยุดด้วยตัวเอง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมาหลอกตลบหลังเขาได้ง่ายๆ
ฉางกวนหลงนึกถึงความซับซ้อนมากมายที่มีความเป็นไปได้ถ้ามีคนอยู่เบื้องหลังฟานเจี้ยนล่ะ? แล้วคนคนนั้นเป็นใคร? ต้องการอะไร?
แล้วถ้าไม่มีคนอยู่เบื้องหลังฟานเจี้ยนล่ะ?ถ้าเป็นอย่างนั้นฟานเจี้ยนก็เป็นคนที่น่ากลัวมาก!