ตอนที่ 448 เสิ่นหลานอีเตรียมตัวกลับประเทศ / ตอนที่ 449 โอวหยางเลี่ยหวาดกลัว

ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ

ตอนที่ 448 เสิ่นหลานอีเตรียมตัวกลับประเทศ

 

 

ฉินเหยียนอธิบายคำสั่งที่ฉินอวิ๋นสั่งให้เธอทำกับเสิ่นเยี่ยนอย่างกระชับ เสิ่นเยี่ยนฟังเรื่องราวของฉินอวิ๋นแล้วก็มองตรงไปที่เธอทันที “หลานสาวของคุณคนนั้นไม่ใช่ว่าฉลาดมากเหรอ ทำไมถึงถูกคนจับไปเข้าคุกได้ล่ะ”

 

 

เสิ่นเยี่ยนยังจำได้ว่าเมิ่งชิงซีมีสีหน้ายังไงกับเขา ถึงแม้ว่าทั้งสองคนในหนึ่งปีเจอกันไม่กี่ครั้ง แต่เมิ่งชิงซีที่ชอบทำตัวเหนือกว่าคนอื่นคนนั้นเสิ่นเยี่ยนเองก็ไม่ชอบ ณ จุดนี้ เสิ่นเยี่ยนและฉินเหยียนมีความเห็นตรงกัน

 

 

“ไม่ใช่เพราะผู้ชายคนเดียวเหรอ คุณไม่ต้องสนใจอะไรมากหรอก แค่บอกมาว่าช่วยได้ไหม” ฉินเหยียนไม่อยากจะทะเลาะกับเสิ่นเยี่ยน ช่วยได้ไหมแค่พูดมาคำเดียวก็ได้แล้ว

 

 

“ช่วยแน่นอน ต่อไปพวกเรายังต้องอาศัยบารมีของพี่สาวคุณอีกนะ” เสิ่นเยี่ยนและฉินเหยียนคิดเหมือนกัน ถ้าฉินอวิ๋นไม่มีตำแหน่งอยู่ในตระกูลเมิ่ง เสิ่นเยี่ยนก็จะไม่มีต้นทุนอะไรไปอวดต่อหน้าคนอื่น

 

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ดี คุณรีบไปสืบมาว่ามีวิธีไหนพอจะช่วยได้บ้าง ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ช่างมัน” ขอแค่พวกเธอทุ่มสุดตัวแล้ว ฉินอวิ๋นก็คงจะพูดอะไรไม่ได้

 

 

สุดท้ายสีหน้าของเสิ่นเยี่ยนก็ไม่ได้ดูผ่อนคลายเหมือนก่อนหน้านี้อีก คดีนี้ของเมิ่งชิงซีเกรงว่าจะยากแล้ว ใครใช้ให้เธอหาเรื่องใส่ตัวล่ะ แต่พี่เขยของเขาทำไมไม่เห็นมาออกหน้าเลย

 

 

ต่อมาเสิ่นเยี่ยนก็ถามคำถามนี้ ฉินเหยียนเองก็เล่าสิ่งที่ฉินอวิ๋นบอกมาให้เขาฟัง เสิ่นเยี่ยนถึงได้เข้าใจ ก็คือถ้าเมิ่งไหวเซินยอมออกหน้าเรื่องราวก็คงไม่เป็นอย่างตอนนี้

 

 

ผ่านไปสองวัน ในที่สุดเมิ่งไหวเซินก็ได้รับผลตรวจดีเอ็นเอจากโรงพยาบาล เรื่องนี้เขาไปทำเองคนเดียวทั้งหมด กับซูซานก็ไม่ให้เธอทำเพราะกลัวว่าจะได้รับผลตรวจที่ไม่ถูกต้อง

 

 

เมื่อเห็นผลตรวจที่แสดงผลบอกว่าถังโจวโจวและเขามีความเป็นพ่อลูกกันถึงเก้าสิบเก้าจุดเก้าเปอร์เซ็นต์ ในที่สุดเมิ่งไหวเซินก็เผยรอยยิ้มที่ออกมาจากใจได้เสียที

 

 

“ดีเหลือเกิน คงจะมีทางช่วยบริษัทได้แล้ว” ตอนนี้ในสมองเมิ่งไหวเซินมีแต่เรื่องของตระกูลเมิ่ง ตอนนี้ถังโจวโจวคือลูกสาวของเขา ถ้าเขาบอกให้ลั่วเซ่าเซินช่วยเขา ลั่วเซ่าเซินเองก็คงปฏิเสธไม่ได้ ดูเหมือนว่าลูกสาวคนนี้ยังมีประโยชน์อยู่บ้าง

