ตอนที่ 79-2 ประจักษ์พยานของปาฏิหาริย์

จำนนรักชายาตัวร้าย

ประจักษ์พยานของปาฏิหาริย์

ทว่า ผลลัพธ์กลับทำให้คนทั้งสองตกตะลึง

เด็กทั้งห้าคนมิเพียงแต่ไม่เป็นไร กลับกันสีหน้าพวกเขาค่อยๆ ดีขึ้น แม้แต่ธาตุพิษที่บริเวณนิ้วหัวแม่มือนิ้วหัวแม่เท้าของพวกเขาก็ค่อยเจือจางลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็ถูกงูนั้นดูออกไปจนหมด

“ลำบากพวกเจ้าแล้ว!”

จวบจนกระทั่งจำนวนธาตุพิษบริเวณนิ้วหัวแม่โป้งเท้ามีจำนวนน้อยกว่าที่งูน้อยดูดออกไปแล้ว อวี้เฟยเยียนจึงหยิบงูเหล่านั้นใส่เข้าไปในย่ามดังเดิม

หลังจากนั้น อวี้เฟยเยียนจึงป้อนยาแก้พิษให้กับเด็กๆ เพื่อกำจัดพิษร้ายที่หลงเหลือในร่างกายออกไปให้หมด ขณะเดียวกันก็เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างร่างกาย เพิ่มพูนความแข็งแรงอีกด้วย

รอจนอวี้เฟยเยียนทำแผลที่นิ้วมือและนิ้วเท้าของเด็กทั้งห้าเรียบร้อย ภารกิจนางก็สำเร็จลุล่วง

รอไม่นาน เด็กคนแรกก็ฟื้นขึ้น

อีกเพียงครู่ เด็กที่เหลือก็ทยอยฟื้นขึ้น

“ดีจังเลย! นางชนะแล้ว!”

หมอเทวดาฮั่วตื่นเต้นดีใจเป็นอันมาก

ความวิตกกังวลเมื่อครู่มลายหายไปหมดสิ้น กลายเป็นความปลื้มปีติยินดีเข้ามาแทนที่

“ชนะแล้ว!”

“ชนะแล้ว!”

“อวี้หลัวช่ายอดเยี่ยมที่สุดเลย!”

“ใต้เท้าอวี้หลัวช่าเกรียงไกร!”

ทั่วทั้งลานประลองตะโกนโห่ร้องด้วยความยินดี ผู้คนต่างตะโกนเรียกขานชื่อของอวี้เฟยเยียน ทุกคนยืนขึ้นปรบมือให้กำลังใจชื่นชม ในดวงตาผู้คนเหล่านั้นฉายแสงแห่งความเคารพนับถือลุกโชนขึ้นมา

นับแต่นี้ ในใจพวกเขาเกิดความศรัทธาครั้งใหม่

“กลับตาลปัตรไปหมดแล้ว!”

เมื่อเห็นว่าเหล่านักปรุงยาและศิษย์หอราชาโอสถล้วนออกมาโห่ร้องไชโยให้กับอวี้เฟยเยียน ผู้เฒ่าใหญ่ก็โกรธเกรี้ยวจนแทบกระอัก

นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?

หากว่าอวี้เฟยเยียนชนะ ตามกติกา เขาก็ต้องตายสถานเดียว

เจ้าศิษย์พวกนี้หวังให้เขาไปตายหรืออย่างไรกัน?!

“หึหึๆ ดูแล้วท่านมิค่อยเป็นที่ชื่นชอบสำหรับหอราชาโอสถเท่าไหร่นัก!”

เลี่ยเชวียที่ยืนอยู่ด้านข้างกล่าวทับถม ดวงตาเขาราวกับอาบด้วยยาพิษก็ไม่ปาน มันคอยจ้องมอง อวี้เฟยเยียนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อตลอดเวลา

อัปยศ!

นี่เขาถึงกับพ่ายแพ้ให้กับเด็กเมื่อวานซืนคนหนึ่งหรือนี่ น่าอัปยศที่สุด!

เดิมทีสำนักหมื่นพิษ คิดจะอาศัยงานประลองปรุงโอสถในครั้งนี้ สร้างชื่อเสียงให้กับตนเองให้มาก เพื่อที่ได้อยู่เหนือกว่าหอราชาโอสถ เป็นหนึ่งในแผ่นดิน

ใครจะคิดเล่าว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น!

ผิดแผนไปหมด!

“ผู้เฒ่าใหญ่ หัวเราใกล้จะรักษาไม่อยู่แล้ว ตอนนี้ทำเช่นไรกันดี?”

เห็นผู้คนที่ลานประลองต่างก็กู่ร้องด้วยความปีติยินดี เลี่ยเชวียก็แค้นเคืองอวี้เฟยเยียนอย่างที่สุด

เดิมทีแล้วเสียงตบมือเหล่านี้ควรจะเป็นของสำนักหมื่นพิษต่างหาก!

