ตอนที่ 79-5 ประจักษ์พยานของปาฏิหาริย์

จำนนรักชายาตัวร้าย

ซย่าโหวฉิงเทียนไม่มีอารมณ์จะมาอธิบายให้หูซาฟังว่าตนคิดทำอะไร เขาใช้การกระทำเป็นตัวบอกหูซา ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย!

“อ๊าก!”

เสียงร้องโหยหวนทั้งยาวนานน่าอเนจอนาถ ดังลอยมาจากมุมหนึ่งของลานประลอง

เสียงร้องที่โหยหวนเช่นนี้ ทำให้จิตใจคนสั่นไหว

กระทั่งทุกคนสงบสติอารมณ์ลงได้ และเมื่อเห็นภาพที่น่าสลดหดหู่ตรงหน้า หัวใจก็เต้นระรัวขึ้นอีกครั้ง

หา หักขาจอมเทวาทั้งเป็นเลยหรือ

คนขี้ขลาดต่างกลืนน้ำลายลงคอ หดหัวถอยร่นไปด้านหลัง พร้อมทั้งขยับคอเสื้อตน แต่ต่อให้ทำเช่นนี้ก็หลีกไม่พ้นบรรยากาศเย็นยะเยือก

หลินเจียงอ๋องผู้นี้ ยังโหดเ**้ยมเฉกเช่นในอดีตไม่มีผิด!

แต่ ดูคล้ายเขาทารุณโหดร้ายยิ่งว่าแต่ก่อนเสียอีก!

ฝีเท้าซย่าโหวฉิงเทียนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เขาค่อยๆ เหยียบไปที่นิ้วมือด้านขวาของหูซาที่คิดลอบทำร้ายอวี้เฟยเยียนจนกระดูกหักทีละนิ้ว สุดท้ายจึงหยิบดาบหูซาขึ้นมา

“ไอ้หยา ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก! นิ้วมือแหลกเหลว ต่อไปคงมิมีโอกาสจับดาบได้อีก หากว่าบาดแผลติดเชื้อล่ะก็ มือข้างนั้นก็ต้องตัดทิ้งไปเสีย มิสู้ ข้าสงเคราะห์เจ้าดีกว่า!”

ซย่าโหวฉิงเทียนยิ้มกว้าง แสงสว่างวาบจากดาบ ตวัดลงตัดแขนขวาหูซาจนขาด สุดท้ายใช้ดาบแทงลงไปที่แขนที่ขาดวิ่นแล้วโยนให้กับฮันจื่อ

“ฮันจื่อ นี่เนื้อจอมเทวาเชียวนะ เจ้าลองชิมดูสิ ว่ารสชาติจะเหมือนกับเนื้อคนธรรมดาหรือไม่?”

ฮันจื่อดมไปดมมา แล้วส่ายหน้าไปมา ใช้อุ้งมือมันตวัดจนเละ สุดท้ายยังฉี่รดอีกหนึ่งรอบ

เจ้านาย ข้าก็เลือกนะ!

ข้าไม่อยากกินเจ้าเนื้อหมอนี่สักหน่อย!

สกปรกจะตาย!

“ไม่เลว! มีหลักการดี!”

ซย่าโหวฉิงเทียนชื่นชม แล้วทิ้งดาบลงเบื้องหน้าหูซา

“เจ้าเคยถามข้ามิใช่หรือว่า ข้ายังจดจำความรู้สึกเมื่อครั้งที่ข้าต้องไปเป็นตัวประกันที่แคว้นฉินจื้อได้หรือไม่ ข้าเคยบอกแล้ว ว่าข้ามิเคยลืม! ข้ายังจดจำมันได้ตลอด!”

น้ำเสียงซย่าโหวฉิงเทียนชัดถ้อยชัดคำ จุดสีแดงตรงหว่างคิ้วเขาทำให้เขาดูหล่อเหลาราวกับเทพเซียนมาจุติ

หากละเลยการกระทำของเขาเมื่อครู่ล่ะก็ นี่ก็คือชายรูปงามชวนหลงใหล…

“เจ้าวางใจเถอะ ข้ามิฆ่าเจ้าหรอก! ข้าจะส่งเจ้ากลับแคว้นฉินจื้อด้วยตัวเอง!”