 

 

เพียงแต่เมื่อเมิ่งไหวเซินคิดถึงปฏิกิริยาครั้งก่อนที่ถังโจวโจวแสดงต่อเขา เขาจึงควรจะคิดหาวิธีสักหน่อย ทำให้ถังโจวโจวยอมกลับมาที่ตระกูลเมิ่งกับเขาดีๆ

 

 

เสิ่นหลานอีตั้งแต่รู้ว่าโอวหยางหงไปหาถังโจวโจว ทุกๆ วันก็จะให้ลูกชายรายงานว่าตอนนี้ชีวิตช่วงนี้ของลูกสาวเป็นอย่างไรบ้างแล้ว ทุกๆ ครั้งโอวหยางหงก็จะบอกแค่ข่าวดีไม่บอกข่าวร้าย แต่ผ่านไปไม่นาน เสิ่นหลานอีก็ยังคงจับได้

 

 

หลังจากนั้นพอถูกเธอหนักเข้า โอวหยางหงถึงยอมพูดเรื่องเมิ่งชิงซี อย่างที่คิดไว้ เสิ่นหลานอีคิดจะนั่งเครื่องบินกลับมาทันที

 

 

“แม่ครับ พ่อจะยอมเหรอครับ” ต้องรู้ว่าโอวหยางเลี่ยนั้นเป็นคนขี้หึงมาก ตอนนี้ที่นี้มีเมิ่งไหวเซินอยู่ด้วย พ่อจะทนเห็นแม่กับอดีตสามีเจอกันได้เหรอ ถึงเวลาถ่านไฟเก่าปะทุขึ้นมาอีก พ่อจะมานั่งเสียใจก็คงแก้ไขไม่ทันแล้ว

 

 

“เรื่องพ่อของลูกแม่จัดการเอง ลูกไม่ต้องกังวล แค่อย่าเพิ่งบอกโจวโจว แม่อาจจะต้องเลื่อนเวลาอีกสองสามวัน” ในใจเสิ่นหลานอีได้วางแผนไว้แล้ว เป็นกลยุทธ์ที่จะทำให้โอวหยางเลี่ยต้องยอมแพ้

 

 

“แม่ครับ แม่ควรจะดีต่อพ่อหน่อยนะ พ่อเป็นห่วงแม่นะ” เวลานี้โอวหยางหงกลับไม่ได้ห้ามปรามมารดาหรือพูดแทนบิดา แต่รออีกเดี๋ยวสาบานได้เลยว่าพ่อจะไม่พอใจแน่ แม่ตัดสินใจจะทิ้งพ่อไว้แล้วไปคนเดียวแบบนี้ ไม่รู้ว่าพอถึงเวลาบิดาจะโกรธถึงขั้นไหน

 

 

โอวหยางหงพยายามที่จะโน้มน้าวใจ “ลูกวางใจเถอะ แม่จะไม่ทำผิดต่อเขา” เสิ่นหลานอีจะทำให้โอวหยางเลี่ยเสียใจได้ยังไง อย่างมากก็อาจทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดนิดหน่อยเท่านั้น

 

 

ต้องบอกว่าที่ตอนนี้เสิ่นหลานอีสามารถยืนหยัดตัวเองขึ้นมาได้อย่างนี้ก็เพราะความรักของโอวหยางเลี่ยที่มีต่อเธอ ต้องรู้ว่าความรักนั้นมีสองด้านถ้าทนไม่ไหวก็จะต้องยอมอ่อนข้อ ก็เพราะว่าคุณรักอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้ง รักจนสุดหัวใจมากกว่า

 

 

แต่ก็ต้องรู้ว่า บางครั้ง การยอมอ่อนข้อก็คือความสุขอย่างหนึ่ง ถ้าโอวหยางเลี่ยไม่มีเสิ่นหลานอีอยู่ บางทีตอนนี้เขาก็ไม่สามารถมีชีวิตมาถึงตอนนี้ได้

 

 

“แม่ครับ ผมวางสายก่อนนะ ก่อนแม่จะมาโทรหาผมด้วย ผมจะไปรับเอง”

 

 