ผลลัพธ์ที่ได้คือพวกเขาเหนื่อยยากครั้งใหญ่ กลับกลายเป็นยกผลประโยชน์ให้นางไปเสียนี่ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!

“เจ้าวางใจเถอะ ข้าทำอะไรมีแผนสำรองเสมอ!”

ในขณะที่ผู้อาวุโสใหญ่กำลังกล่าวนั่นเอง ผู้เฒ่าสี่ ผู้เฒ่าห้าและผู้เฒ่าหกที่เดิมทีควรจะถอนตัวออกจากงานประลองปรุงโอสถในครั้งนี้ก็ปรากฏตัวขึ้นมา

“พวกเจ้ามาได้อย่างไรกัน?”

พวกเขาควรจะออกไปจากที่นี่แล้วมิใช่หรือ?

แล้วเหตุถึงได้ปรากฏตัวในเวลาเช่นนี้?

ผู้เฒ่าใหญ่เกิดสังหรณ์ใจไม่ดี

“พวกเราก็จะมาตรวจสอบน่ะสิว่า เด็กทั้งห้าคนถูกช่วยชีวิตแล้วจริงหรือไม่”

ผู้เฒ่าสี่ เหอะ ออกมาคำหนึ่ง แล้วก้าวขึ้นไปตรวจชีพจรของเด็กคนหนึ่ง

“อื้ม!”

ไม่นานผู้เฒ่าสี่ก็พยักหน้ากล่าวว่า

“พิษที่อยู่ภายในร่างถูกขจัดออกไปจนหมดแล้ว!”

ในตอนนั้นขณะเดียวกัน ผู้เฒ่าห้าและผู้เฒ่าหกก็จับชีพจรให้กับเด็กที่เหลือ

เมื่อพวกเขาประกาศผลที่ออกมา ผู้คนที่เดาผลออกตั้งแต่แรกนั้นต่างก็พากันโห่ร้องอีกครั้งอย่างยินดี

ได้คำยืนยันของเหล่าผู้เฒ่าแห่งหอราชาโอสถเช่นนี้ เด็กๆ ต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน

“พวกเจ้า…”

ทำเอาผู้เฒ่าใหญ่แทบกระอัก!

ก่อนหน้านี้ เขาเตรียมหาโอกาสลงมือเล่นนอกกติกา แต่ถูกเจ้าสามคนนี้ปรากฏตัวมาตัดตอนเสียนี่ น่าโมโหนัก!

“เช่นนี้แล้ว การประลองปรุงโอสถในครั้งนี้ หอราชาโอสถของเราพ่ายแพ้แล้ว แต่สำนักหมื่นพิษก็ไม่ชนะเช่นกัน! ผู้ที่ชนะจริงๆนั่นก็คือใต้เท้าอวี้หลัวช่า! คู่ควรกับตำแหน่งจักรพรรดิโอสถของนาง!”

ในครั้งนี้คำว่า ‘ใต้เท้าอวี้หลัวช่า’ ของผู้เฒ่าสี่ เอ่ยด้วยยอมรับนับถือทั้งกายและใจ!

ส่วนผู้เฒ่าห้าและผู้เฒ่าหกเองก็กล่าวต่อเช่นเดียวกัน

พวกเขาทำเช่นนี้ เป็นการตบหน้าผู้เฒ่าใหญ่อย่างแรง

ซึ่งต่อให้ผู้เฒ่าใหญ่อยากจะเสแสร้งต่อ ก็ทำมิได้อีกต่อไป

“เงียบสักครู่!”

ผู้เฒ่าใหญ่ตะโกนออกมาเสียง

แต่ใครจะรู้ว่า เสียงกู่ร้องด้วยความยินดีกลับดังขึ้นมาอีกระลอก จนกลบเสียงของผู้เฒ่าใหญ่เสียสนิท

เห็นภาพเช่นนี้แล้ว หูซาจึงก้าวออกมา

“เงียบ! ผู้เฒ่าใหญ่มีเรื่องจะกล่าว!”

จอมเทวาเอ่ยปาก ผู้คนก็ค่อยเบาเสียงลงเหลือเพียงเสียงอื้ออึงเบาๆเท่านั้น

เมื่อเห็นเสียงเริ่มสงบลง ผู้เฒ่าใหญ่ก็กระแอมเล็กน้อยก่อนกล่าว

“ถึงแม้ว่าใต้เท้าอวี้หลัวช่าจะช่วยชีวิตของเด็กทั้งห้าต่อหน้าทุกคนก็จริง แต่ว่า…”

ผู้เฒ่าใหญ่ยอกย้อน แล้วชี้มือไปที่อวี้เฟยเยียน

“แต่นางแอบศึกษาวิชาแพทย์หอราชาโอสถ!”

