ตอนที่ 79-3 ประจักษ์พยานของปาฏิหาริย์

จำนนรักชายาตัวร้าย

ประจักษ์พยานของปาฏิหาริย์

แม้ความตายมาอยู่ตรงหน้า แต่ผู้เฒ่าใหญ่ก็ยังมิหยุดที่จะใส่ร้ายอวี้เฟยเยียน

“หากว่าอวี้หลัวช่าบริสุทธิ์ใจจริงๆ เช่นนั้นก็ให้ข้าค้นที่อยู่ของนาง เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจของตนเอง”

สิ่งที่ผู้เฒ่าใหญ่กล่าวออกมา ทำให้อวี้เฟยเยียนยิ่งยิ้มกว้าง

“น่าขำ!”

“ที่พักที่นี่ท่านเป็นผู้จัดการ หากมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ก็เป็นคนของท่านนั่นแหละที่ยัดมันเข้าไป เจตนาให้ข้าติดกับ”

“อีกอย่าง ท่านเอาแต่บอกว่าหมอเทวดาฮั่วสังหารเจ้าสำนักหลิน ท่านดูสิ แล้วเหตุใดพวกเขาถึงได้ยืนอยู่ตงนั้นอย่างปลอดภัยเล่า?”

อวี้เฟยเยียนชี้ไม้ชี้มือไป มิเพียงแต่เจ้าสำนักหลินและหมอเทวดาฮั่วเท่านั้น ผู้เฒ่าคนอื่นๆ ก็เข้ามาอยู่ในลานประลองเช่นกัน

“เกิดอะไรขึ้น?”

“ไหนบอกว่าเจ้าสำนักหลินตายแล้วมิใช่หรือ?”

“ดูแล้ว ผู้เฒ่าใหญ่นี้แอบอ้างมาเป็นแน่!”

เสียงถกเถียงดังไปทั่วลานประลอง

ผู้เฒ่าใหญ่มองดูเจ้าสำนักหลินและผู้เฒ่าเจ็ดที่ฟื้นขึ้นมาจากความตาย ยังมีหมอเทวดาฮั่วที่ปลอดภัยไร้อาการบาดเจ็บ และผู้เฒ่าคนอื่นๆก็ตระหนกตกใจจนทนไม่ไหว

“แท้ที่จริงแล้วเจ้าไม่ใช่ผู้เฒ่าใหญ่ของพวกเรา อีกทั้งยังเป็นทูตแห่งสำนักหมื่นพิษ!”

เมื่อเจ้าสำนักหลินกล่าวจบทุกคนต่างพากันลุกขึ้น

“จริงหรือนี่”

“หมอนี่คือคนของสำนักหมื่นพิษจริงๆ!”

“สำนักหมื่นพิษช่างไร้ยางอายยิ่งนัก ปลอมตัวมาแอบอ้างเป็นผู้เฒ่าใหญ่ ทั้งยังใส่ร้ายอวี้หลัวช่า เรื่องนี้จะต้องมีแผนการร้ายที่มิอาจบอกใครเป็นแน่!”

เชียนเยี่ยเสวี่ยกล่าวออกมา ซึ่งเป็นคำพูดในใจของใครหลายคน

“เจ้าต่างหากที่เป็นตัวปลอม เจ้าสำนักตายไปแล้ว…”

ผู้เฒ่าใหญ่อึกๆ อักๆ

“ทูตซ้าย เจ้าก็ไม่ต้องกลับกลอกอีกต่อไปแล้ว!”

