ตอนที่ 450 ยินยอม / ตอนที่ 451 ต้องอยู่ด้วยกัน

ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ

ตอนที่ 450 ยินยอม

 

 

“ที่แท้คุณโกหกฉัน โชคดีที่หลอกฉันไม่ได้” เสิ่นหลานอีพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ โอวหยางเลี่ยถึงจะวางใจขึ้นมาได้ เขาไม่สนใจจะต่อว่าเรื่องที่เธอแกล้งทำเป็นบาดเจ็บ ตอนนี้เพียงคิดว่าอยากเข้าไปดู ดูด้วยตาตัวเองว่าเสิ่นหลานอีไม่เป็นอะไรจริงๆ

 

 

“หลานอี ให้ผมเข้าไปดูคุณเร็ว คุณเป็นอะไรไหม พวกเรามาคุยกันดีๆ เถอะ” โอวหยางเลี่ยก็อยากเข้าไป เขาอยู่ข้างนอกคนเดียวจะช่วยอะไรใครได้

 

 

“คุณยอมฟังฉันแล้วใช่ไหม ถ้าคุณยอมให้ฉันกลับประเทศ ฉันก็จะให้คุณเข้ามา ไม่อย่างนั้น คุณก็เลิกคิดไปได้เลย” ครั้งนี้เสิ่นหลานอีตัดสินใจว่าต้องทำให้โอวหยางเลี่ยยอมเรื่องนี้ให้ได้

 

 

“หลานอี นอกจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องอื่นผมรับปากคุณได้หมด”

 

 

“โอวหยางเลี่ย คุณอย่ากดดันฉันเลย ตอนนี้ฉันยังปรึกษากับคุณดีๆ แต่ถ้าคุณไม่ยอมรับปากจริงๆ ถึงเวลาฉันคงต้องทิ้งให้คุณอยู่ที่นี่แล้วกลับประเทศไปเองคนเดียว” เสิ่นหลานอีเริ่มใช้คำพูดกดดัน คนอย่างโอวหยางเลี่ยที่รักภรรยาอย่างนั้นจะรับได้ยังไง

 

 

“ได้ได้ ผมรับปากคุณ หลานอี คุณอย่าวู่วามนะ” สิ่งนี้เหมือนแทงลงมาตรงกลางใจของโอวหยางเลี่ย ถ้ายอมให้เสิ่นหลานอีกลับประเทศไปคนเดียว เขายิ่งไม่วางใจ เพราะเรื่องทั้งหมดไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเขา ความรู้สึกนี้ช่างชวนให้ใจเจ็บช้ำจริงๆ

 

 

“คุณรับปากแล้วจริงๆ เหรอ” เสิ่นหลานอีถามและโอวหยางเลี่ยก็ยืนยันอีกครั้ง

 

 

“รับปากแล้ว รับปากแล้ว หลานอี คุณให้ผมเข้าไปได้ไหม” โอวหยางเลี่ยรีบตอบ และก็กลัวว่าเสิ่นหลานอีจะฟังเสียงเขาไม่ชัด

 

 

ในที่สุดประตูก็ถูกเปิดออก โอวหยางเลี่ยเห็นใบหน้าที่ภาคภูมิใจของเสิ่นหลานอีแต่ก็ไม่ได้สนใจ “หลานอี รีบให้ผมดูเร็วว่าบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า”

 

 

“ไม่มี ไม่เจ็บเลยค่ะ เลี่ย เมื่อกี้คุณรับปากเองนะ คุณห้ามถอนคำพูดนะ พรุ่งนี้พวกเราจะออกเดินทางกัน”

 

 

“ได้ ผมรับปากคุณแล้ว” โอวหยางเลี่ยเห็นเสิ่นหลานอีที่ยิ้มกว้างก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ไม่ใช่ว่าเขาอยากให้เธอมีความสุขมาโดยตลอดเหรอ ตอนนี้แบบนี้ก็กำลังดีเลย

 

 

วันที่สอง โอวหยางหงก็ได้รับสายของเสิ่นหลานอี ฟังเสียงทางโทรศัพท์ก็รับรู้ได้ว่าแม่กำลังดีใจ โอวหยางหงนับวันยิ่งชื่มชมผู้เป็นแม่ที่สามารถทำให้พ่อยอมได้ ครั้งนี้แค่วันเดียวก็จัดการได้แล้ว นี่เป็นความเร็วที่น่าชื่นชมมาก