“ไม่ ไม่…“

หูซาหวาดกลัวเสียจนใบหน้าซีดขาว เขากุมแผลที่บาดเจ็บเอาไว้ แล้วส่ายหน้าอย่างบ้าคลั่ง

เขายอมตาย ก็มิยอมให้ซย่าโหวฉิงเทียนดูหมิ่นเช่นนี้!

ซย่าโหวฉิงเทียนหรือจะใจดี ส่งเขากลับแคว้นฉินจื้อ

นอกเสียจากว่า…แคว้นต้าโจวยกทัพบุกแคว้นฉินจื้อ

หูซารู้จักฮ่องเต้ององค์ปัจจุบันของแคว้นฉินจื้อดี เขามิใช่ผู้ที่หวนนึกถึงมิตรภาพเก่าก่อน หรือมีคุณธรรมแต่อย่างใด

หากหูซาถูกทำร้ายจนพิการ แล้วยังถูกส่งกลับแคว้นฉินจื้ออีกล่ะก็ เป็นการลบหลู่ดูหมิ่นแคว้นฉินจื้อ ฮ่องเต้มิเพียงพิโรธเท่านั้น จะทรงสังหารหูซาทั้งตระกูลเพื่อระบายความพิโรธอีกด้วย

“เยี่ยนอ๋อง เยี่ยนอ๋อง!”

“เยี่ยนอ๋องช่ วยชีวิตด้วย!”

ตอนนี้หูซานึกถึงเชียนเยี่ยเสวี่ยขึ้นมา เวลานี้เขามิมีทางเลือกอื่น

“เรียกข้าทำไมกัน?”

เชียนเยี่ยเสวี่ยจัดการผู้เฒ่าใหญ่ไปเรียบร้อยแล้ว

วิธีการเขาก็ช่างง่ายดาย อวี้เฟยเยียนให้ผงพิษแก่เขา เขาก็สาดมันออกไป ผู้เฒ่าใหญ่ก็สลบไปทันที

จากนั้นเชียนเยี่ยเสวี่ยและเหล่าผู้เฒ่าหอราชาโอสถก็ช่วยกันมัดผู้เฒ่าใหญ่เอาไว้อย่างแน่นหนา ส่วนศิษย์สำนักหมื่นพิษก็ถูกเชียนเยี่ยเสวี่ยกำจัดไปมากมาย!

“ช่วยข้า…”

หูซาอ้อนวอนขอร้องเชียนเยี่ยเสวี่ย

“ช่วย…”

“เจ้ากำลังฝันไปหรือ ตอนนี้ยังไม่ตื่นอีกหรือ เจ้าจะฆ่าช่าช่า จะฆ่าข้า ตอนนี้มาบอกให้ข้าช่วยเจ้า นี่เจ้าคงจะเลอะเลือนไปแล้วกระมัง! ตอนนี้แคว้นฉินจื้อมิต้องการเจ้าอีกต่อไป!”

คำพูดเชียนเยี่ยเสวี่ย ทำให้หูซาสิ้นหวัง

เขาจะตายไม่ได้!

อย่างน้อย ก็จะมิยอมตายอย่างน่าอดสูเช่นนี้!

หูซายื่นมือซ้ายออกไปคว้าดาบที่อยู่บนพื้น ทันใดนั้นดาบก็ถูกเท้าใครบางคนเตะกระเด็นออกไป

เงยหน้ามอง ผู้ที่อยู่ตรงหน้าก็คือมู่เหนี่ยนซี

“โจรชั่ว ข้าจะฆ่าเจ้า!”

