ตอนที่ 79-4 ประจักษ์พยานของปาฏิหาริย์

จำนนรักชายาตัวร้าย

“ที่แท้ก็คือเจ้า!”

เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า หูซาก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก เขากลับไปในเมืองเพื่อค้นหาอีกหลายวันเพียงเพื่อต้องการตามหาผู้ที่สำเร็จขั้นจอมเทวา

คิดไม่ถึงว่า คนคนนั้นจะเป็นอวี้เฟยเยียน!

ร้ายกาจ!

ตอนนี้หูซาเสียใจยิ่งนัก

เมื่อครั้งอยู่ที่ด้านหน้าหอราชาโอสถ เขาน่าจะตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม ฆ่าอวี้เฟยเยียนเสีย

มิฉะนั้น ก็คงไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงดังเช่นวันนี้!

น่าเสียดายยิ่งนัก!

“หูซา เจ้าอยากตายแบบไหนกัน?”

ผงละเอียดสีชมพูในมือของอวี้เฟยเยียน ดูสวยงาม แต่ความรู้สึกของหูซากำลังบอกว่า นั่นคือยาพิษ

“อวี้หลัวช่า เจ้าคือจอมเทวา ฉะนั้นพวกเราจึงควรใช้วรยุทธ์มาประลองเพื่อตัดสินแพ้ชนะ!”

หูซาถอยร่นไปด้านหลังสองสามก้าวพร้อมทั้งกลืนน้ำลายลงคออย่างตื่นตระหนก

ครั้งนี้เขาคาดการณ์ผิดไปจริงๆ!

คิดไม่ถึงเลยว่า อวี้เฟยเยียนจะเป็นจอมเทวาด้วย!

นางสามารถแก้พิษของสำนักหมื่นพิษได้ เช่นนั้นจะต้องเป็นยอดฝีมือพิษอย่างแน่นอน!

พูดคุยหลักเหตุผลกับจอมเทวาที่เป็นจักรพรรดิโอสถ อีกฝ่ายย่อมสามารถทำให้เขาไร้ซึ่งเหตุผลใดๆ ในการตอบโต้

“โอ้ มาตอนนี้เจ้ามาพูดเรื่องวรยุทธ์กับข้างั้นหรือ ใครกันที่บอกข้าว่าจะใช้สถานะจอมเทวาประลองกับข้ากัน ข้าคือจักรพรรดิโอสถก็ต้องใช้วิธีการเช่นเดียวกับนักปรุงโอสถในการประลองกับเจ้าน่ะสิ!”

อวี้เฟยเยียนมิอยากตอแยกับหูซาให้มากความ

เมื่อครู่ช่วยชีวิตเด็กทั้งห้าคน นางก็ใช้พลังไปไม่น้อย ครั้งนี้อยากจะจบมันให้เร็วที่สุด

เมื่อคิดได้ดังนั้น อวี้เฟยเยียนก็สาดผงพิษสีชมพูออกไป หูซาตกใจแล้วก้าวเท้าวิ่งหนีไปทันที

“อวี้หลัวช่า เจ้ามันต่ำช้า!”

หูซา เจ้ากำลังทดสอบอำนาจของจักรพรรดิโอสถงั้นหรือ

อวี้เฟยเยียนยิ้มออกมา แล้วสาดผงพิษออกไปอีกครั้ง ในตัวนางราวกับมีผงพิษไปทั่วร่าง หยิบได้ไม่หมด ใช้ได้ไร้สิ้นสุด

หูซาวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว อวี้เฟยเยียนไล่ตามหลังเขามาเป็นระยะไม่ชักช้าและไม่รีบร้อน

แม้ว่านางจะไล่ตามอย่างไม่ช้าไม่เร็วก็ตาม แต่ในท้ายที่สุดอวี้เฟยเยียนก็รักษาระยะห่างจากหูซาอยู่ที่ห้าเมตร ไม่ว่าหูซาจะวิ่งเร็วเท่าใดก็ตาม อวี้เฟยเยียนก็ตามอยู่เบื้องหลังของเขาห้าเมตร แรงกดดันที่มิเคยมีมาก่อนสร้างแรงกดดันทางจิตใจให้กับหูซาเป็นอย่างมาก

“เจ้ารีบวิ่งสิ! รีบวิ่งเร็วๆสิ!”

“ใช่แล้ว ข้าลืมบอกเจ้าไว้อย่างหนึ่ง ตอนนี้ลมใต้กำลังพัดไปยังทิศทางที่เจ้าวิ่งไปอยู่นะ!”

