ตอนที่ 766 เคยเจอคนนี้มาก่อน
หลังจากทําข้อตกลงเรียบร้อย ฟานเจี้ยนก็ออกมาจากห้องทํางานของฉางกวนหลง อดไม่ได้ที่จะปาดเหงื่อที่หน้าผากออก แม้ว่าเขาจะเตรียมตัวมาอย่างดีแล้ว และถึงตอนนี้เขาจะได้เงินมัดจําจากอีกฝ่ายมาแล้วแต่เขาก็ยังรู้สึกกลัวแถมมันก็กดดันมากๆ “แม่เจ้า ตาเฒ่านี่น่ากลัวชะมัด กว่าจะรอดมาได้”
“สําเร็จมั้ย?” จู่ๆเหมิงชีเหว่ยก็ออกโผล่ออกมา
“โชคดีนะสิ แล้วเราจะเริ่มที่ใครก่อน?” ฟานเจี้ยนถามขณะเดินไปด้วย
“พี่ชูฮั่นเจาะจงให้เราเริ่มที่จงไคก่อน” เหมิงชีเหว่ยที่เดินตามมาเอ่ยตอบ
“เรื่องลับจะทําให้แต่ละคนไปจากที่นี้ทีละคน” เหมิงชีเหว่ยค่อนข้างซื่อตรง “หัวหน้าชฮันบอกว่าเวลาเป็นเรื่องที่สําคัญที่สุด”
ฟานเจี้ยนมีท่าที่สบายๆ “ฉันไม่คิดว่าเราจะหาเรื่องลับๆของเฉินยุนโหลวได้ คนคนนี้มีเรื่องคาวๆด้วยเหรอ?”
“ง่ายมาก” เหมิงชีเหว่ยยิ้ม “ใครๆก็มีเรื่องลับทั้งนั้น และต่อให้เขาจะเป็นคนดีแค่ไหน แต่ยังไงผู้ชายก็แพ้ทางผู้หญิงอยู่ดี”
“งั้นก่อนอื่นเราแยกย้ายกันไปนอนก่อนละกัน คืนนี้ฉันเหนื่อยแล้ว” ฟานเจี้ยนโบกมือลา
“แล้วใครคือคนที่โยนฮวงชูเจิ้นไปในโพรงหญ้า?”
“ไม่ว่าจะเป็นใคร มันก็ไม่ตายหรอก”
ในเวลาเดียวกัน หวังไคก็ได้พาเหอซาง ฟานฮงเหวียน เสี่ยติงและกวงโถวมุ่งหน้าออกมานอกสถาบันวิจัยแล้ว
ด้านนอกสถาบันที่มีเฉินเจิ้นและคนของเหมิงชีเหว่ยรอรับอยู่อย่างเป็นกังวล และในที่สุดพวกเขาก็เห็นกลุ่มคนที่เดินทางมาถึงจุดนัดพบ
“พวกนาย? เป็นยังไงบ้าง?” เฟิงหลิงมู่ที่เป็นกังวลอยู่ตลอดทั้งคืนรีบถามทันที
“หวังไค?” ในตอนนั้น กวงโถวก็เริ่มเชื่อเรื่องราวของหวังไคบ้างแล้ว ส่วนคนอื่นๆที่รออยู่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าคนพวกนี้เป็นลูกน้องของหัวหน้าชฮันด้วยเหมือนกันรึเปล่า จึงมองมาอีกฝ่ายอย่างสงสัย
ทันใดนั้น หวังไคก็หันตาโตๆของนมา และยกอุ้งมือของมันชี้ไปที่เหอซาง
ทันใดนั้นเหอซางก็เข้าใจได้ในทันทีว่าคนพวกนี้เป็นลูกน้องของชูฮัน จึงรีบก้าวเท้าเข้าไปหาเฟิงหลิงยู่เพื่อจับมือทําความรู้จักทันที “กลายเป็นว่าพวกคุณก็เป็นคนของสถาบันวิจัยเหมือนกัน ไม่น่าเชื่อ ผมเองก็ทรมานมาตั้งครึ่งปี! กลายเป็นว่าข้างในก็มีลูกน้องของหัวหน้าชูฮันอยู่เหมือนกัน งั้นไปกันเถอะหัวหน้าชูฮันบอกให้ พวกเราไปรอที่พื้นที่ผู้ลี้ภัย”
“อะไรน่ะ?” เฟิงหลิงมู่หน้าตาตกใจ คนพวกนี้ก็เป็นคนของหัวหน้าชสั้นเหมือนกันงั้นเหรอ? นี้หัวหน้ามีคนข้างในสถาบันอีกงั้นเหรอ?
“ฉันว่าเราไม่มีเวลาแล้วล่ะ นี้คือฟานฮงเหวียนเขาเป็นเพื่อนร่วมห้องพักในมหาวิทยาลัยของหัวหน้าชูฮัน ฉันเจอเข้ากับเขา ตอนนี้เราต้องรีบหาที่ช่วยเขาให้รอดก่อน หวังไคบอกว่าคนที่ชื่อเหมิงชีเหว่ยสามารถช่วยเราได้?” เหอซางที่คุยกับหวังไคมาระหว่างทางเอ่ยบอก แม้ตัวเขาเองก็ช็อคมากที่กระต่ายสามารถเขียนได้ แต่สถานการณ์ในตอนนี้มันรีบเร่งเกินกว่าจะมีเวลามานั่งคิด
“ห้ะ แม้แต่ชื่อพี่เหมิงยังรู้จัก?” เฟิงหลิงมู่ช็อค “แต่ใครคือหวังไค?”