“รู้แล้ว ลูกดูพี่สาวด้วยล่ะ อย่าให้ใครรังแกเธอได้” เสิ่นหลานอีก็ไม่กลัวว่าลูกชายจะต่อว่าเธอที่ลำเอียง ในใจของเธอลูกทุกคนสำคัญเหมือนกันหมด เพียงแต่โอวหยางหงดูแลตัวเองได้ดีแล้ว ดังนั้นเสิ่นหลานอีจึงเป็นห่วงเขาน้อยลงได้หน่อย

 

 

 

 

ตอนที่ 449 โอวหยางเลี่ยหวาดกลัว

 

 

“แม่ครับ แม่วางใจเถอะ ใครจะรังแกผมไม่ว่าแต่จะรังแกพี่สาวผมไม่ได้” โอวหยางหงทำเหมือนกับว่าถังโจวโจวเป็นน้องสาวที่รักมากคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าอายุของถังโจวโจวจะมากกว่าเขาก็ตามที

 

 

แต่ในใจของโอวหยางหงนั้น ถังโจวโจวก็เป็นเหมือนน้องสาวของเขาจริงๆ ใครใช้ให้เขามีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าคนอื่นล่ะ ให้ถังโจวโจวเป็นน้องสาวก็ไม่ได้เกินไปนัก

 

 

“ดี เดี๋ยวพ่อของลูกจะกลับมาแล้ว แม่วางสายก่อนนะ”

 

 

“ครับ”

 

 

เสิ่นหลานอีและโอวหยางหงคุยกันเสร็จแล้ว โอวหยางเลี่ยก็เปิดประตูเข้ามาพอดี “หลานอี เมื่อกี้คุณคุยโทรศัพท์อยู่กับใครเหรอ”

 

 

“อ้อ เมื่อกี้ถามความเป็นอยู่ของโจวโจวอยู่น่ะค่ะ เลี่ยคะ ฉันอยากกลับไปสักหน่อย”

 

 

“กลับไปไหนครับ” ขณะที่โอวหยางเลี่ยยังคิดอยู่ว่าเสิ่นหลานอีอยากกลับไปไหน เสิ่นหลานอีก็ไขข้อสงสัยให้เขาทันที

 

 

“กลับประเทศไงคะ โจวโจวเกิดเรื่อง แม่อย่างฉันควรจะไปช่วยเธอหน่อย” เสิ่นหลานอีจับแขนของโอวหยางเลี่ย ถามด้วยท่าทีออดอ้อน

 

 

“ไม่ได้ ผมไม่อนุญาติ” โอวหยางเลี่ยใช้คำพูดปฏิเสธเธออย่างรุนแรง กลับประเทศเหรอ นั่นเป็นเรื่องที่เขาไม่มีทางอนุญาติเด็ดขาด ถ้าเสิ่นหลานอีกลับไปเจอกับเมิ่งไหวเซินเข้าจะทำยังไง ถ้าเมิ่งไหวเซินต้องการแย่งเธอกลับไปจะทำยังไง

 

 

“เลี่ยคะ ฉันก็แค่อยากกลับไปช่วยโจวโจว ทำไมคุณทำแบบนี้ล่ะคะ” เสิ่นหลานอีไม่คิดว่าแค่พูดออกมาประโยคเดียวก็ทำให้โอวหยางเลี่ยปฏิเสธออกมาอย่างรุนแรงแบบนี้

 

 

“คุณแน่ใจไหมว่าจะไม่ไปเจอกับเมิ่งไหวเซินเข้า” โอวหยางเลี่ยมองตาของเสิ่นหลานอี มองอย่างลึกซึ้ง ถึงเสิ่นหลานอีอยากจะซ่อนยังไงก็ซ่อนไม่มิด

 

 

เรื่องนี้เสิ่นหลานอีไม่แน่ใจจริงๆ ต้องรู้ว่าเธอก็ไม่รู้ว่าเมิ่งไหวเซินจะปรากฏตัวออกมาเมื่อไหร่ เธอจะหลีกเลี่ยงได้ยังไง

 

 

“เลี่ยคะ ฉันทำได้แค่รับปากกับคุณ จะพยายามไม่ให้เจอเข้ากับเขา ฉันจะเลี่ยงเขาดีไหมคะ”

 

 

อย่างนี้ก็คงได้แล้วมั้ง เสิ่นหลานอีเข้าใจว่าโอวหยางเลี่ยต้องการจะปกป้องเธอ เพียงแต่ทางฝั่งถังโจวโจวเธอก็ไม่วางใจเลยจริงๆ ถ้าโอวหยางเลี่ยไม่ให้เธอไป เธอก็คงจะต้องทิ้งเขาไว้คนเดียว

