ตอนที่ 765 เขาสร้างเมือง

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

ตอนที่ 765 เขาสร้างเมือง

 

เมื่อได้ยินคําพูดยั่วเย้าของฉางกวนหลง ฟานเจี้ยนก็พลันนึกถึงชูชันทันที ชายแก่คนนี้ไม่ใช่ผู้นําค่ายใหญ่เท่านั้นแต่ยังเป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์อีกด้วย

 

โชคดีที่ฟานเจี้ยนยังคงรักษาท่าที่นิ่งๆเอาไว้ได้ หลังเจอได้เจอกับเหมิงชีเหว่ยและเตรียมพร้อมข้อมูลมาแล้ว ฟานเจี้ยนก็กระตือรือร้นอย่างมาก มันไม่ใช่แค่การทําตามคําสั่งของชฮันแต่ตัวเขาเองก็ตื่นเต้นและสนุกไปด้วย

 

เพราะงั้นฟานเจี้ยนที่ยืนอยู่ตรงข้ามฉางกวนหลงที่กําลังมองมาด้วยแววตาเฉียบแหลม จึงเพียงแค่ยิ้มออกมาเบาๆ “แม้ว่าผมจะยอมรับว่าอิจฉาความฉลาดของคุณ ทั้งระดับพลังในการต่อสู้รวมถึงความสามารถในการบริหารจัดการ แต่คุณเข้าใจผิดไปอย่างหนึ่ง ผมไม่ได้สนใจในตัวค่ายหรือเรื่องอ่านาจของค่ายคุณเลยสักนิด ผมแค่ต้องทําเงินให้ได้มากขึ้น ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ที่อยู่ในวงการนี้ก็เหมือนกันหมด ผมมาหาคุณด้วยตัวเองเพื่อถามว่าคุณต้องการความช่วยจากผมหรือไม่และแน่นอนว่ามันมีค่าใช้จ่าย”

 

ใจความครึ่งแรกนั้นฟานเจี้ยนพูดออกมาจากใจ เขาไม่ได้สนใจเรื่องอํานาจครอบครองอะไรภายในค่ายหนานตู้ทั้งนั้น เขาแค่ทําเพื่อความพอใจ และถ้าไม่ใช่เพราะชูฮันบังคับให้เขาเข้าร่วมในภารกิจครั้งนี้เขาก็ไม่ได้มีแผนการจะมายุ่งอะไรตรงนี้อยู่แล้วเลยตั้งแต่แรก

 

พอได้ยินฟานเจี้ยนที่กล่าวออกมาด้วยแววตาจริงใจ แม้แต่ฉางกวนหลงก็อดไม่ได้ที่จะหวันไหว “ใช่ คนเรามักมีความสนใจ และคนเราก็มักไม่สนใจในด้านที่พวกเขาไม่ถนัด ถ้าไม่ใช่เพราะนี่เป็นโลกาวินาศฉันว่าคุณคงไม่เสี่ยงมาหาฉันด้วยตัวเองแบบนี้”

 

ในที่สุดฟานเจี้ยนก็สามารถไกล่เกลี่ยได้สําเร็จ การสนทนากับเฒ่าเจ้าเล่ห์ทําให้เขากลัวที่สุดในชีวิตแล้ว ฟานเจี้ยนสูดลมหายใจเข้าลึก “ให้ผมเริ่มเลยมั้ยครับ? ในเมื่อนี้เป็นการทําธุรกิจครั้งแรกของเขา ผมจะให้ส่วนลดคุณ 10%”

 

“มาคุยกันเถอะ” ฉางกวนหลงที่ไม่สามารถคิดหาทางออกได้ ถอนหายใจออกมา “ถ้าคุณสามารถแก้ไขวิกฤตครั้งนี้ได้จริงๆ ฉันก็ยินดีจ่ายตามราคา แต่ฉันเองก็มีคําขอเหมือนกัน ครั้งนี้ฉันต้องปฏิเสธทุกคนไปทีเดียวแต่ฉันก็ไม่สามารถทําลายชื่อเสียงลูกสาวฉันได้!”

 

“แน่นอนว่าผมทําได้” ฟานเจี้ยนยิ้มด้วยความมั่นใจ “ในเมื่อคุณไม่ได้มีปัญหาเรื่องการเงิน ถ้าอย่างนั้นผมจะพูดตรงเข้าประเด็นเลยละกัน ผมมีแผนการไว้แล้ว รวมถึงพวกอํานาจมืดในค่ายหนานตู้ทั้งหลาย เรื่องนี้มันไม่ยากเลยอีกไม่กี่วันคนพวกนั้นจะอับอายจนต้องจากไปเอง อับอายจนไม่กล้าเอ่ยเรื่องแต่งงานอีก”

 

ฉางกวนหลงสูดลมหายใจลึก จองฟานเจี้ยนไม่วางตา “คุณมีข้อมูลพวกนี้ได้อย่างไร?”