“ฉันเอง!” หวังไคที่หมดความอดทนระเบิดโพล่งออกมา “เลิกเสียเวลากันสักที นายเฟิงหลิงมู่เป็นคนติดต่อให้ชฮันเข้าไปทํากะแทนเฉินเจิ้นไม่ใช่รึไง แล้วหัวหน้าเหมิงชีเหว่ยของพวกนายก็เป็นศัตรูกับจงไค คืนนี้ฟานเจี้ยนก็ถูกสั่งให้ไปเจอกับพลเอกฉางกวนหลงไม่ใช่รึไง? เร็วเข้าสิวิ่ง! ที่นี้จําไว้ว่าพ่อชื่อหวังไค และนี้คือคําสั่งของชูฮัน!”
เงียบกริบ————–
จากนั้น
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เสียงระเบิดหัวเราะดังลั่นอย่างห้ามใจไม่อยู่
“แกพูดได้เหรอหวังไค?”
“กระต่ายพูดได้ด้วย?”
“เป็นสัตว์เลี้ยงของหัวหน้าจริงๆสินะ”
หัวล้านทั้งสามคนพูดไปหัวเราะไปราวกับคนเสียสติ เฟิงหลิงมู่เองก็ช็อคค้างไปแล้ว
ส่วนฟานฮงเหวียนที่สภาพร่างกายไม่สามารถรับเรื่องหนักๆได้ เขาตกใจจนเป็นลมไปแล้ว
“นี้ที่ฉันพูดไปไม่มีประโยชน์เลยเหรอไง? แม่ง ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไปเถอะ!” หวังไคเองก็ตกใจกับตัวเอง
——————–
ขณะที่ค่ายหนานผู้กําลังตกอยู่ในความวุ่นวาย ชูฮันคนเดียวก็กําลังไต่ลงอุโมงค์ลงไปลึกขึ้นเรื่อยๆ
เวลานี้ที่ไม่มีหวังไค ชูฮั่นรู้สึกเงียบสงบ ทันใดนั้นสุดเขาก็สามารถลักลอบเข้ามาถึงจุดที่ลึกที่สุด พื้นมันมีความชื้นเล็กน้อย
ชูฮั่นไม่มีท่าที่ลังเลใดๆ ทันทีที่ลงมาถึงเขาก็เปิดไฟฉายส่องไปรอบๆ แต่ยังไม่ทันที่ชฮันจะได้ไปไหน มันก็มีเสียงเบาๆดังขึ้นมาท่ามกลางความมืด
“คุณเป็นใคร?”
มีคนอยู่ที่นี้จริงๆ? และยังไม่ตาย? เขาใช่สมาชิกหลักของ Mensa รึเปล่า?
ทันใดนั้นชูฮันก็รู้สึกดีใจขึ้นมา ขณะกําลังจะหมุนตัวกลับไปตามเสียง—-
พ้ะ!
เสียงบางอย่างดังขึ้นเบาๆ ตามมาด้วยแสงสว่างที่จู่ๆก็ติดขึ้น ทําให้ชูฮั่นสามารถมองเห็นพื้นที่ทั้งหมดได้
มีไฟด้วยงั้นเหรอ?!
ชูฮันมีสีหน้าประหลาดใจ หัวใจรู้สึกหน่วงๆเพราะมันไม่ใช่แค่แสงไฟเท่านั้น แต่สิ่งอํานวยความสะดวกทั้งหลายในนี้มันทําให้เห็นชัดเจนถึงร่องรอยการใช้ชีวิตที่นี้ แม้มันจะมืดมนและอับชื้นแต่สภาพก็ดูดีกว่าในพื้นที่ผู้ภัย หากกลับไม่มีใครอยู่ที่นี่
และมันก็หมายความว่าสมาชิกหลักของ Mensa ไม่ได้ถูกคุมขังอยู่ที่นี่!
ชูฮั่นค่อยๆหันไปมองรอบๆ ตัดสินใจที่จะคลายความกังวลในใจลง แต่จังหวะที่เขากําลังหมุนมองไปรอบๆ จู่ๆก็มีบางอย่างสะดุดสายตาของชูฮั่น หัวใจของชูฮั่นกระตุกราวกับถูกของแข็งกระแทก
สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาของชฮันคือเก้าอี้รถเข็นและคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นก็สูญเสียขาไปทั้งสองข้าง คนคนนี้ดูยังหนุ่มช่วงอายุ 20 ผิวขาวซีดราวกับกระดาษ สายตามองมาที่ชูฮั่นด้วยความสงสัยผสมความเย่อหยิ่ง
สภาพของอีกฝ่ายเหมือนถูกขังเอาไว้ที่นี้โดยที่ยังมีอาหารและน้ําให้ประทังชีวิต
แต่นั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนความระแวงที่ชูฮั่นมีทันที่ที่อีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้น เพราะใบหน้าของคนคนนี้เป็นใบหน้าของคนที่ชูฮั่นคุ้นเคยดีที่เมืองอันล…
เขาเคยเจอคนนี้มาก่อน!