ดวงตาทั้งสองข้างมู่เหนี่ยนซีแดงก่ำ แทบอยากจะกินเนื้อหูซาแล้วดื่มเลือดของมัน

แต่เมื่อครู่ที่นางเห็นวิธีการจัดการหูซาของซย่าโหวฉิงเทียนแล้ว ก็เรียนรู้ได้ว่า ทำอย่างไรให้มันตายทั้งเป็น

นางหยิบดาบขึ้นมา ค่อยๆ แล่เนื้อบริเวณขาของหูซาออกมาทีละชิ้นทีละชิ้น

น้ำหนักดาบมู่เหนี่ยนซีนั้นยอดเยี่ยม เนื้อทุกแผ่นเท่ากัน ไม่นานร่างหูซาก็เต็มไปด้วยแผล เลือดสีแดงสดไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง

“ท่านป้าสาม ทำได้ดีมาก! แต่ว่าท่านลืมอีกคนหนึ่งไป!”

เชียนเยี่ยเสวี่ยลากเลี่ยเชวียที่ถูกมัดไว้เข้ามา แล้วโยนไปรวมกับหูซา

“มันสองคนนี้ ปล่อยไปไม่ได้สักคน!”

เชียนเยี่ยเสวี่ยก็เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง จึงเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกมู่เหนี่ยนซีดี

ถึงแม้ว่าเวลานี้สังคมจะเปิดกว้าง แต่หากว่าหญิงใดสูญเสียความบริสุทธิ์ ยังถือเป็นเรื่องที่ไม่ดีงามเป็นอย่างยิ่ง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นประสบการณ์ที่หดหู่เลวร้าย ก็จะนำมาซึ่งเงามืดในจิตใจที่แสนสาหัสให้กับสตรีผู้นั้น ดังนั้น มันทั้งสองคนจะต้องให้มู่เหนี่ยนซีเป็นผู้จัดการด้วยตัวของนางเอง

“อย่าฆ่าข้า เขาขอผงหอมจากข้าเท่านั้น เรื่องนี้มิเกี่ยวอะไรกับข้าเลย!”

เลี่ยเชวียในตอนนี้ไม่เหลือเค้าวางอำนาจบาตรใหญ่อีกแล้ว เขานอนคว่ำบนพื้นแล้วโขกศีรษะไม่หยุด

“คุณหนู ไว้ชีวิตข้าเถอะ ข้ายินยอมทำทุอย่างเพื่อท่าน! นายหญิง บรรพบุรุษของผู้น้อย! ข้าขอร้องละ!”

คำพูดเลี่ยเชวียมิอาจทำให้มู่เหนี่ยนซีใจอ่อนได้

เพราะอวี้เฟยเยียน ทำให้แผนการของหูซาและเลี่ยเชวียมิสำเร็จ

หากไม่มีอวี้เฟยเยียน วันนี้นางคงต้องกลายเป็นผู้ถูกกระทำ คนที่ร้องไห้น้ำตานองหน้าก็คือนาง!

เผชิญหน้ากับศัตรูห้ามใจอ่อนเด็ดขาด!

มู่เหนี่ยนซีมือขวาจับดาบตวัดลงไปจนเป็นแผลที่ร่างของเลี่ยเชวียและหูซาอย่างรวดเร็ว นางทำเช่นนี้ อารมณ์นางก็ยิ่งแปรปรวนอย่างรุนแรง สุดท้ายหงายหลังล้มตึงลงไป

“เหนี่ยนซี!”

อวี้เชียนเสวี่ยวิ่งมาจากด้านหลังรับร่างมู่เหนี่ยนซีเอาไว้ ส่วนอวี้เฟยเยียนก็รีบเดินเข้ามาจับชีพจรตรวจอาการของนาง

“กลับไป ข้าจะจ่ายยาชุดหนึ่งช่วยให้เลือดลมไหลเวียนสะดวก ให้ความอึดอัดในใจของนางได้ปลดปล่อยออกมา ไม่เป็นอันใดแล้ว!”

อวี้เฟยเยียนนึกไม่ถึงเลยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานจะกระทบกระเทือนจิตใจมู่เหนี่ยนซีมากถึงเพียงนี้ นางจะต้องเก็ดกดความอัดอั้นตันใจและความเจ็บปวดเอาไว้มิมีทางระบายออกมา ดังนั้นจึงเป็นเช่นนี้

“ลุงสาม ท่านวางใจเถอะ!”