 

“เป็นคําถามที่ดี?” ฟานเจี้ยนปรบมือพร้อมหัวเราะ “ถึงแม้ว่าชื่อเสียงราชานักล่าของผมจะไม่เป็นที่รู้จักที่ค่ายหนานตู้ และคนส่วนใหญ่ที่มีชื่อในสิบอันดับของแต่ละอันดับเท่านั้นถึงจะเป็นที่รู้จัก แต่ผมอยู่ที่ภาคอื่น ซึ่งค่ายต่างๆในภาคนั้นผมก็มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ราชานักล่าโด่งดังเรื่องพลังในการต่อสู้และอัตราความสําเร็จในการทําภารกิจของผมอยู่ที่ 100% ไม่มีภารกิจไหนที่ผมล้มเหลว”

 

ฟานเจี้ยนพูดด้วยน้ําเสียงจริงจัง แต่ที่จริงเขารู้เพียงแค่เสี้ยวเดียว ที่เหลือมันคือการพูดกลายๆแสร้งเป็นรู้เท่านั้นเอง สําหรับข้อมูลที่ฉางกวนหลงพูดถึงมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ฟานเจี้ยนจะล่วงรู้ได้ เขาก็แค่ตีเนียนว่ารู้ทุกอย่างไปเท่านั้น

 

ไม่ต้องพูดถึงฟานเจี้ยน แม้แต่ชูฮันเองก็ยังไม่รู้แน่ชัดเลยว่าคนที่อยู่เบื้องหลังในความมืดพวกนี้เป็นใคร ส่วนที่ว่าทําไมชฮันถึงสามารถกําหนดรายชื่อให้เหมิงชีเหว่ยมาได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ ความจริงก็คือมันง่ายมาก คนพวกนี้ที่มาเพื่อการแต่งงาน ปกติแล้วก็กลัวการเสียหน้า ดังนั้นพวกเขาจึงพาทหารของตัวเองมาเป็นจํานวนมาก โดยเฉพาะจงไคจากค่ายจงหยาง

 

ในเมื่อปัญหาในครั้งนี้คือคนพวกนี้ เพราะงั้นต้นตอมันก็คือคนพวกนี้ ยิ่งคนมากมายเท่าไหร่ ปัญหาก็มากเท่านั้น ประกอบกับการพัฒนาของหน่วยข่าวกรองใต้ดินของเหมิงเหว่ยที่ทํางานได้ดีอย่างเหลือเชื่อ ทําให้ข้อมูลเบื้องต้นของทุกคนนั้นถูกนําเสนอแก่ชูชั้นก่อนที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงมื้อค่ําได้

 

และในข้อมูลที่เหมิงชีเหว่ยหามาได้ มันบอกไว้ว่าคนพวกนี้มีกลุ่มหญิงสาวสวยๆเป็นของตัวเองอยู่แล้ว…

 

ส่วนฉางกวนหลงที่ได้ยินฟานเจี้ยนพูดก็ยากที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเอง เขาเริ่มมองไกลกว่าวิกฤตที่กําลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน ข้อมูลนี้รวบรวมเบื้องหลังอันมืดมนของเหล่าเจ้าหน้าที่หนุ่มๆของค่าย งั้นก็หมายความว่าฟานเจี้ยนรู้ข้อมูลของแต่ละค่ายล่ะสิ?

 

“ถ้าข้อมูลนี้เป็นเรื่องจริง มันก็มีค่ามาก” ตาของฉางกวนหลงมีประกายวาบผ่าน เขาเริ่มคิดถึงผลประโยชน์ที่เขาจะได้รับจากข้อมูลพวกนี้

 

“ใช่ แต่ผมไม่สามารถเอาให้คุณได้” อย่างไม่คาดคิด จู่ๆฟานเจี้ยนก็พูดออกมากระทันหันและเก็บเอกสารข้อมูลไปทันที!