 

 

“ไม่ได้ ยังไงผมก็ไม่ยอม” โอวหยางเลี่ยกลัวว่ารออีกเดี๋ยวเสิ่นหลานอีจะขอร้องจนเขาใจอ่อนจึงหันตัวกลับไปที่ห้องหนังสือ เสิ่นหลานอีเห็นโอวหยางเลี่ยหลบหน้าเธอ ในใจก็รู้สึกหดหู่

 

 

ได้ ดูซิว่าคุณจะหลบได้ถึงเมื่อไหร่ เสิ่นหลานอียังมีวิธีที่จะจัดการกับเขา

 

 

เมื่อถึงตอนค่ำ เมื่อโอวหยางเลี่ยก็ยื่นมือไปเปิดประตูแต่พบว่าประตูถูกล็อก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเสิ่นหลานอีเป็นคนล็อก “หลานอี เปิดประตูเร็ว คุณล็อกประตูทำไม”

 

 

“โอวหยางเลี่ย ถ้าคุณไม่รับปากฉันว่าจะให้ฉันกลับประเทศ คุณก็อย่าคิดที่จะได้เข้ามาเลย” เสิ่นหลานอีตะโกนตอบกลับไป ดูเหมือนว่าจะทำให้โอวหยางเลี่ยไม่พอใจมาก

 

 

โอวหยางเลี่ยขมขื่นจนพูดไม่ออก เขาก็แค่กลัวว่าภรรยาของตัวเองจะถูกเมิ่งไหวเซินแย่งกลับไป นอกจากนี้ก็ไม่กลับประเทศมาตั้งหลายปี จู่ๆ จะกลับไปอย่างกะทันหัน โอวหยางเลี่ยก็จินตนาการได้เลยว่า จะต้องมีใครหลายคนมาแย่งเสิ่นหลานอีไปจากเขาแน่

 

 

“ไม่ได้ เรื่องนี้ผมรับปากไม่ได้จริงๆ” โอวหยางเลี่ยยืนอยู่หน้าประตู เสิ่นหลานอีก็คงจะไม่ใช่ว่าจะไม่ออกจากห้องหรอก

 

 

เสิ่นหลานอีฟังแล้วเหมือนด้านนอกจะไม่มีการเคลื่อนไหวอีก หรือโอวหยางเลี่ยจะออกไปแล้ว หรือเขาไม่สนใจความรู้สึกของเธอจริงๆ ทำไมถึงทิ้งเธอไว้คนเดียว

 

 

เธอเข้าไปใกล้ประตูอย่างช้าๆ แนบหูไว้กับประตู แม้แต่เสียงนิดเดียวก็ไม่ได้ยิน เธอฉุกคิดขึ้นมา รู้สึกว่าการมีประตูเก็บเสียงก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย

 

 

“เลี่ย คุณยังอยู่ข้างนอกไหม”

 

 

โอวหยางเลี่ยเดิมทีคิดอยากจะตอบ แต่คิดอีกทีถ้าทำให้เสิ่นหลานอีคิดว่าเขาไปแล้ว แบบนี้เขาถึงจะมีโอกาส ดังนั้นเขาจึงพยายามที่จะควบคุมลมหายใจของตัวเอง

 

 

เสิ่นหลานอีไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากโอวหยางเลี่ยก็กลัวว่าเขาจะรออยู่หน้าประตู ถ้าเปิดประตูเธอก็จะแพ้ใช่ไหม แล้วอย่างนี้จะทำยังไงดี ตอนนี้กลับเป็นเสิ่นหลานอีที่ต้องหนักใจแทน

 

 

“เลี่ย คุณไปแล้วจริงๆ เหรอ คุณไม่สนใจฉันแล้วจริงๆ เหรอ” เสิ่นหลานอีถามต่อไปอีก แต่ก็ยังไม่มีเสียงใดๆ ตอบรับกลับมา

 

 

เธอกลอกตาไปมาสองสามครั้งก็เกิดความคิดขึ้นทันที “ว้าย เลี่ย ฉันเจ็บจังเลย”

 

 

โอวหยางเลี่ยได้ยินเสียงข้างในเหมือนมีของอะไรชนกันก็คิดว่าเสิ่นหลานอีถูกของหล่นใส่ เขาจึงถามอย่างร้อนรน “หลานอี คุณเป็นอะไร เจ็บตรงไหน รีบเปิดประตูเร็ว ผมจะไปช่วยคุณ”