ผู้เฒ่าเจ็ดเหินทะยานขึ้นมาด้านหน้า แล้วกระชากหน้ากากผู้เฒ่าใหญ่ออก

เมื่อเห็นใบหน้าของทูตขวาเป็นหลุมเป็นบ่อไม่เรียบสม่ำเสมอเข้า มู่เหนี่ยนซีถึงกับหัวเราะออกมา

ที่แท้ก็คนอัปลักษณ์นั่นเอง! ถึงว่าข้าถึงได้รู้สึกทะแม่งๆ ที่แท้ก็ใส่หน้ากากหนังมนุษย์นี่เอง คงเป็นเพราะตนเองหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่เกินไป ถึงต้องใช่วิธีนี้เพื่อที่จะปกปิดใบหน้าตนเองเอาไว้!

ผมยาวสีน้ำไหม้ของมู่เหนี่ยนซีโดดเด่นท่ามกลางผู้คน

“ในเมื่อความจริงกระจ่างแล้ว ยังจะมาเสียเวลากับเจ้านี่อีกทำไมกัน!”

วินาทีนั้น มู่เหนี่ยนซีก็ชักกระบี่ออกมาแล้วกระโดดพุ่งขึ้นไปบนเวทีด้วยท่วงท่าสง่างาม

เมื่อมู่เหนียนเริ่ม เชียนเยี่ยเสวี่ย เซวียเฉียงต่างก็กระโดดตามขึ้น มีเพียงเซวียจื่ออี๋ที่วรยุทธ์ยังไม่เข้าขั้นรับผิดชอบดูแลเด็กๆที่เพิ่งถูกช่วยชีวิตเอาไว้อยู่ด้านล่าง

“ช่าช่า ลงมือเถอะ!”

ส่วนเชียนเยี่ยเสวี่ยก็เป็นพวกเน้นปฏิบัติอยู่แล้ว กล่าวจบ ก็โจมตีผู้เฒ่าใหญ่ที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดก่อน ส่วนมู่เหนี่ยนซีเลือกจัดการเลี่ยเชวีย

ถึงแม้ว่ามู่เหนี่ยนซีอยากที่จะจัดการหูซาด้วยมือของนางเอง แต่เขาเป็นถึงจอมเทวา มู่เหนี่ยนซีรู้ดีว่านางยังห่างชั้นกับเขาอีกไกล หากทะเล่อทะล่าออกมา ก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มความวุ่นวายให้กับทุกคนเสียมากกว่า

ดังนั้นมู่เหนี่ยนซีเลือกจัดการเลี่ยเชวีย เพื่อนร่วมขบวนการของหูซาแทน

เมื่อมีคนนำร่องถึงสองคน ผู้เฒ่าคนอื่นๆของหอราชาโอสถก็เริ่มเคลื่อนไหวบ้าง

เหล่านักปรุงยาและศิษย์ต้องพยายามอพยพแขกเหรื่อที่มาร่วมงานไปพลาง ต่อสู้กับศิษย์ของสำนักหมื่นพิษไปพลาง

หูซามองเหตุการณ์วุ่นวายตรงหน้า ก็ชักกระบี่เข้าร่วมวงด้วยทันที โดยเลือกโจมตีอวี้เฟยเยียน

“เหอะ…วิถีสุนัข”

ซย่าโหวฉิงเทียนนั่งมองเหตุการณ์บนเวทีประลองนิ่ง ไม่ขยับเขยื้อน ตอนนี้ยังมิถึงเวลาที่เขาจะลงมือ อวี้เฟยเยียนอดทนอดกลั้นมานานต้องการระบายออก หูซาดันมาโจมตีอวี้เฟยเยียนตอนนี้ มิกลายเป็นกระสอบทรายระบายอารมณ์หรอกหรือ!

แมวน้อย ให้หมอนี่เป็นที่รองมือรองเท้าเจ้าคนที่สองเถอะ!

ขอให้เจ้าเล่นให้สนุกนะ!

“ใต้เท้าหลัวช่าระวัง!”

“ไร้ยางอาย นี่ถึงขนาดลอบโจมตี!”