อวี้เฟยเยียนฉีกยิ้มเริงร่าแล้วแบมือออก ผงสีชมพูปลิวไสวไปตามแรงลม ตรงไปยังทิศทางที่หูซาอยู่

“อวี้หลัวช่า เจ้ามันโหดเ**้ยม!”

หูซาจ้องมองอวี้เฟยเยียนด้วยสายตาแค้นเคือง ท้ายที่สุดก็กัดฟัน มองไปยังกลุ่มผู้บริสุทธิ์

“อวี้หลัวช่า ในเมื่อพวกมันเทิดทูนบูชาเจ้านัก แล้วเจ้าก็อยากให้ข้าตาย เช่นนั้นข้าก็จะให้คนพวกนี้เป็นเกราะกำบังให้กับข้า!”

“ข้าจะดูซิว่า หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ชื่อเสียงเจ้าจะยังดีอยู่หรือไม่!”

“ต่อให้เจ้ามิได้ฆ่าพวกมัน แต่พวกมันก็ตายเพราะเจ้า”

“เรื่องนี้อย่างไรเจ้าก็ปัดความรับผิดชอบไปไม่พ้น!”

เมื่อเห็นว่าหูซาพุ่งตัวเข้าไปที่ที่มีคนหมู่มากอยู่ อวี้เฟยเยียนก็ชี้นิ้วไปที่ซย่าโหวฉิงเทียนกล่าวว่า

“เฮ้! ท่านจะนั่งดูเฉยๆเช่นนี้ถึงเมื่อไหร่กัน!”

นี่เป็นครั้งแรกที่อวี้เฟยเยียนเอ่ยปากกับซย่าโหวฉิงเทียน ถึงแม้ว่าคำพูดของนางจะไม่มีมารยาทเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังเจือไว้ด้วยน้ำเสียงต่อว่าต่อขาน แต่ซย่าโหวฉิงเทียนได้ฟังแล้วก็สุขใจอย่างบอกไม่ถูก

“แมวน้อย ในที่สุดเจ้าก็คิดถึงพี่ สุดท้ายเจ้าก็รู้เสียทีว่าพี่คือที่พึ่งของเจ้า!”

“ครั้งนี้ถือว่าทำได้ดี มีความก้าวหน้า!”

รอบกายของซย่าโหวฉิงเทียนเต็มไปด้วยสีชมพู แม้แต่ฮันจื่อยังรับรู้ได้ถึงความสุขเจ้านาย

“สวรรค์!”

ฮันจื่อเหลือบมองไปที่ลานประลอง ทุกคนต่อสู้กันจนเละเทะไปหมด

ที่แท้แล้วนายท่านก็ชอบให้แม่นางน้อยเรียกใช้นั่นเอง

“นี่มัน…ชอบความรุนแรงใช่หรือไม่?”

ฮันจื่อยังมิทันคิดเสร็จ ซย่าโหวฉิงเทียนก็ยกเท้าขึ้นมาแตะฮันจื่อจนกระเด็นออกไป

“เจ้านาย เหตุใดท่านถึงทำร้ายผู้น้อยเช่นนี้!”

“ทำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!”

“แล้วเหตุใดคนที่เจ็บตัวจะต้องเป็นข้าน้อยทุกครั้งไป!”

ก้นน้อยๆ ของข้า…

ฮันจื่อที่ลอยกระเด็นออกมาร้องไห้คร่ำครวญกลางอากาศ เมื่อเหลือบเห็นหูซาที่กำลังโกรธเกรี้ยวดุดันเข้า ความโกรธฮันจื่อก็ปะทุออกมา

ต้องโทษเจ้า เจ้าคนชั่ว!

เดิมทีข้าอยู่ของข้าสบายๆ ตอนนี้กลับต้องถูกนายท่านเตะเอา!

ข้าจะต้องแก้แค้น!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฮันจื่อก็ตวัดกรงเล็บอวบๆออกไป เฉกเช่นตบยุงอย่างไรอย่างนั้น ฟาดถูกหูซาร่วงลงที่พื้น

บรู๊ว…

เมื่อทำสำเร็จ ฮันจื่อก็คำรามออกมา เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทำเอาผู้คนตกอกตกใจจนต้องยกมือขึ้นปิดหูไปตามๆกัน นี่มันตัวอะไรกัน? ดูแล้วคล้ายกับสุนัขตัวหนึ่ง แต่ว่าสุนัขที่ไหนจะรูปร่างกำยำใหญ่โตถึงเพียงนี้?