ถึงแม้ว่าจะมีการรับรองจากอวี้เฟยเยียน อวี้เชียนเสวี่ยก็ยังคงไม่วางใจ

ในสายตาเขา มู่เหนี่ยนซีเป็นคนที่ร่าเริงสดใสเปิดกว้างตรงไปตรงมา ใครจะรู้ว่านางจะคิดไม่ตกถึงเพียงนี้ เด็กโง่คนหนึ่งจริงๆ!

จนกระทั่งมู่เหนี่ยนซีตื่นขึ้น เมื่อนางเห็นสายตาห่วงใยของอวี้เชียนเสวี่ยที่จ้องมองมา นางก็ร้อง ‘ฮึก’ ออกมาคำหนึ่ง แล้วโผเข้าหาอวี้เชียนเสวี่ยร้องไห้ออกมาอย่างหนัก

“ไม่ต้องกลัวนะ! เหนี่ยนซี มีข้าอยู่ ข้าจะปกป้องเจ้า!”

เมื่อได้ยินคำพูดนั้น มู่เหนี่ยนซีกลับรีบปล่อยมือ แล้วค่อยๆ ผละออกจากอ้อมกอดของอวี้เชียนเสวี่ยด้วยความขลาดกลัว

“เป็นอะไรไป”

ร่างอบอุ่นในอ้อมอกเมื่อครู่ผละออกไปอย่างรวดเร็ว อวี้เชียนเสวี่ยไม่คุ้นชินเลย

“ข้าไม่เป็นไร ข้าจะเข้มแข็งให้ได้ ขอโทษนะ ที่ทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วง!”

มู่เหนี่ยนซีปาดน้ำตา เตรียมจะลุกขึ้นแต่ก็ถูกอวี้เชียนเสวี่ยดึงแขนเอาไว้

“เหนี่ยนซี ความอัดอั้นตันอะไรอย่าเก็บเอาไว้ในใจ! บอกข้า ข้าจะช่วยเจ้าคลายความกลัดกลุ้มใจเอง”

คำพูดของอวี้เชียนเสวี่ย ทำให้มู่เหนี่ยนซีแน่นจมูก ตาร้อนผ่าวน้ำตาไหลออกมา

“ไม่ต้อง! ท่านพูดถูก สถานะพวกเราแตกต่างกัน ท่านเป็นทหาร ข้าเป็นโจร เมื่อก่อนเป็นข้าที่คิดมากไปเอง คาดหวังมากเกินไป ข้าคิดมิถึงว่า โลกภายนอกมันจะโหดร้ายถึงเพียงนี้! รอให้งานประลองปรุงโอสถเสร็จสิ้น ข้าก็จะกลับทะเลหมอก อยู่กับครอบครัวดีที่สุด…”

จู่ๆ มู่เหนี่ยนซีก็บอกว่าจะจากไป อวี้เชียนเสวี่ยราวกับถูกมีดกรีดลงกลางใจ

เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้

มิใช่ว่าขีดเส้นแบ่งระหว่างเขากับนางแล้วหรือ

เหตุใดเมื่อวันนี้มาถึงจริงๆ หัวใจของเขาถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้

เมื่อเห็นอวี้เชียนเสวี่ยอึ้งเงียบไป มู่เหนี่ยนซีก็ลุกขึ้น หันกายเดินออกไป โดยมิรู้ว่าอวี้เชียนเสวี่ยตามมา และเข้าโอบกอดนางจากทางด้านหลัง

“เหนี่ยนซี อย่าไป!”

อวี้เชียนเสวี่ยกล่าวแต่ละคำออกมาด้วยความยากลำบาก

“อย่าจากข้าไป เหนี่ยนซี!”

ในที่สุดอวี้เชียนเสวี่ยก็เข้าใจเสียทีว่า เจ็บปวดใจคืออะไร นางคือส่วนหนึ่งของเขา ที่เขาตามหาด้วยความยากลำบาก ดังนั้นถึงได้เจ็บปวด ถึงได้ทรมาน เมื่อเห็นนางต้องเสียน้ำตา หัวใจเขาราวกับถูกมีดกรีด

“เสวี่ย ท่านรู้หรือไม่ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่”

ร่างมู่เหนี่ยนซีสั่นเทา