 

“ราชานักล่า นี่มันอะไรกัน?” ไม่เพียงแค่ฉางกวนหลงที่ไม่ได้เตรียมตัว แต่มู่หรงยู่เฉิงก็ยังตามไม่ทัน

 

ฟานเจี้ยนเพียงแค่ส่งยิ้มบางๆให้ “เพราะจุดประสงค์ของผมนั้นง่ายมาก ผมแค่ต้องการช่วยให้คุณได้ช่วยลูกสาวของคุณด้วยข้อมูลที่มี แต่ผมไม่ต้องการทําลายความสัมพันธ์ระหว่างแต่ละค่าย ผมเองก็มีจริยธรรมของความเป็นมืออาชีพ ผมไม่สามารถทําทุกอย่างเพื่อเงินโดยไม่รับรู้ผิดชอบชั่วดี ผมจะเลือกแค่บางส่วนข้อมูลลับพวกนี้เพื่อทําลายการแต่งงานเท่านั้น”

 

ฉางกวนหลงสูดลมหายใจเข้าลึกๆพยายามไม่ระเบิดอารมณ์ออกมา “มีข้อมูลลับ เรื่องไม่ดีของบุคคลสําคัญ อย่าง…ชูฉันมั้ย?”

 

พอได้ยินชื่อชูฮัน ฟานเจี้ยนก็แทบจะหัวเราะออกมา หากไม่นานเข้าก็รีบสวมบทบาทตัวเองต่อ “แน่นอน แต่มันไม่ใช่ความลับ ผมสามารถบอกคุณได้โดยตรง”

 

“อะไรนะ?” ฉางกวนหลงเริ่มตึงเครียด “ถ้ามันเกี่ยวข้องกับป่ายหวีเนอและซางจิ่วตี้ถ้างั้นก็ไม่ต้องพูดอะไร ลูกสาวฉันไม่สนใจเลยสักนิด มีอะไรอีกนอกเหนือจากความสัมพันธ์ของหญิงสาวสองคนนั้น พวกเธอมีปัญหากันรึเปล่า?”

 

“น่าหงุดหงิดชะมัด รำคาญ ไอ้ชูฮันนี่มันยิวกว่ากําแพงซะอีก!” คําพูดของฟานเจี้ยนนั้นมาจากใจจริงๆ “แต่ที่ผมอยากจะบอกมันไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เป็นอีกเรื่อง…”

 

ฟานเจี้ยนพูดพร้อมกับรอยยิ้มลึกลับ “คุณรู้ใช่มั้ยว่าชูฮันเป็นผู้นําค่ายเขี้ยวหมาป่า และเขาได้สร้างเมืองโรแมนติกที่ยิ่งใหญ่ขึ้นติดกับค่ายเขี้ยวหมาป่า”

 

“เมืองโรแมนติก?” ฉางกวนหลงผิวหน้า “แค่ได้ยินชื่อฉันก็ไม่ชอบแล้ว!”

 

“หึ! ถ้าควรรู้ว่ามันมีเรื่องน่าอับอายเกิดขึ้นในเมือง คุณจะต้องยิ่งไม่ชอบเข้าไปอีก” ฟานเจี้ยนแตะปลายจมูก “ทั้งเมืองมันแออัดไปด้วยผู้หญิงขายบริการ!”

 

“เฮือก!”

 

เสียงลมหายใจรุนแรงที่เต็มไปด้วยความเดือดดาลของฉางกวนหลงดังขึ้น

 

“นี่มันถึงกับสร้างเมืองไว้ข้างๆค่ายเพื่อเอาไว้สมสุข!” หน้าของฉางกวนหลงแดงก่ํา “แล้วยังมีผู้หญิงมากมาย? อายุเท่าไหร่กัน?”

 

ฟานเจี้ยนตอบเกินจริงไปมาก “เขามักจะไปบ่อยๆและใช้เงินไปที่หลายพันเหรียญล่มสลาย”

 

“บ้าไปแล้ว! ไอ้โง่เง่า!” ฉางกวนหลงอยากจะฆ่าชูชันทิ้งอยู่ในใจ

 

ฟานเจี้ยนแสร้งทําเป็นโมโหอย่างเห็นด้วย “ยังมีอีก แต่ผมพูดไม่ได้แล้ว ผมขอเวลาหนึ่งอาทิตย์แล้วผมจะช่วยคุณไล่คนพวกนี้ออกไปเอง”

 

“นายจะไม่หักหลังฉันใช่มั้ย?” ฉางกวนหลงยังมีความระแวง

 

“นี้คือภารกิจของผม หน้าที่ของผมคือทําตามความต้องการของนายจ้าง” ฟานเจี้ยนตอบพร้อมสบตา