 

 

โอวหยางหงเอาเรื่องที่เสิ่นหลานอีจะมาบอกกับถังโจวโจวลัลั่วเซ่าเชิน วันที่สองทั้งสามคนเตรียมตัวที่จะไปรับเสิ่นหลานอีที่สนามบินด้วยกัน

 

 

เวลาผ่านไปเร็วมาก วันนี้ลั่วอิงเพิ่งจะพักผ่อนเสร็จ ดังนั้นถังโจวโจวจะพาเธอและเสี่ยวอวี่ไปด้วย ลั่วเซ่าเชินอยู่บนรถ โอวหยางหงก็ถึงนานแล้ว ทุกคนทานข้าวเช้าที่บ้านแล้วหลังจากนั้นก็ขับรถมุ่งหน้าไปสนามบิน

 

 

พวกเสิ่นหลานอีจะมาถึงกันประมาณเก้าโมงเช้า ลั่วเซ่าเชินก็ออกเดินทางกันตอนแปดโมง ยังมีเวลาเหลืออีกนิดหน่อย ถึงเวลาก็หาสถานที่ที่เห็นได้ง่าย เสิ่นหลานอีจะได้สามารถหาพวกเขาเจอได้ง่ายๆ

 

 

ความคิดนี้ของพวกถังโจวโจวไม่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะหน้าตาที่โดดเด่นของลั่วเซ่าเชินและโอวหยางหงนั้นเพียงยืนอยู่เฉยๆ ก็สามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มากมายแล้ว เมื่ออยู่ต่อหน้าคนมากมยที่สนามบินก็ยิ่งโดดเด่นเข้าไปใหญ่

 

 

“แม่ครับ ทางนี้ครับ” เสิ่นหลานอีและโอวหยางเลี่ยลากกระเป๋าเดินทางมาคนละใบ โอวหยางหงมองพ่อและแม่ ทั้งสองคนดูร่าเริงสดใส ไม่มีท่าทีเหนื่อยล้าแต่อย่างใด

 

 

“แม่ เหนื่อยไหมคะ” ถังโจวโจวที่อุ้มเสี่ยวอวี่อยู่ โอวหยางหงและลั่วเซ่าเชินรับกระเป๋าเดินทางแล้วก็เดินออกไป

 

 

“ไม่เหนื่อยหรอก ลั่วอิง ไม่ได้เจอยายตั้งนาน คิดถึงยายไหม น่าเสียดายที่เสี่ยวอวี่ยังพูดไม่ได้  ไม่อย่างนั้นก็จะดีใจกว่านี้นะเนี่ย”

 

 

“คุณยายคะ หนูคิดถึงคุณยายแน่นอนอยู่แล้วล่ะคะ” ลั่วอิงพุ่งเข้าไปในอ้อมกอดของเสิ่นหลานอี โอวหยางเลี่ยก้าวมาข้างหน้าก้าวหนึ่งแต่เสิ่นหลานอีไม่ได้สังเกต ถึงจะสังเกตแต่เธอก็ไม่สนใจอยู่ดี ก็แค่กอดคนอื่นเองไม่ใช่เหรอ ผู้ชายคนนี้ขี้เหนียวเหมือนแต่ก่อนไม่มีผิด

 

 

“คุณอาโอวหยาง อากับแม่คงจะเหนื่อยแล้ว พวกเรากลับกันเถอะค่ะ ห้องพักที่บ้านเตรียมไว้พร้อมแล้วค่ะ”

 

 

“โจวโจว ผมคิดว่าพ่อน่าจะเตรียมการไว้แล้วนะ” โอวหยางหงเห็นสายตาของโอวหยางเลี่ยก็เข้าใจทันที พ่อคงไม่ยอมอยู่ร่วมกับคนอื่น มันรบกวนความเป็นส่วนตัวของเขาและแม่

 

 

 

 

 

  ตอนที่ 451 ต้องอยู่ด้วยกัน

 

 

