ตอนที่ 596 ซูเฟยมาเยี่ยม / ตอนที่ 597 รับรู้เพิ่ม

บุปผาเคียงบัลลังก์

ตอนที่ 596 ซูเฟยมาเยี่ยม 

 

 

หรงจิงออกจากตำหนักหย่างซินภายในหมู่ตำหนักเฟิ่งอี๋เพราะยังมีงานในราชสำนักฝ่ายหน้าอีกมากที่ต้องจัดการ เช่นเดียวกัน เซียงฉือย้ายตำหนัก สำหรับใครบางคนแล้วนับเป็นโอกาสที่ดี 

 

 

เซียงฉือยังรู้สึกเหมือนฝันๆ ไม่แน่ใจ หรงจิงส่งนางมาอยู่ที่นี่โดยที่ไม่มีสัญญาณใดมาก่อน นางบังเกิดความสงสัยขึ้นในใจ เพราะหรงจิงจะไม่ตัดสินใจทำอะไรโดยไม่รอบคอบ ทุกการตัดสินใจของเขาล้วนมีเหตุผล 

 

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเขาทำอะไรอย่างปราศจากเหตุผล ถึงแม้เซียงฉือจะรู้สึกหวานซึ้งใจแต่ก็ยิ่งบังเกิดความสงสัยมีหลายสิ่งหลายอย่างที่นางไม่เข้าใจหรงจิง และในเวลาเช่นนั้น หรงจิงล้วนกำลังทำเรื่องที่ทำให้นางต้องหวาดหวั่นขนลุกขนชัน 

 

 

เซียงฉือนั่งอย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้ แต่ก็มักมีคนมาบอกกับนางอยู่เสมอ 

 

 

“โอ้โฮ น้องอวิ๋นผินได้เข้ามาอยู่ตำหนักเฟิ่งอี๋เชียวหรือนี่ เมื่อครู่ตอนที่นางกำนัลมาบอก พี่ยังคิดว่าตนเองฟังผิดเสียอีก” 

 

 

เสียงของซูเฟยดังเข้ามาจากด้านนอก เซียงฉือนั่งอยู่ที่ห้องด้านใน เพียงซูเฟยเข้าประตูก็มีเสียงเปี่ยมพลังทะลุทะลวงเข้ามา 

 

 

เซียงฉือยิ้มเมื่อได้ยินเสียง ภายในใจก็บอกกับตนเองว่าคนๆ นั้นมาแล้ว 

 

 

เซียงฉือก้าวออกประตูไป เห็นซูเฟยสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่สีมรกตหรูหรางดงาม หน้าผากแต่งแต้มดอกท้อที่งดงามกว่าดอกท้อที่จินกุ้ยเฟยแต่งแต้ม 

 

 

“เซียงฉือคารวะพี่หญิงซูเฟยเพคะ” 

 

 

เซียงฉือออกไปแล้วก็ทำความเคารพ นางจะไม่ยอมให้ใครหาเหตุว่านางในเรื่องมารยาทได้เป็นอันขาด ซึ่งเป็นความเคยชินตั้งแต่ได้อยู่ข้างกายหรงจินเป็นต้นมา ซูเฟยกวาดสายตาไปทั่วห้อง เมื่อเห็นมีเพียงเซียงฉือคนเดียวที่เดินออกมาจากข้างในก็รู้สึกผิดหวัง 

 

 

การที่นางบรรจงแต่งกายเช่นนี้ย่อมไม่ใช่เพื่อจงใจแต่งมาให้เซียงฉือดู 

 

 

เซียงฉือยิ้มน้อยๆ อย่างรู้ทันความคิดของนางทั้งหมดแต่ไม่ได้เปิดโปงอะไร นางเพียงสั่งการเรียบๆ 

 

 

“ยังไม่จัดน้ำชามาถวายซูเฟยอีก” 

 

 

“หลิ่วจุ้ยไม่อยู่ พวกสาวใช้ทั้งหลายก็ยังไม่รู้งาน น้องเองก็เพิ่งย้ายมา ไม่รู้ว่าจะมีชาหงติ่งอู้ที่พี่หญิงโปรดปรานหรือไม่คงจะต้อนรับพี่หญิงได้ไม่ดีนักเพคะ” 

 

 

ซูเฟยได้ยินคำพูดเซียงฉือก็หันกลับไปมองนางแล้วพูดขึ้นอย่างรู้สึกประหลาดใจ 

 

 

“น้องหญิงยังจำได้ว่าพี่ชอบชาอะไรช่างใส่ใจจริงๆ ไม่เสียทีที่พี่รักน้องหญิงเลย” 

 

 

เซียงฉือยิ้มน้อยๆมองดูสาวใช้ด้านล่างยกน้ำชามาให้ สายตาซูเฟยพิจารณาดูการตกแต่งของตำหนักเฟิ่งอี๋ เมื่อเห็นว่าไม่ได้เกินเลยไปกว่าข้อกำหนดของอวิ๋นผินจึงส่ายหน้าพูดว่า 