ผู้คนที่เดิมทีกำลังจะหลบหลีกไปจากสถานการณ์วุ่นวายนี้ ทว่าเมื่อเห็นหูซาที่ลอบโจมตีมู่เหนี่ยนซีจากทางด้านหลังแล้ว ก็หันมาตะโกนด่าทอเขาไปตามๆ กัน

คำด่ามากมายพรั่งพรูออกมา ล้วนแต่ตำหนิว่ากล่าวหูซาหน้าไม่อาย ลอบโจมตีผู้อื่น มิคู่ควรเป็นจอมเทวา

ทว่า สิ่งที่ทุกคนกังวลก็มิได้แปรเปลี่ยนเป็นความจริง ซึ่งราวกับว่าอวี้เฟยเยียนคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าหูซาจะต้องใช้ไม้นี้ จึงกระโดดทะยานขึ้นไปบนฟ้าโดยมิรอให้ดาบของเขามาถึงตัว

“โจรชั่วหูซา นายแม่รอเจ้าอยู่ข้างบนนี้!”

อวี้เฟยเยียนมิสนใจใดๆ อีกแล้ว นางใช้คำเรียกตนเองว่า ‘นายแม่’ กับหูซาทำให้หูโกรธเกรี้ยวจนกัดฟันกรอด

“นังเด็กเมื่อวานซืน รอก่อนเถอะ!”

หูซาเหาะทะยานขึ้นตามไป แล้วชักกระบี่ออกมา

เขาเหลือบมองดู ในมืออวี้เฟยเยียนถือพู่กันชำระความเป็นอาวุธ เหมือนกับเสียงที่เขาเล่าลือกันไม่ผิดเพี้ยน

“ใต้เท้าหลัว ฆ่าไอ้โจรหน้าไม่อายนั่นให้จงได้!”

ผู้ที่อยู่ด้านล่างต่างก็ตะโกนกู่ร้องให้กำลังใจอวี้เฟยเยียน

“ใช่! ฆ่ามัน!”

เสียงสนับสนุนดังก้อง เมื่อหูซาได้ยินก็หัวเราะออกมา

“พวกเจ้ามันพวกหน้าโง่ โง่เง่าจริงๆ นางเป็นเพียงแค่ขั้นราชัน ข้าเป็นถึงจอมเทวาแล้ว! ขั้นราชันกำจัดจอมเทวา นี่พวกเจ้ากำลังฝันเฟื่องอยู่หรืออย่างไรเล่า เจ้าพวกโง่!”

ผู้คนที่สนับสนุนให้กำลังใจอวี้เฟยเยียนต่างก็ถูกหูซาด่าทอโดยทั่วกัน

ทันใดนั้นก็มีผู้ที่ไม่ยอมรับ ร้องขึ้น

“ใต้เท้าหลัวช่าเป็นถึงจักรพรรดิโอสถแล้ว ยังจะมีอะไรไม่ได้อีก! ถึงแม้ว่าใต้เท้าหลัวช่าอายุยังน้อย แต่นางก็ไม่ด้อยกว่าใต้เท้าอวี้แห่งอาณาจักรต้าโจวเป็นแน่!”

“ใช่! สิ่งที่ใต้เท้าอวี้ทำได้! ใต้เท้าหลัวช่าย่อมทำได้เช่นกัน!”

“ใต้เท้าหลัวช่า สู้ๆ พวกเราสนับสนุนท่าน!”

ว่าไม่ได้ พลังแห่งวีรสตรีนั้นไร้ที่สิ้นสุดจริงๆ

ทุกคนต่างพากันยกย่องอวี้เฟยเยียนว่าเป็นร่างผู้ทรงคุณธรรม อย่างไรก็มิเชื่อว่าวีรสตรีของตนเองจะพ่ายแพ้ ผู้คนที่เดิมจะตั้งจะหลีกหนีไปก็หยุดอยู่ที่นี เพื่อคอยสนับสนุนอวี้เฟยเยียนอยู่เบื้องหลัง

มิใช่ว่าทุกคนจะมีพรสวรรค์ที่เก่งกาจเช่นนี้ และไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสที่ดีๆ เช่นกัน!