เมื่อคิดกลับไปอีกครั้ง เมื่อครู่เจ้าหมานั้นอยู่กับซย่าโหวฉิงเทียน คลับคล้ายคับคลาว่าเป็นสัตว์เลี้ยงของเขา

ดังนั้นผู้คนมากมายจึงเริ่มคร่ำครวญขึ้นมา

สุนัขที่ดุร้ายเช่นนี้!

นิสัยเจ้านายของมัน ลามไปถึงสุนัขของเขาจริงๆด้วย

ซย่าโหวฉิงเทียนดุดันโหดร้าย สุนัขที่เขาเลี้ยงก็ดุร้ายเช่นเดียวกัน น่าหวาดกลัวจริงๆ

“ฝั่งตรงข้ามเป็นถึงจอมเทวานะสิ”

“จอมเทวาเลยนะ!”

“สุนัขเพียงตัวเดียวก็ตวัดจอมเทวากระเด็นไปไกลอย่างง่ายดาย แล้วนายของมันจะโหดร้ายเพียงใดกัน!”

ฮันจื่อหารู้ไม่ว่าการปรากฏตัวของตน ส่งผลกระทบต่อตำแหน่งของซย่าโหวฉิงเทียนภายในจิตใจของผู้คน

มันเดินเข้าไปหาอวี้เฟยเยียนอย่างภาคภูมิใจ แล้วใช้ศีรษะคลอเคลียนาง

แม่นางน้อย ฝีมือของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?

“ฮันจื่อเยี่ยมไปเลย!”

บรู๊ว…

ได้รับคำชื่นชมจากอวี้เฟยเยียนฮันจื่อก็ยิ่งได้ใจ ขูดข่วนลับอุ้งมือกับพื้นอีกหลายต่อหลายครั้ง สุดท้ายก็พยายามหยัดยืนขึ้น คำรามเสียงดังสนั่น

หูซาถูกโจมตีจนกระเด็นตกลงที่พื้น เขาแทบมิเชื่อเลยว่า ตนเองจะพ่ายแพ้ภายใต้กรงเล็บของสุนัขตัวหนึ่ง

นี่คือการเหยียดหยาม!

การเหยียดหยามครั้งยิ่งใหญ่!

หูซากระอักเลือดออกมาอีกสองครั้ง หูซามองดูอวี้เฟยเยียนและฮันจื่อด้วยสายตาอย่างไม่ยอมจำนน

จะยอมแพ้เช่นนี้มิได้ ยอมมิได้!

หูซาเดินพลังเสวียนทั้งหมดที่มีทั่วร่าง ตวัดกระบี่พุ่งตรงไปยังตำแหน่งหัวใจบนแผ่นหลังอวี้เฟยเยียน

เพล้งงง

ยังมิทันที่คมกระบี่จะถึงตัวอวี้เฟยเยียน ร่างในชุดสีม่วงเข้มก็ปรากฏตัว ซย่าโหวฉิงเทียนตวัดเท้ากลับหลังเสยปลายคางของหูซาเข้าอย่างจัง

“กร๊อบ”

เสียงกระดูกกรามล่างหูซาแตกละเอียด นอนกองอยู่บนพื้น สองมือกุมที่ปลายคางตน ร่างสั่นเทา

“ข้าเกลียดคนที่ใช้วิธีการต่ำๆ ลอบโจมตีผู้อื่นที่สุด! เมื่อครูเจ้าทำผิดไปครั้งหนึ่งแล้ว นี่เป็นครั้งที่สอง!”

ชุดสีม่วงของซย่าโหวฉิงเทียนปลิวไสว ลวดลายดอกยวนเหว่ยบนเสื้อผ้าล่องลอยดุจมีชีวิตท่ามกลางสายลม เขาก้าวเข้าไปหาหูซา ท่วงท่าสง่างาม บังคับให้หูซาถอยร่นไปด้านหลังอย่างต่อเนื่อง

“เจ้าจะทำอะไร”

หูซาเริ่มพูดจาติดขัด มิอาจปกปิดความกลัวในจิตใจเขาได้

เขาเป็นถึงจอมเทวา แต่อีกฝ่ายเป็นเพียงแค่อ๋องคนหนึ่งเท่านั้น เขามิควรหวาดกลัวซย่าโหวฉิงเทียนสิ!

ถึงแม้หูซาจะเข้าใจเหตุผลดี ทว่ามิรู้เพราะเหตุใด เขากลับรู้สึกว่าซย่าโหวฉิงเทียนในตอนนี้น่าหวาดกลัวยิ่งนัก…ราวกับยมทูตที่คอยควบคุมดวงวิญญาณในนรก!