ตอนที่ 660 รถฟักทอง
“งั้นก็ได้ ผมจะพาคุณไปที่ๆ หนึ่ง” เผยหนานเจวี๋ยจัดการทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว เขาต้องการพาเธอไปยังสถานที่ที่สวยงามแห่งหนึ่ง
“ไปไหน?” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปากด้วยความประหลาดใจ เธอไม่คิดเลยว่าจะยังมีเรื่องประหลาดใจหลังอาหารมื้อเย็น
“กินอิ่มถึงจะมีพลังไม่ใช่เหรอ” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยด้วยความคลุมเครือ
ฉู่เจียเสวียนขมวดคิ้ว หรือว่าสิ่งที่จะทำอีกประเดี๋ยวจะสิ้นเปลืองพลังงานมากอย่างนั้นเหรอ
ระหว่างที่สงสัยนั้น เสียงเคาะประตูด้านนอกดังขึ้น “เข้ามา” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปากอย่างเย็นชา น้ำเสียงทุ้มต่ำเจือปนความเยือกเย็น เสียงของเขาเย็นชาโดยไม่ตั้งใจเวลาที่พูดกับคนอื่น
บริกรเดินมาพร้อมกับถาดขนาดใหญ่ หยุดยืนอยู่ตรงหน้าฉู่เจียเสวียน จากนั้นเขาก็ค้อมตัวลง กล่าวกับฉู่เจียเสวียนด้วยความนอบน้อม “คุณฉู่ครับ เชิญเปิดครับ”
ความสงสัยผุดขึ้นในดวงตาที่ดำสนิทของฉู่เจียเสวียน แม้จะสงสัยก็ยังเอื้อมมือไปเปิดถาดนั้น มีเสื้อคลุมตัวใหญ่ตัวหนึ่งอยู่บนถาด คราวนี้เธอยิ่งงงกว่าเดิมแล้ว กวาดตาไปยังเผยหนานเจวี๋ย “นี่มันหมายความว่าอะไรกัน”
เธอเป็นคนฉลาดมาโดยตลอด แต่คราวนี้เธอเดาไม่ออกจริงๆ ว่าเผยหนานเจวี๋ยคิดจะทำอะไรกันแน่
“ข้างนอกลมแรง” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ย เขาไม่ต้องการแช่แข็งเธอ
“พวกเราจะไปที่ไหน” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่าในใจของเขามีความคิดพิเรนทร์อะไรอีก
“ไปที่ที่คุณคิดไม่ถึง” เผยหนานเจวี๋ยทำตัวลึกลับ ไม่ยอมเปิดเผยกับเธอเลยแม้แต่น้อย เขาต้องการเผยแผนการที่เขาตั้งใจเตรียมให้เธอทีละน้อยๆ
เขาพูดออกไปบางอย่างแล้วและมีบางอย่างที่ยังไม่ได้พูด ฉู่เจียเสวียนหรี่ตาด้วยความไม่พอใจ เธอมีลางสังหรณ์ไม่ดี รู้สึกว่ามันผิดปกติอยู่บ้าง “ฉันปฏิเสธได้เหรอ”
“ไม่ได้ สถานที่ต่อไปต่างหากคือไฮไลท์” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปากอย่างเผด็จการ เขาไม่มีวันให้เธอปฏิเสธอย่างแน่นอน เขาเตรียมการให้เธอมาตั้งนานเพียงเพื่อทำให้เธอยิ้ม
“คงไม่ใช่ที่แปลกๆ หรอกนะ?” ฉู่เจียเสวียนพูดขึ้นอีกครั้ง เธอเดาไม่ออกจริงๆ ว่าเขาต้องการจะทำอะไร
“ไม่ใช่อยู่แล้ว สถานที่ที่ผมจะพาคุณไป คุณจะต้องชอบแน่นอน” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวด้วยความมั่นใจ
ก็ได้ ในเมื่อเขาก็พูดมาถึงขนาดนี้แล้ว เช่นนั้นเธอก็ฝืนใจไปก็แล้วกัน เธอก็อยากรู้ว่าเขาจะพาเธอไปที่ไหน ในใจตั้งตาคอยเล็กน้อย
“คุณเคยไปเดนมาร์กแล้วยัง” เผยหนานเจวี๋ยคุยสัพเพเหระกับฉู่เจียเสวียน