ทว่าหูซากลับมิสนใจในสิ่งที่พวกเขาพูด

“วันนี้ข้าจะฆ่าอวี้หลัวช่าต่อหน้าพวกเจ้าเอง!”

“ข้าจะทำให้พวกเจ้าได้รู้ว่า ที่นี่เป็นที่ที่ ใช้พลังพูดจา มิใช่ที่ร้องตะโกนแหกปาก ก็สำเร็จได้!”

หากก่อนหน้านี้ ความคิดที่หูซาอยากจะฆ่าอวี้เฟยเยียนมีเพียงเจ็ดส่วนล่ะก็ เมื่อเขาเห็นวิชาแพทย์ที่สูงส่งของอวี้เฟยเยียนซึ่งอยู่เหนือหอราชาโอสถและสำนักหมื่นพิษแล้ว ความคิดที่อยากจะฆ่าอวี้เฟยเยียนจึงแปรเปลี่ยนเป็นสิบส่วนไปทันที

เด็กสาวที่อายุยังน้อย ประสบความสำเร็จถึงเพียงนี้ อนาคตนางจะต้องเติบโตอีกมากเป็นแน่ ความสำเร็จจะต้องอยู่เหนือเขามากอีกด้วย

สำหรับผู้ที่จะเป็นภัยต่อตำแหน่งเขา หูซาล้วนแค้นเคืองทั้งสิ้น

ยิ่งกว่านั้นอวี้เฟยเยียนโอหัง ทั้งยังมีอิทธิพลในหมู่ประชาชนมากเช่นนี้

ยิ่งทำให้หูซาหวั่นวิตก เกรงว่าสักวันหนึ่งจะถูกอวี้เฟยเยียนมาแทนที่

เขาจะยอมได้อย่างไร!

เขามิยอมให้เรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นเด็ดขาด!

ฉวยโอกาสตอนนางยังไม่เติบโตขึ้นมากำจัดนางเสีย!

ถอนรากถอนโคน! ขุดบัวอย่าให้เหลือใย!

แววตาที่ต้องกำจัดนางให้พ้นทางของหูซา มีหรือที่อวี้เฟยเยียนจะไม่เข้าใจ

จะฆ่าข้า?

นี่หมอนั่นกำลังสะกดจิตตัวเองอยู่หรือ

“โจรชั่วหูซา ใครบอกเจ้า ว่าข้าคือขั้นราชันกัน?”

อวี้เฟยเยียนกางมือทั้งสองข้างออก ลำแสงสีทองปรากฏขึ้น

“ใต้เท้าหลัวช่าคือจอมเทวา!”

“สวรรค์ จอมเทวาที่สำเร็จขั้นก่อนหน้านี้ที่แท้แล้วคือใต้เท้าหลัวช่าหรือนี่!”

“หัวใจข้าจะวาย! ใต้เท้าอวี้หลัวช่าสองสามวันก่อนยังเป็นขั้นราชันอยู่มิใช่หรือ ไม่กี่วันก็สำเร็จขั้นเป็นจอมเทวาแล้วหรือนี่ นี่ถึงกับสำเร็จข้ามขั้น ข้าไม่ไหวแล้ว ข้าจะเป็นลม!”

เสียงโห่ร้องยินดีกึกก้องถึงขั้นสุด อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

เพราะว่า พวกเขาได้พบเห็นปาฏิหาริย์!

“จอมเทวาที่อายุยังน้อยเช่นนี้! ทั้งยังเป็นจักรพรรดิโอสถอีกด้วย!”

“บนแผ่นดินนี้มิเคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน”

สาวน้อยผู้นี้ถูกสลักไว้บนหน้าประวัติศาสตร์ เรื่องราววันนี้ ก็จะถูกบันทึกเอาไว้เช่นกัน!