 

 

“ห้องของน้องหญิงนี้ต้องจัดการให้ดีสักหน่อย พี่ไม่ได้มามือเปล่า ถึงแม้ฝ่าบาทจะให้น้องหญิงอยู่ที่นี่เพียงชั่วคราวก็ตาม แต่นี่ก็ใกล้สิ้นปีแล้วควรต้องเก็บกวาดให้ดี พี่สั่งคนให้เลือกของตกแต่งงดงามมาจากพระคลัง เอามาวางประดับไว้ในห้องน้องหญิงเป็นการช่วยเสริมบรรยากาศความน่ายินดี” 

 

 

เซียงฉือฟังแล้วพยักหน้าน้อยๆ ทั้งสองคนไม่เอ่ยถึงเรื่องหรูอี้กงกงถูกฆ่าในวันนั้นอย่างรู้ใจกัน เซียงฉือไม่พูดเพราะว่านางกุมจุดอ่อนในเรื่องนี้ของซูเฟยไว้ในกำมือแล้ว 

 

 

นางจะไม่นำออกมาคุกคามซูเฟยเรื่อยเปื่อย ส่วนที่ซูเฟยไม่พูดเป็นเพราะหากนางเอ่ยปากแล้ว เกรงว่าทั้งสองคนจะไม่สามารถรักษาความมีไมตรีต่อกันเช่นนี้ต่อไปได้ 

 

 

ทั้งคู่ไม่มีอะไรคุยกันไปครู่หนึ่งทำให้บรรยากาศเงียบเหงา เซียงฉือลูบท้องตนเองเบาๆ วันนี้รู้สึกทรมานอยู่บ้าง แต่ว่านางยังคงต้องฝืนทนไม่ให้ซูเฟยพบเห็นพิรุธอะไรได้ 

 

 

ในเมื่อหรงจิงจัดให้นางแสดงเช่นนี้ย่อมต้องมีจุดประสงค์ นางจะต้องไม่ทำให้เรื่องเกิดเป็นปัญหาขึ้นเพราะตัวนาง 

 

 

เซียงฉือได้แต่ยิ้ม บรรยากาศดูกระอักกระอ่วน 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 597 รับรู้เพิ่ม 

 

 

ซูเฟยเห็นเซียงฉือไม่พูดจาก็หันกายกลับด้วยความไม่ค่อยพอใจ 

 

 

หลังจากภาพสองเหตุการณ์แวบผ่านสมองไปแล้ว เซียงฉือจึงพูดขึ้น 

 

 

“พี่หญิงเสด็จมานี่คงมีธุระกับหม่อมฉันกระมังเพคะ” 

 

 

ซูเฟยชะงักเล็กน้อย นางเห็นท่าทางไม่เดือดเนื้อร้อนใจของเซียงฉือเช่นนั้นพลันบังเกิดความกระวนกระวายขึ้นมา 

 

 

“ทำไมน้องหญิงพูดเช่นนี้ พี่ดูแลฝ่ายในอยู่ ในเมื่อน้องหญิงย้ายมาอยู่ที่นี่ พี่ย่อมต้องมาแสดงความยินดีสิ” 

 

 

เซียงฉือยิ้มน้อยๆ หันกลับไปมองซูเฟย สายตานางวาวขึ้น เมื่อสะบัดมือ เหล่าสาวใช้ในห้องก็พากันออกไป 

 

 

เซียงฉือลุกขึ้นยืนแล้วพูดขึ้นอย่างสงสัย 

 

 

“ในเมื่อพี่หญิงซูเฟยไม่รับสั่งสิ่งใด หม่อมฉันก็จะขอพูดก่อนนะเพคะ ตั้งแต่จากกันครั้งก่อนที่ตำหนักพี่หญิงแล้วก็ยังไม่ได้รับคำตอบจากพี่หญิงเลยว่าพี่หญิงจะทรงเป็นพันธมิตรกับหม่อมฉันหรือไม่ หรือว่าเรื่องนี้ไม่ถือจริงจังแล้วเพคะ” 

 

 

เมื่อเซียงฉือพูดขึ้นซูเฟยก็ดีใจ นางมาในวันนี้เพราะต้องการหยั่งเสียงเซียงฉือ แต่ไม่คิดว่าอวิ๋นเซียงฉือยังจะร้อนรนกว่านางเสียอีก 

 

 

อวิ๋นเซียงฉือสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพูดว่า 

 

 

“หม่อมฉันคิดว่าซูเฟยทรงรู้ใจหม่อมฉันที่สุด หม่อมฉันทุ่มเทไปมากเพียงไรกับเรื่องนี้คิดว่าพี่หญิงก็ทรงทราบดี แต่พี่หญิงทรงกระทำการใดไม่เคยปรึกษาหม่อมฉันมาก่อนเลยนะเพคะ” 

