ตอนที่ 723 วางอุบายใส่ฮ่องเต้
“ฝ่าบาทต้องให้กระหม่อมเห็นนางก่อนพ่ะย่ะค่ะ” เวลานี้น้ำเสียงของมู่จวินฮานก็เย็นขึ้นแล้ว เนื่องจากสำหรับฮ่องเต้พระองค์นี้ เขามิได้ติดค้างอันใดทั้งสิ้น เพียงแต่สิ่งที่เขาทำทุกวันนี้เป็นความรับผิดชอบของวงศ์ตระกูลเท่านั้น
เมื่อฮ่องเต้เห็นมู่จวินฮานมีน้ำเสียงที่อ่อนลง พระองค์ก็รู้ทันทีว่าหากมิให้เขาพบอันหลิงเกอก็จะไม่มีทางยอมเชื่อพระองค์แน่ ฮ่องเต้จึงพามู่จวินฮานเข้าไปตำหนักด้านใน แต่ภาพที่ได้เห็นทำให้พระองค์มิอยากเชื่อเลย
เหล่าองครักษ์นอนเกลื่อนอยู่บนพื้นและพื้นตำหนักยังเต็มไปด้วยโลหิต ทว่าอันหลิงเกอหายไปแล้ว เมื่อมู่จวินฮานเห็นเช่นนั้นก็ตกใจมิแพ้กัน จากนั้นเขาก็เกิดความกังวลขึ้นมาเพราะมิรู้ว่าอันหลิงเกอไปอยู่ที่ไหน ส่วนฮ่องเต้ก็จมดิ่งสู่ความเศร้าโศก
“ฝ่าบาท…ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ…” ในขณะนั้นเองก็มีองครักษ์นายหนึ่งยังมีลมหายใจอยู่ เขากำลังคลานมาทางที่ฮ่องเต้และมู่จวินฮานยืนอยู่
มู่จวินฮานเห็นอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่จึงรีบวิ่งเข้าไปหาทันที
“นางเล่า ? อันหลิงเกออยู่ที่ใด ? ” ตอนนี้มู่จวินฮานมิเหลือสติแม้แต่น้อย พอจับตัวองครักษ์ที่ใกล้หมดลมหายใจคนนั้นได้แล้วก็เขย่าตัวอีกฝ่ายเพื่อเค้นถามทันที
“ท่านอ๋อง พระชายา พระชายาถูกคนเผ่าปิงชวนจับตัวไปแล้ว…” หลังยินคำพูดประโยคนี้ มู่จวินฮานและฮ่องเต้ก็ตกตะลึงทันที แต่มู่จวินฮานมิได้ลังเลเพราะเดินออกไปทันทีและยังมิลืมที่จะหันไปมองฮ่องเต้คล้ายต้องการสื่อว่านับตั้งแต่นี้ไปความสัมพันธ์ระหว่างจวนอ๋องมู่และราชสำนักจบลงเพียงเท่านี้
ขณะทอดพระเนตรแผ่นหลังที่เดินจากไปของมู่จวินฮาน ฮ่องเต้ก็ทรุดลงกับพื้น ทรงคิดมิถึงว่าคราวนี้มิเพียงไม่ได้ตราอาญาสิทธิ์จากอ๋องมู่แล้ว ยังสูญเสียผู้ช่วยคนสำคัญเยี่ยงมู่จวินฮานไปด้วย
ทรงทอดพระเนตรซากศพของเหล่าองครักษ์ ฮ่องเต้ก็เพิ่งตระหนักได้ว่าหลงกลอุบายของฟางหลิงซู่ไปเสียแล้ว
เห็นได้ชัดว่าฟางหลิงซู่มิคิดพาตัวอันหลิงเกอมาให้ตั้งแต่แรก แต่ฟางหลิงซู่แค่ยืมมือพระองค์ให้ช่วยหลอกล่อมู่จวินฮานเท่านั้น
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ฮ่องเต้ก็ได้แต่เกลียดพระองค์เองที่มิคิดให้รอบคอบเสียก่อนและปล่อยให้ฟางหลิงซู่ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นี้ได้ ขณะทอดพระเนตรซากศพที่นอนเกลื่อนตำหนักในเวลานี้ ฮ่องเต้ก็ได้แต่กลืนความแค้นลงไป
ในเวลาเดียวกัน อันหลิงเกอก็ถูกฟางหลิงซู่พาขึ้นรถม้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ครั้งนี้ฟางหลิงซู่จะพาอันหลิงเกอออกจากต้าโจวและไม่มีทางปล่อยให้นางกลับมาอีก
ยามมองอันหลิงเกอที่กำลังหลับใหลอยู่ในเวลานี้ฟางหลิงซู่ก็นำมีดสั้นขึ้นมาแล้วออกแรงทำให้ตนเป็นแผลหลายจุด จากนั้นก็รีบโยนมีดสั้นทิ้งทางหน้าต่างรถม้า
สภาพของฟางหลิงซู่มองแทบมิได้เพราะร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล ใบหน้าก็เปื้อนเลือด เขารู้ว่าเมื่ออันหลิงเกอตื่นขึ้นมาจะต้องถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาต้องหาคำอธิบายแก่นาง
เวลานี้รถม้ากำลังเคลื่อนไปตามถนนสายเล็กซึ่งมุ่งหน้าไปยังที่ตั้งของเผ่าปิงชวน
สิ่งที่เขาจะทำไม่เพียงเรื่องเล็กในวันนี้หรอก ทว่าอีกมินานเขาจะยึดครองทั้งต้าโจวและเมื่อถึงเวลานั้นเขาก็จะเป็นผู้นำของแผ่นดินที่กว้างใหญ่ !