ฉู่เจียเสวียนส่ายหน้า เธอไปเดนมาร์กได้เมื่อไรกัน? ทันทีที่เธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยก็แต่งงานกับเขาและใช้ชีวิตด้วยความทรมานเป็นเวลาสามปี จากนั้นก็ไปอเมริกา เรียนหนังสือทั้งวันทั้งคืน เธอจะมีเวลาเที่ยวได้อย่างไร
ตอนนี้เมื่อคิดดูแล้ว ชีวิตของเธอแย่จริงๆ เธอโตจนป่านนี้ ยังไม่เคยออกไปเที่ยวเลยสักครั้ง
“ในเดนมาร์กมีเมืองเทพนิยายแห่งหนึ่ง มันสวยมาก ถ้ามีโอกาสผมพาคุณไปเที่ยวดีไหม” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปากแผ่วเบา เพราะว่ามีฉู่เจียเสวียนอยู่ข้างกาย เขาปรารถนาทุกสิ่งทุกอย่างที่สวยงาม
ชีวิตในอดีตของเขาเป็นเวลาสามปีล้วนมุ่งเน้นไปที่เรื่องงาน แต่ว่าตอนนี้ เขาต้องการที่จะชะลอตัวลงสักครู่และเพลิดเพลินไปกับสิ่งที่สวยงามในโลกนี้กับผู้หญิงที่เขารัก
“คุณแปลกมากเลย ที่ที่เราจะไปตอนนี้มันเกี่ยวกับสถานที่นี้เหรอ” ฉู่เจียเสวียนขมวดคิ้วเอ่ย คิดไม่ออกเลยว่าเดนมาร์กกับสถานที่ที่พวกเขาจะไปมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร
ท้ายที่สุดแล้วทั้งสองที่ไกลกันมาก คิดจะไปก็ใช่ว่าจะไปเมื่อไรก็ได้
“คุณชอบรถฟักทองหรือเปล่า” เผยหนานเจวี๋ยพูดต่ออย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“เผยหนานเจวี๋ย คุณต้องการจะพูดอะไรกันแน่” ความสงสัยในสายตาของฉู่เจียเสวียนนั้นยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น เธอไม่เข้าใจคำพูดลอยๆ ของเผยหนานเจวี๋ยโดยสิ้นเชิง
ตอนที่ 661 อีกดินแดนหนึ่ง
“พวกเราถึงแล้ว ลงรถเถอะ” ใบหน้าของเผยหนานเจวี๋ยมีรอยยิ้มลึกลับ
ฉู่เจียเสวียนหันไปมองป่าดำสนิทนอกหน้าต่างรถ เธอขมวดคิ้ว หากเทียบกับด้านนอกแล้ว เธอรู้สึกว่าอยู่ในรถนั้นปลอดภัยกว่ามาก
“ทำไมถึงไม่รถลงล่ะ” เผยหนานเจวี๋ยมองฉู่เจียเสวียนที่นั่งอยู่ในรถไม่ขยับเขยื้อน อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากรบเร้า ตอนนี้เขารอไม่ไหวแล้ว
“ฉันไม่อยากไป” คิ้วสวยงามของฉู่เจียเสวียนผูกกัน ใบหน้าที่งดงามบูดเบี้ยว เธอสงสัยว่า
เผยหนานเจวี๋ยคิดจะพาไปยังบ้านผีสิงหรือเปล่า
เผยหนานเจวี๋ยเปิดประตูรถแล้วเดินลงมา จากนั้นก็เดินไปด้านที่ฉู่เจียเสวียนอยู่ เขาเคาะหน้าต่างรถยนต์แผ่วเบา “ลงรถ”
ดูเหมือนฉู่เจียเสวียนไม่ได้ยินเขาเลย เธอกำลังคิดว่าจะกลับไปคนเดียวดีไหม บรรยากาศของป่าที่นี่ทำให้เธอไม่ชอบใจเลยจริงๆ
“เจียเสวียน ลงรถ ที่นี่มีความประหลาดใจที่คุณคิดไม่ถึงแน่” บนใบหน้าของเผยหนานเจวี๋ยยังคงมีความชื่นชมยินดี
ฉู่เจียเสวียนมองเขาด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ ช่างเถอะ ไหนๆ ก็มาถึงที่นี่แล้ว ก็ลงไปดูสักหน่อยก็แล้วกัน ถึงอย่างไรก็มีเขาอยู่ ไม่น่าจะเกิดเรื่องอะไรกับเธอ
เธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตอนนี้ความกล้าของเธอจึงลดลง ทั้งๆ ที่เป็นคนฝึกวิชาป้องกันตัว ต่อให้มีเรื่องอะไรจริงๆ เธอก็ปกป้องตัวเองได้ไม่ใช่เหรอ
เมื่อคิดดังนี้ ฉู่เจียเสวียนก็หัวเราะเยาะตัวเอง หัวเราะที่ตัวเองตีตนไปก่อนไข้ซะแล้ว
เมื่อเปิดประตูรถยนต์ ฉู่เจียเสวียนออกจากรถอย่างผ่อนคลาย สภาพแวดล้อมภายนอกเย็นเยียบมาก ก่อนหน้านี้ฉู่เจียเสวียนยังไม่รู้สึก แต่ว่าตอนนี้ลงจากรถแล้วจึงรู้สึกได้ถึงลมหนาวเย็นเสียดแทงกระดูก มิน่าล่ะเผยหนานเจวี๋ยถึงบอกว่าลมแรง
“คุณต้องการจะพาฉันไปที่ไหนกันแน่” ฉู่เจียเสวียนเต็มไปด้วยความสงสัย เขาไม่เคยเล่นไพ่ตามสามัญสำนึกเลย และคราวนี้เขาไม่รู้ว่าเขากำลังจะทำอะไรกันแน่
“เดินเข้าไปในซอยนั้นคุณก็รู้แล้ว” เผยหนานเจวี๋ยชี้ไปที่ซอยมืดมิดซึ่งอยู่ไม่ไกล ทางเข้าซอยมืดสนิทนั้นทำให้บรรยากาศน่ากลัวแผ่ซ่านออกมา
“คุณแน่ใจเหรอ” ฉู่เจียเสวียนขมวดคิ้ว เมื่อมองไปที่ตรอกมืดที่ไม่เห็นจุดสิ้นสุดแล้วในใจรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
“ไม่ต้องกลัว มีผมอยู่” เผยหนานเจวี๋ยยื่นมือออกมาดึงมือของเธอ กุมมือของเธอไว้แน่น
“คุณแน่ใจนะว่าไม่ใช่บ้านผีสิง” มุมปากฉู่เจียเสวียนยกขึ้น การไปที่บ้านผีสิงในตอนกลางคืน เธอจะหวาดกลัวอย่างแน่นอน แม้เธอจะรู้ว่าไม่มีผีในโลกนี้
“หรือว่าคุณอยากไป?” เผยหนานเจวี๋ยถามกลับ
ฉู่เจียเสวียนส่ายหน้า ผู้หญิงก็หวาดกลัวเรื่องภูติผีอยู่แล้ว ต่อให้มันไม่มีจริง แต่เพียงแค่การพูดก็สามารถทำให้คนรู้สึกขนลุกได้
“เชื่อผมเถอะ มันอีกดินแดนหนึ่งอยู่ข้างใน” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปากต่อ
“มีอีกดินแดนหนึ่ง?” ฉู่เจียเสวียนถามกลับ
“คิดไม่ถึงว่าคุณจะขี้ขลาดขนาดนี้” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปาก น้ำเสียงมีรอยยิ้มเจือจาง
เขาเคยเห็นเธอต่อสู้กับชายร่างใหญ่สองคนมาก่อน แต่เขาไม่เห็นเธอกลัว ทำไมตอนนี้มืดแค่นิดหน่อย เธอก็กลัวซะขนาดนี้?
“ไปเถอะ” ฉู่เจียเสวียนรู้ว่าเผยหนานเจวี๋ยต้องการใช้วิธีการอ้อมๆ แต่ว่าเธอไม่มีวันติดกับเด็ดขาด ถ้าหากไม่ใช่เพราะมาถึงที่นี่แล้วและเธอก็ไม่อยากเห็นแววตาที่ผิดหวังของเขา เธอก็คงหันหลังจากไปนานแล้ว
“ไม่ต้องกลัว ผมจะอยู่ข้างคุณตลอดเวลา” เผยหนานเจวี๋ยพูดราวกับสาบาน
พวกเขาสองคนเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ และยิ่งใกล้กับทางเข้าของซอยมากขึ้นทุกที ฉู่เจียเสวียนรู้สึกว่ารอบกายนั้นมืดลงจนเธอแทบจะมองไม่เห็นแล้ว
เผยหนานเจวี๋ยกอดฉู่เจียเสวียนเอาไว้ในอ้อมแขน ในซอยนี้มืดจนมองไม่เห็นแม้แต่นิ้วของตัวเอง ยังดีที่เผยหนานเจวี๋ยสายตาดีมาก เมื่อเห็นว่าฉู่เจียเสวียนหลับตาสนิทด้วยความตื่นเต้น เขารู้สึกว่าท่าทางของเธอในเวลานี้น่ารักมากจริงๆ
ซอยนี้จะว่าสั้นก็ไม่สั้น จะว่ายาวก็ไม่ยาว ทั้งสองเดินกอดกันไปข้างหน้า