“ฉันกับหลานอีมีที่พักแล้ว เรื่องนี้พวกเธอไม่ต้องกังวล” โอวหยางหงสดงสีหน้าว่าคิดไว้แล้ว ก็บอกถังโจวโจวตั้งนานแล้วว่าไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ ดูเอาเถอะ เตรียมไว้ตั้งเยอะแยะ ผลที่ออกมาก็ไม่ต้องใช้อะไรเลย

 

 

“เลี่ย ใครบอกว่าฉันจะอยู่ข้างนอก จะมาหาแต่ละครั้งก็ลำบาก ก็ต้องอยู่กับโจวโจวสิคะ” เสิ่นหลานอีทำลายแผนที่วางไว้ของโอวหยางเลี่ย

 

 

“หลานอี  คุณ…”

 

 

“ฉันไม่สน ถ้าคุณอยากพักข้างนอกคุณก็ไปเถอะ ยังไงฉันก็จะอยู่กับโจวโจว” เสิ่นหลานอีไม่ใช่คนประเภทที่ยอมโอนอ่อนให้โอวหยางเลี่ยจนเสียความเป็นตัวของตัวเองไป ที่ก่อนหน้านี้เธอไม่ว่าอะไรเพราะไม่ใช่เรื่องที่เธอใส่ใจ

 

 

โอวหยางเลี่ยหน้าเสีย ในความเป็นจริง ตั้งแต่ลงมาถึงพื้นดิน สีหน้าของเขาไม่ก็ไม่ได้ดีอยู่แล้ว เพียงแค่คิดขึ้นมาว่าเสิ่นหลานอีสามารถเจอเมิ่งไหวเซินได้ตลอดเวลา อารมณ์ของเขาก็ย่ำแย่ลงอย่างไม่มีเหตุผล

 

 

“แม่ครับ ในเมื่อแม่พูดอย่างนี้ ถ้าอย่างนั้นผมก็จะอยู่ที่บ้านโจวโจวด้วย เชื่อว่าเธอเองก็จะต้อนรับผมเหมือนกัน” โอวหยางหงพูดความคิดของเขาออกมาทันที มีเรื่องน่าสนุกให้ดูแล้ว พ่อต้องยอมแพ้ให้แม่แน่

 

 

“โจวโจว ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามที่แม่เธอบอกเลย พวกเราไปกันเถอะ” โอวหยางเลี่ยเห็นเสิ่นหลานอีดื้อรั้นก็คิดว่าคงไม่ดีถ้าจะปฏิเสธเธออีกครั้ง รออีกเดี๋ยวถ้าเธอเกิดกดดันอะไรเขาขึ้นมาอีก ยังไม่รู้ว่าเสิ่นหลานอีจะแสดงสีหน้าหรือทำอะไรออกมา ตอนนี้ในสถานการณ์นี้ ยังไงให้เธออยู่ข้างกายจะปลอดภัยมากกว่า

 

 

กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งมุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์ของลั่วเซ่าเชิน โอวหยางหงรับโอวหยางเลี่ยและเสิ่นหลานอี ขึ้นรถ ส่วนครอบครัวลั่วเซ่าเชินก็นั่งรถคันเดียวกันเหมือนตอนขามา

 

 

เมื่อถึงประตูคฤหาสน์ โอวหยางหงก็ให้พ่อและแม่อยู่ที่นี่ก่อน “แม่ครับ อีกเดี๋ยวผมมาใหม่นะครับ”

 

 

“ได้” เสิ่นหลานอีมองโอวหยางหงขับรถออกไป ถึงจะเห็นสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ด้านหน้า นี่คือบ้านของลูกสาวเธอเหรอ

 

 

“แม่คะ คุณอาโอวหยาง พวกเราเข้าไปกันเถอะค่ะ” ถังโจวโจวชักชวนทั้งสองคนให้เข้าไปข้างใน แน่นอนว่าลั่วเซ่าเชินเป็นคนขนย้ายของอยู่

 

 