ขณะมองอันหลิงเกอในอ้อมกอด เขาก็รู้ว่าต้องทำมันต่อไปจึงจะได้ครอบครองนางอย่างแท้จริง
มิว่าเส้นทางนี้เต็มไปด้วยเลือดมากแค่ไหน หรือต้องให้เขาทำเรื่องที่ขัดต่อศีลธรรมมากเพียงใด เขาก็ไม่รู้สึกเสียดายเผ่าปิงชวนเลย
บัดนี้อันหลิงเกอยังมิตื่นขึ้นมาจึงไม่รู้ว่าแม่นมผู้นั้นวางยานอนหลับในปริมาณมากเพียงใด
…
ตอนนี้มู่จวินฮานก็ควบอาชาออกจากวังหลวงแล้วแต่มิรู้ว่าควรไปหาอันหลิงเกอที่ไหน พอคิดว่านางถูกเผ่าปิงชวนจับตัวไป เขาจึงเลือกกลับไปที่หอพิษกู่อีกครั้ง
ฟางหลิงซู่ก็มิได้อยู่ที่นี่เหมือนเดิม ทำให้มู่จวินฮานรู้สึกถึงลางมิดีบางอย่าง หากฟางหลิงซู่เป็นคนจับตัวอันหลิงเกอไปก็ไม่รู้ว่าจะทำร้ายอันหลิงเกอหรือไม่
จากนั้นมู่จวินฮานก็ออกตามหาอันหลิงเกอถึงหนึ่งวันเต็ม ส่วนองครักษ์ของจวนและองครักษ์เงาทุกคนก็ออกมาเคลื่อนไหว ท้ายที่สุดก็ยังหาตัวอันหลิงเกอมิพบอยู่ดี หากไกลออกไปอีกก็เป็นอาณาเขตของเผ่าปิงชวนแล้ว แต่พวกองครักษ์ก็ไร้อำนาจเข้าไปยุ่งเกี่ยว
เมื่อมู่จวินฮานกลับถึงจวนอ๋องอีกครั้งก็เป็นเวลาเช้าตรู่ของวันถัดมาแล้ว
ทัวป๋าหลิวลี่เห็นมู่จวินฮานกลับมาแต่มิเห็นอันหลิงเกอตามมาด้วย นางก็รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที
เป็นธรรมดาที่นางจะทราบเรื่องที่เกิดขึ้นในสองวันมานี้เพราะสำหรับเรื่องที่อันหลิงเกอโดนจับตัวไปย่อมเป็นเรื่องดีต่อนางเอง เมื่อเป็นเช่นนี้ข้างกายของมู่จวินฮานก็จะมีแค่นางคนเดียว !