“นางเป็นขโมย นี่มิใช่ความสามารถนางจริงๆ สักหน่อย!”

ผู้เฒ่าใหญ่โวยวายออกมาเช่นนี้ เดิมทีคิดว่าแขกเหรื่อจะเชื่อคำพูดของเขา แต่หารู้ไม่ว่าการกระทำของเชียนเยี่ยเสวี่ย เซวียจื่ออี๋และเซวียเฉียงทั้งสามคน บวกกับพฤติกรรมที่น่าสงสัยของผู้เฒ่าใหญ่ก่อนหน้านี้ทำให้ผู้คนสงสัย ทำให้มิมีใครเชื่อในคำพูดของเขาเลย

“ยินยอมเดิมพันน้อมรับความพ่ายแพ้!”

“ใช่ แพ้ไม่เป็นแล้วมาแข่งขันทำไมกัน!”

“ก็ใช่น่ะสิ แม้แต่ความกล้าที่จะยอมรับว่าแพ้ยังไม่มี!”

“ข้าเชื่อในคุณธรรมของใต้เท้าหลัวช่า!”

“ใช่! พวกเราสนับสนุนใต้เท้าหลัวช่า!”

ขณะนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่เหนือความคาดหมายของผู้เฒ่าใหญ่มากนัก

เมื่อเขาเปิดเผย’ความจริง’ออกไป ทุกคนควรจะร่วมมือกันโค่นล้มอวี้เฟยเยียนมิใช่หรือ?

เหตุใดจึงกลายเป็นมาโจมตีผู้เฒ่าใหญ่ได้นะ?

“ข้าพูดเรื่องจริง! เมื่อสองสามวันก่อนหอซ่อนสมุดของเรามีขโมยบุกเข้ามา ‘ตำราแพทย์โบราณ’ ของหอราชาโอสถถูกขโมยไป! มาวันนี้ วิชาฝังเข็มที่อวี้หลัวช่าใช้ เป็นวิธีฝังเข็มที่อยู่ใน ‘ตำราแพทย์โบราณ’ เขียนเอาไว้!”

“คนที่ขโมยไปก็คืออวี้หลัวช่า! นางใช้วิชาแพทย์หอราชาโอสถเรา การประลองในครั้งนี้นางชนะโดยมิได้ใช้ความสามารถตนเอง!”

ถูกผู้เฒ่าใหญ่ใส่ร้ายเช่นนี้ ทำให้อวี้เฟยเยียนได้เปิดหูเปิดตาเห็นความไร้ยางอายของสำนักหมื่นพิษ

“เหอะๆ ผู้เฒ่าใหญ่! ความสามารถในการกลับผิดเป็นถูก กลับขาวเป็นดำของท่านช่างยอดเยี่ยมนัก! หากว่าหอราชาโอสถของท่านมีตำราแพทย์เช่นนี้อยู่ แล้วเหตุใดเมื่อครู่ถึงได้มิมีใครใช้มันออกมาเลยเล่า?”

คำถามอวี้เฟยเยียน ผู้เฒ่าใหญ่คิดหาคำตอบไว้ตั้งนานแล้ว

“นั่นเป็นเพราะตำราเล่มนั้นสำคัญมากอย่างไรเล่า มีเพียงแต่เจ้าสำนักเท่านั้นจึงสามารถฝึกฝนได้ น่าเสียดาย…เจ้าสำนักหลินตายด้วยน้ำมือของหมอเทวดาฮั่วเสียแล้ว”

“มิฉะนั้นงานประลองปรุงโอสถในครั้งนี้ จะให้เจ้าคนต่ำช้าเช่นเจ้าสมใจได้อย่างไรกัน!”

“ท่านโกหก!”

เชียนเยี่ยเสวี่ยนั่งไม่ติด ถึงกับยืนขึ้นมา

“ใครๆ ต่างก็บอกว่าผู้เฒ่าใหญ่แห่งหอราชาโอสถเป็นผู้ที่กล้าทำกล้ารับ วันนี้ดูแล้ว เหตุใดราวกับคนละคนอย่างไรอย่างนั้น ท่านคือผู้เฒ่าใหญ่ตัวจริงแน่หรือ? หรือว่า งานประลองโอสถในครั้งนี้ ถูกใครบางคนแอบอ้างมาสวมรอย ท่านเป็นตัวปลอมใช่หรือไม่?”

“เยี่ยนอ๋อง อย่าได้พูดจาเหลวไหล!”

ผู้เฒ่าใหญ่แสร้งทำเป็นโมโห แต่ในใจกลับตื่นตระหนก เยี่ยนอ๋องจะรู้ได้อย่างไรกัน!