 

 

ดวงตาซูเฟยกระเพื่อมเล็กน้อยเหมือนจู่ๆ ก็คิดอะไรขึ้นมาได้ นางเดินไปข้างกายเซียงฉือ จูงมือนางขึ้นแล้วพูดปลอบใจ 

 

 

“พี่ทำอะไรผิดหรือทำอะไรให้น้องหญิงไม่พอใจหรือ” 

 

 

เซียงฉือพ่นลมฮึแล้วจึงพูดว่า 

 

 

“สตรีในวังก็เหมือนกับดอกไม้ที่เบ่งบานสะพรั่ง แต่ไม่มีใครเลยที่เบ่งบานอยู่ได้ตลอดไปโดยไม่โรยรา หม่อมฉันเข้าใจเหตุผลนี้ดี จึงคิดจะทำในสิ่งที่ตนเองต้องการจะทำที่สุดในขณะที่ตนเองยังสะพรั่งอยู่ แต่ถ้าหากพี่หญิงมิได้มีความคิดเช่นเดียวกับหม่อมฉัน คงคิดเพียงจะใช้ฐานะและอำนาจหาประโยชน์จากตำหนักต่างๆ แล้วละก็ หม่อมฉันคงต้องใคร่ครวญให้รอบคอบสักครั้ง” 

 

 

คำพูดเซียงฉือมีจุดมุ่งหมาย ระยะนี้ซูเฟยติดต่อกับโหรวผินถี่ขึ้น ไม่ว่านางเตรียมจะทำอะไรย่อมต้องไม่ใช่นิมิตหมายที่ดีแน่ เพราะเซียงฉือยังคงจดจำคำเตือนขององค์หญิงหมิงอวี้ได้ว่าให้นางระวังเฉินหนานซู 

 

 

ซึ่งนางเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจตลอดมาไม่เคยลืม 

 

 

ซูเฟยก็รู้ดีว่าเรื่องแบบนี้สำหรับคนที่คอยจับตาอยู่แล้วย่อมสามารถถูกมองออก จึงยิ้มเยาะแล้วเดินเข้าไปหา 

 

 

“น้องหญิงคิดมากเกินไปแล้ว ไม่ว่าหน้าตากิริยาหรือความคิดอ่านกระทั่งการเป็นที่โปรดปราน น้องหญิงเหนือกว่าโหรวผินมากนัก สำหรับนางก็เพียงแค่อาศัยความผูกผันในอดีต พี่รู้ความสำคัญของเรื่องนี้ดี ส่วนที่มาวันนี้ก็เพราะมีข่าวสำคัญยิ่งจะมาบอกน้องหญิง” 

 

 

“เมื่อครู่เพราะคนอื่นอยู่กันมากพี่จึงไม่อาจรีบพูดออกมา แต่ไม่ยักรู้ว่าน้องหญิงจะร้อนรนเพียงนี้” 

 

 

เซียงฉือฟังแล้วก็เพียงยิ้ม ไม่ว่าจะเป็นความจริงใจหรือเสแสร้งก็ไม่เหมาะที่จะมาแตกคอกัน แค่เตือนๆ กันสักหน่อยก็เพียงพอแล้ว 

 

 

เซียงฉือนั่งกลับเข้าที่เดิม นางยื่นหูเข้าใกล้ซูเฟยแล้วทั้งคู่ก็คุยกันกระซิบกระซาบ 

 

 

“ขุนพลหลินและเหล่าขุนนางทั้งหลายกล่าวหาน้องหญิงมอมเมาฝ่าบาท เอาเรื่องที่น้องหญิงไม่ย้ายออกจากตำหนักเจิ้งหยางหมุนเวียนขึ้นถวายฎีกา ฝ่าบาทพิโรธจึงได้ย้ายน้องหญิงให้มาอยู่ที่นี่ ขุนพลหลินคนนั้นมีความดีความชอบด้านการศึกไม่น้อย ตอนนี้อิงอาศัยครอบครัวจินกุ้ยเฟยอยู่ ครั้งนี้พูดจาเกินเลยไปจึงถูกฝ่าบาทลงโทษให้คุกเข่าอยู่ใต้ระเบียง” 

 

 

เซียงฉือฟังแล้วหายใจเข้าลึก ได้ยินซูเฟยพูดต่อว่า 

 

 

“วันนี้ฝ่าบาทพิโรธหนักมาก คิดว่าขุนนางใหญ่พวกนั้นคงจะสงบปากคำไปได้หลายวัน น้องหญิงก็อยู่อย่างสบายใจเถิด” 

 

 

เซียงฉือได้ยินแล้วก็ยิ่งไม่สบายใจ ขุนพลหลิน คนที่จงใจกลั่นแกล้งนางในตำหนักอิงอู่วันนั้น หากเป็นเขาแล้วละก็เรื่องนี้คงจะต้องยิ่งบานปลาย