ทว่าหลังจากที่มู่จวินฮานกลับถึงจวนอ๋อง เขาก็เอาแต่ขลุกอยู่ในห้องหนังสือ มิได้สนใจทัวป๋าหลิวลี่แม้แต่น้อย เพราะการหายตัวไปของอันหลิงเกอในครั้งนี้ทำให้มู่จวินฮานกังวลไปหมดและก็เพราะเหตุนี้จึงทำให้เขาไร้กะจิตกะใจไปนึกถึงเรื่องอื่น
…
ในเวลานี้อันหลิงเกอก็ตื่นขึ้นมาแล้ว นางรู้สึกมึนศีรษะไปหมด ขณะที่ยังไม่ได้สติกลับมาเต็มร้อยก็เห็นฟางหลิงซู่นอนฟุบอยู่ด้านข้าง
“ฟางหลิงซู่ ฟางหลิงซู่ ! ” อันหลิงเกอเห็นร่างกายของฟางหลิงซู่เต็มไปด้วยบาดแผล อีกทั้งเลือดก็ย้อมเสื้อของเขาจนเป็นสีแดง ดูเหมือนลมหายใจของเขาจะอ่อนแรงยิ่งนักจึงทำให้อันหลิงเกอตกใจมาก
“ฟางหลิงซู่ ! ” อันหลิงเกอเขย่าตัวฟางหลิงซู่อย่างต่อเนื่องเพื่อพยายามปลุกให้เขาตื่นขึ้นมา
ตอนนี้นางมิรู้ด้วยซ้ำว่ากำลังอยู่ที่ใด เมื่อเห็นสภาพของฟางหลิงซู่แล้ว ใจนางก็เต็มไปด้วยความกังวล
แต่ฟางหลิงซู่ยังมิฟื้นขึ้นมา อันหลิงเกอจึงร้อนใจกว่าเดิม จากนั้นนางก็พลิกตัวเขาอย่างระมัดระวังเพื่อตรวจสอบบาดแผล
พบว่าบริเวณหน้าอกของฟางหลิงซู่มีบาดแผลที่เห็นได้ชัดซึ่งเวลานี้มันดูน่ากลัวยิ่งนัก ขณะมองฟางหลิงซู่ที่กำลังหมดสติอยู่ อันหลิงเกอก็มิสนอันใดอีก นางรีบเปิดเสื้อเขาออกทันที
โชคดีที่แผลบริเวณหน้าอกมิได้ลึกมาก อันหลิงเกอจึงรู้ว่าฟางหลิงซู่แค่เสียเลือดมากเกินไปจึงหมดสติเช่นนี้ นางลองยื่นมือไปตรวจสอบลมหายใจของฟางหลิงซู่และโชคดีที่เขายังมีชีวิตอยู่
อันหลิงเกอจึงสบายใจขึ้นมาทันที จากนั้นนางก็รู้ตัวว่ากำลังอยู่บนรถม้าแต่มิรู้ว่ารถม้ากำลังวิ่งไปที่ใด เมื่ออันหลิงเกอเลิกม่านออกก็เห็นว่ารอบข้างห้อมล้อมไปด้วยป่าและดูเหมือนกำลังวิ่งอยู่ในเส้นทางสายเล็กเส้นหนึ่ง
“คนบังคับรถม้า คนบังคับรถม้า ! ” อันหลิงเกอตะโกนเรียกคนบังคับรถม้าด้านหน้าแต่เหมือนชายผู้นั้นจะทำเป็นมิได้ยินเพราะเขายังคงบังคับม้าให้วิ่งต่อไป
เมื่ออันหลิงเกอเห็นเช่นนั้น แม้จะเป็นห่วงฟางหลิงซู่แต่ก็คิดได้ว่าคนขับรถม้าน่าจะได้รับคำสั่งมาจากฟางหลิงซู่ว่าหากยังมิถึงที่หมายก็ห้ามหยุด
อันหลิงเกอมองฟางหลิงซู่ที่อยู่ในอ้อมแขนและเห็นเขายังมิตื่นขึ้นมา นางไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น เหตุใดนางมาอยู่บนรถม้าและรถม้าคันนี้กำลังวิ่งไปที่ใด ?
ขณะมองฟางหลิงซู่ อันหลิงเกอก็รู้สึกสงสัยยิ่งกว่าเดิม แต่นางไม่มีเวลามาคิดมากแล้ว จากนั้นอันหลิงเกอก็ฉีกเสื้อผ้าของตนออกเพื่อนำมาพันแผลและห้ามเลือดให้เขา
หลังทำแผลแบบง่าย ๆ เสร็จแล้ว อันหลิงเกอก็นั่งนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ นางจำได้แค่ว่าตนอยู่กับแม่นมของฮ่องเต้ หลังจากแม่นมปลอบนางแล้วก็ให้นางดื่มชาและขนมที่จัดเตรียมไว้
ดูเหมือนตั้งแต่ตอนนั้นนางก็จำอันใดมิได้อีก พอนึกถึงตรงนี้ ระหว่างคิ้วของอันหลิงเกอก็ขมวดเป็นปม แล้วนางก็รู้ได้ทันทีว่าต้องถูกแม่นมวางยานอนหลับแน่นอน