เมื่อถึงที่ห้องรับแขก ถังโจวโจวถึงพบว่าคุณแม่ถังนั่งอยู่ในห้อง “แม่คะ แม่มาได้ยังไง อ้อ หนูลืมบอกแม่ไปสิเนี่ย” ถังโจวโจวเพิ่งจะนึกออกว่า เธอลืมบอกเรื่องที่เธอจะไปรับเสิ่นหลานอีให้คุณแม่ถังฟัง ทำให้คุณแม่ถังมานั่งรออยู่ที่นี่นานมากแล้ว

 

 

“ไม่เป็นไรลูก โจวโจว นี่คือแม่แท้ๆ ของหนูใช่ไหม” คุณแม่ถังยืนขึ้นและเดินไปยังหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างหลัง เสิ่นหลานอีคงจะอ่อนกว่าเธอไม่เท่าไหร่ แต่ก็ยังดูสาวมาก อาจจะเพราะดูแลตัวเองดี หรืออาจจะด้วยเหตุผลอื่น นี่เป็นสิ่งที่คุณแม่ถังจะไม่อาจเอื้อมถึงได้

 

 

“สวัสดีค่ะ ฉันคือเสิ่นหลานอี ขอบคุณมากนะคะที่หลายปีมานี้คุณดูแลโจวโจวมาตลอด”

 

 

“ฉันหวังอวี้หนิง ช่วงเวลาหลายปีมานี้ควรเป็นฉันและจิงเจินที่ควรขอบคุณที่มีโจวโจวอยู่ เธอทำให้พวกเรามีความสุขอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนในแต่ละวัน” ถ้าไม่มีถังโจวโจว เชื่อว่าพวกบ้านเธอคงจะมีเสียงหัวเราะน้อยว่านี้มาก

 

 

เสิ่นหลานอีเห็นว่าในใจคุณแม่ถังเต็มไปด้วยความขอบคุณ เพราะผู้หญิงคนนี้คอยดูแลลูกสาวของเธอ ถ้าไม่มีคุณพ่อถัง คุณแม่ถัง ตอนนี้ลูกสาวของเธอจะเป็นยังไง จะไร้วาสนาเหมือนลูกสาวคนโตของเธอหรือเปล่า

 

 

“แม่คะ พวกแม่นั่งกันก่อนเถอะค่ะ” ถังโจวโจวคิดหนักอยู่ครู่หนึ่งว่าจะเรียกแม่ทั้งสองคนว่ายังไงดี ถ้าเรียกแม่เหมือนกัน ทั้งคู่คงต้องแยกไม่ออกแน่

 

 

“โจวโจว ถ้าอย่างนั้นลูกเรียกคุณแม่อวี้หนิง เรียกแม่ว่าแม่ก็พอแล้ว อวี้หนิง คุณไม่ถือสาที่ฉันเรียกแบบนี้ใช่ไหมคะ” น้ำเสียงที่เสิ่นหลานอีพูดนั้นอ่อนโยนมาก หวังอวี้หนิงจะถือสาได้ยังไง เธอรีบโบกมือ “แบบนี้ดีมากเลยค่ะ”

 

 

เธอพอใจมาก ตอนนี้ยังสามารถได้เจอกับถังโจวโจว ก็ถือเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่สวรรค์ให้แก่เธอแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อก่อน ถังโจวโจวความจำเสื่อม ไม่อย่างนั้นทั้งชีวิตของเธอก็ไม่มีโอกาสได้เจอถังโจวโจว นั่นถึงจะเป็นความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุดของเธอ ดังนั้นตอนนี้เธอพอใจมากแล้ว

 

 

“แม่คะ เดี๋ยวหนูจะให้คนไปรับพ่อมานะคะ วันนี้ครอบครัวพวกเรามากินข้าวกับแบบพร้อมหน้าพร้อมตาเถอะ คุณอาโอวหยางคะ แม่คะ จะขึ้นไปพักที่ชั้นบนก่อนไหมคะ” ถังโจวโจวเห็นโอวหยางเลี่ยดูเหมือนจะหงุดหงิดเล็กน้อย แต่เธอชินเสียแล้ว กลัวแต่ว่าคุณแม่ถังจะเข้าใจผิด

 

 

 “ได้ ถ้าอย่างนั้นแม่กับอาโอวหยางขึ้นไปพักในห้องก่อนนะ” น้ำเสียงของเสิ่นหลานอีดูไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก