DND.771 – เจอกับอสูรเนรมิตร
ชายสวมหน้ากากจับซือหยูกับหยวนหยิงหยิงด้วยแขนแต่ละข้างและทะยานขึ้นฟ้าเขาเดินทางไกลหมื่นลี้โดยพลัน เมื่อผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เขาก็ไปถึงเขตแดนระหว่างภูเขาที่ไม่เตะตานัก มีกลุ่มหนุ่มสาวรออยู่ที่นี่พร้อมกับยอดฝีมืออีกมากมายที่ติดตามมา
“นายหญิงซือถูข้าพาพวกเขามาให้ท่านแล้ว สบายใจได้ คนเหล่านี้จะปลอดภัย”
ชายสวมหน้ากากปล่อยตัวซือหยูกับหยวนหยิงหยิงและจากไป
สตรีสวมชุดขาวโค้งคำนับชายสวมหน้ากาก
“ขอบคุณท่านมาก!”
“พวกเราล้วนมีสิ่งที่ต้องทำ…”
เขาตอบโดยไม่หันหลังกลับ
นางนั้นนางหันมามองซือหยูกับหยวนหยิงหยิงด้วยความตกใจในทันที
“แม่นางซือถูนี่รึสองคนสุดท้ายสองเจ้า?”
ผู้เฒ่าสวมชุดสีเทาสีหน้าเยือกเย็นเขาถาม
นางยิ้มอย่างอบอุ่น
“ผู้เฒ่าหลี่โปรดสักประเดี๋ยว ข้าต้องไปคุยกับพวกเขา”
ผู้เฒ่าหลี่พยักหน้าและหลับตารอนางหันไปพาตัวซือหยูกับหยวนหยิงหยิงหลบไป
จากนั้นนางจึงพูดด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
“ข้าคือนายหญิงตระกูลซือถูหากท่านผู้นั้นเชิญพวกเจ้ามา ข้าก็สบายใจหากให้พวกเจ้าดูแลหยางเอ๋อ”
นางพูดและหยิบกระเป๋าสองใบออกมาจากชายเสื้อแต่ละใบมีแก้วร้อยดวง เงินจำนวนนี้นับว่ามหาศาลต่อภูติชั้นต้นทุกคน
“ข้าจะให้เจ้าสองคนดูแลหยางเอ๋อมานี่สิหยางเอ๋อ”
นางกวักมือไปทางกลุ่มคนมากมายจากนั้นพวกเขาก็รีบหลีกทางให้สาวน้อยที่ดูสง่างามที่แต่งตัวดี
นางอายุราวสิบหกปีและมีร่างกายผอมบางแม้นางจะไม่สวยเท่านายหญิงซือถูผู้เป็นแม่ แต่นางก็มีดวงตาที่น่าชื่นชม ดวงตานางสดใสและทรงปัญญา นางก้าวเบาๆมาข้างหน้าและยิ้มอย่างสดใส
“ท่านแม่!”
“หยางเอ๋อยอดฝีมือสองคนนี้จะปกป้องเจ้า เจ้าจะต้องฟังสองคนนี้…”
นางกล่าว
สาวน้อยมองซือหยูกับหยวนหยิงหยิงด้วยตาโตนางทำแก้มป่อง
“สองคนนี้ไม่แข็งแกร่งเท่าข้าด้วยซ้ำ”
“หยางเอ๋ออย่าดูถูกพวกเขา ท่านผู้นั้นเป็นคนเชิญพวกเขามา ท่านผู้นั้นจะต้องไม่พลาดแน่!”
นางตำหนิสาวน้อย
สาวน้อยแลบลิ้นออกมา
“ข้ารู้แล้วน่า”
นางโบกมือให้ซือหยูกับหยวนหยิงหยิง
“ไปกันเถอะข้าจะแนะนำคนในตระกูลให้พวกเจ้า”
ซือหยูกับหยวนหยิงหยิงมองเหล่าคนหนุ่มสาวเหล่าหนุ่มสาวก็มองกลับมาเช่นกัน ซือหยูเลยคิดว่าคนเหล่านี้คือคนตระกูลซือถู และดูเหมือนว่าตระกูลซือถูจะอยู่ในสถานการณ์เดียวกับตระกูลชางก่วนที่ให้สิทธิ์การทดสอบกับคนในตระกูล
“ผู้เฒ่าหลี่ไปกันเถอะ”
นายหญิงตระกูลซือถูกล่าว
ผู้เฒ่าหลี่ลืมตาและหยิบนกขนาดเท่าดัชนีออกมาไม่รู้ว่ามันทำจากสิ่งใด แต่มันมีพลังที่แข็งแกร่งของภูติชั้นต้น
หุ่นเชิดรึ?ซือหยูตกใจเมื่อเห็นนกน้อย เขาคิดถึงปรมาจารย์หุ่นเชิดหยูเทียนฉี หุ่นเชิดนกถูกโยนขึ้นฟ้า มันขยายขนาดจนยาวสามสิบเมตร!
ทุกคนที่นี่รวมถึงนายหญิงซือถูตามไปยืนบนหุ่นเชิดหยางเอ๋อนั้นพูดคุยไม่หยุดมาโดยตลอด นางค่อนข้างร่าเริง คำพูดของนางทำให้บรรยากาศรอบๆแจ่มใส
ซือหยูกับหยนวนหยิงหยิงสวมหมวกไผ่พวกเขาดูลึกลับ และถ้าหากเขาถูกคนที่ทรงพลังส่งตัวมา คนอื่นๆก็ให้ความนับถือเป็นอย่างมากและไม่กล้าดูถูกในเรื่องฐานพลังที่ต่ำกว่า
ด้วยเหตุนี้คณะเดินทางจึงเดินทางไปได้ด้วยดีไร้ข้อบาดหมางตลอดการเดินทาง เมื่อบินมาครึ่งวัน พวกเขาก็บินผ่านแม่น้ำสายที่เต็มไปด้วยเศษน้ำแข็ง
“หากถึงแม่น้ำเยือกแข็งเราก็เกือบจะย่างเข้าเขตแดนตำหนักโลหิตแล้ว”
ผู้เฒ่าหลี่กล่าวหอนภานั้นเป็นดินแดนที่ใกล้กับตำหนักโลหิตมากที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงมาถึงในเวลาแค่ครึ่งวัน!
“มืดแล้วคงไม่เหมาะหากจะเดินทางต่อ เราจะพักค้างคืนที่นี่…”
ผู้เฒ่าหลี่กล่าว
นายหญิงซือถูพยักหน้า
“ท่านพูดถูกช่วงเวลาที่แปลกเป็นพิเศษแบบนี้มิควรเดินทางยามวิกาล”
หลังจากหุ่นเชิดนกร่อนลงพื้นพวกเขาก็ตั้งค่ายริมแม่น้ำเยือกแข็ง พวกเขามีจ้าวเทวะอย่างนายหญิงซือถูกับผู้เฒ่าหลี่อยู่ด้วยจึงไม่ได้หวาดกลัวอันตรายนัก
ซือหยูกับหยวนหยิงหยิงตกใจอยู่บ้างทั้งสองไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงหยุดเดินทางแม้จะเข้าดินแดนตำหนักโลหิตมาแล้ว
ในตอนนั้นหยางเอ๋อนำขาแพะย่างสองชิ้นมาให้ซือหยูกับหยวนหยิงหยิง
“พวกเราจะถึงตำหนักโลหิตบ่ายพรุ่งนี้นี่คือครั้งแรกที่ข้าไปที่นั่น!”
หยางเอ๋อยิ้มดวงตาของนางกำลังคาดหวัง
ซือหยูพูดขึ้นมา
“หากเราต้องเดินทางอีกแค่ครึ่งวันใบไม่รีบไปในคืนนี้เล่า?”
หยางเอ๋อส่ายหน้ามองเส้นทางดำสนิทที่นำไปยังตำหนักโลหิตนางพูดอย่างล้ำลึก
“ไม่รู้รึว่าตำหนักโลหิตใช้เวทความฝันเทพวิญญาณน้ำแข็งในช่วงนี้?พวกเขาวางไว้หลายพื้นที่ ถ้าเราประมาทแม้แต่นิดเดียว เราอาจจะพลาดท่าได้!”
“โดยเฉพาะตอนกลางคืนพลังของมันจะแข็งแกร่งยิ่งกว่า แม้แต่ผู้เฒ่าหลี่ก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้าไปในตอนกลางคืน”
ซือหยูหรี่ตาเขารู้สึกว่ามีเรื่องลับสุดยอดที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ เพราะเวทความฝันเทพวิญญาณน้ำแข็งนั้นเป็นเวทความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนพรสวรรค์ทั้งสิบแปด ในอดีตซือหยูกับลู่จือยี่ยังเคยติดอยู่ในนั้น
ความทรงจำในวันนั้นยังคงอยู่ไม่จางหายแต่ถ้าหากตำหนักโลหิตใช้มันเมื่อเร็วๆนี้ เช่นนั้นมันก็ควรจะเกี่ยวข้องกับสำนักมืดที่เริ่มก่อเรื่องวุ่นวาย
“พวกเจ้ากินต่อไปนะส่วนข้าจะไปหาท่านแม่”
หยางเอ๋อกระโดดไปนั่งข้างนายหญิงซือถู
ซือหยูยิ้มบางๆ
“นางร่าเริงดีจริงๆ”
“พี่ซือชอบผู้หญิงแบบนี้รึ?”
หยวนหยิงหยิงจ้องมองซือหยูราวกับจะเตือนว่าถ้าเขากล้ายอมรับเรื่องแบบนี้นางจะร้องไห้ออกมาเดี๋ยวนั้น
ซือหยูแค่ยิ้มและไม่ตอบแต่ในตอนนั้นเขาก็รู้สึกเจ็บที่มือขวา
สีหน้าเขาเปลี่ยนไปเขาแบมือและเห็นรอยเพลิงที่เริ่มใหม่อีก มันไหม้ขึ้นมาจริงๆ มันยังทำให้ชีพจรที่มือของเขาถูกดูดพลังไปด้วย
มันดูดพลังชีวิตของเขาไปและดูดรุนแรงขึ้นไปอีก ความเร็วในการดูดกลืนของมันเพิ่มขึ้นอีก
เพลิงเริ่มเข้มข้นขึ้นดูเหมือนมันจะเผาทั้งร่างของซือหยู ซือหยูตกใจ เขาตกอยู่ในอันตรายอย่างแท้จริง เงาแห่งความตายค่อยๆมาหาเขาช้าๆ
ตึก!ตัก!
หัวใจเต้นแรงราวกับจะกระโดดออกมาจากอกมันเจ็บปวดอย่างมาก เขารู้สึกแย่มากกับความเจ็บแปลบในหัวใจ แม้แต่หม้อเก้ามังกรก็เริ่มสั่นอย่างงรุนแรง เสียงร้องมังกรนับไม่ถ้วนดังจากในดวงวิญญาณ
ดูเหมือนมันต้องการเตือนเขา!นี่เป็นครั้งแรกที่หม้อเก้ามังกรส่งคำเตือนมาให้เขา นั่นหมายความว่านี่อาจเป็นวิกฤติครั้งใหญ่ที่สุดที่ซือหยูเคยเจอ!
เขาย้อนคิดถึงคำเตือนของเซี่ยจิงหยูเมื่อนางบอกว่าวิถีของซือหยูขาดสะบั้นภัยร้ายถึงร้ายที่นางพูดถึงกำลังมาถึงในอีกไม่นาน!
ซือหยูตกตะลึงเมื่อคิดได้เช่นนี้แม้เขาจะพยายามดับไฟเท่าไหร่ ไม่ว่าจะใช้พลังชีวิตและพลังจิตวิญญาณพยายามทางไหน เขาก็ทำอะไรเพลิงนี้ไม่ได้ อย่างกับว่าเพลิงนี้คือความว่างเปล่าที่ไม่มีสิ่งใดส่งผลได้!
เขาไม่มีอายุขัยเหลือมากอยู่แล้วในทีแรกและเมื่อเพลิงลุกลาม อายุขัยหนึ่งในสามของเขาก็ถูกดูดกลืนไปในทันที ในชั่วยามเดียว อายุขัยของเขาจะหมดลง นั่นหมายความว่าเขาจะตาย!
“ข้าจะต้องทะลวงพลังเดี๋ยวนี้!ข้ารอไม่ได้แล้ว”
ซือหยูแววตาหดหู่
เพราะเขาดับเพลิงนี้ไม่ได้เขาทำได้แค่มองหาหนทางเพิ่มอายุขัย ทางเดียวก็คือการขึ้นเป็นภูติ
ฟึ่บ!
ซือหยูบินขึ้นหันหลังกลับเขากล่าว
“ทุกท่านข้าต้องออกไปชั่วคราว แต่พรุ่งนี้ข้าจะกลับมา”
เขาพูดจบและดำดิ่งลงในแม่น้ำเยือกแข็งขณะที่อยู่ในแม่น้ำ เขาได้กินโอสถขยายภูติระดับสี่เข้าไป
เมื่อกินโอสถของเหลวที่ร้อนดั่งลาวาได้ปะทุออกมา ซือหยูแทบจะคายโอสถทิ้ง มันผ่านลำคอไปยังปอดและไปต่อถึงจุดกำเนิดพลัง ของเหลวร้อนได้ไปถึงจุดกำเนิดพลังภายนอก สายธารพลังชีวิตของเขาเริ่มที่จะเดือด!
พลังร้อนระอุระดับนี้มิใช่สิ่งที่จุดกำเนิดภายนอกจะรับได้มันรีบผ่านไปถึงจุดกำเนิดภายใน มันถูกเติมเต็มในเวลาเพียงครึ่งชั่วยาม จุดกำเนิดพลังภายในของเขาเริ่มละลายด้วยความร้อนสูง มันเหมือนกับที่ปิดตายที่ถูกทำลายโดยลาวาปะทุ
ปั้ง!
เสียงระเบิดเบาๆดังมาจากในท้องจุดกำเนิดพลังภายในของเขาระเบิดกระจุย มันขยายออกเกิดมิติยาวสองพันศอก ครั้งนี้แก้วพลังชีวิตทั้งสามดวงก็ระเบิดเช่นกัน มันกลายเป็นวารีที่หลั่งไหลอยู่ภายใน
มันเกิดขึ้นอย่างที่เคยเกิดมาก่อน…พลังวิญญาณจากทั้งโลกถูกร่างกายซือหยูดูดซับสายธารแห้งเหือดถูกเติมจนเต็มทั้งหมด
ในตอนนี้แขนทั้งข้างของซือหยูถูกเพลิงเผาไปแล้ว ไฟร้อนขึ้นในทุกนาที มันเป็นเวลาเดียวกันที่จุดกำเนิดพลังภายในของเขาก่อร่างสมบูรณ์ ตอนนี้จุดกำเนิดพลังทั้งสองได้กลายเป็นสายธาร และพลังชีวิตของเขายังเทียบเท่ากับภูติระดับสอง!
ครืน!
ทันใดนั้นเองเมฆาก่อตัวเหนือศีรษะของซือหยู สายฟ้าสายยักษ์ร้องคำรามอยู่ภายใน มันคือวิบัติสวรรค์! วิบัติสวรรค์ของเขาเริ่มขึ้นแล้ว และถ้าหากเขาผ่านไปได้ เขาก็จะได้กลายเป็นภูติเต็มตัว!
โฮก!
มังกรสายฟ้าร้องคำรามจากฟากฟ้าซือหยูดีดนิ้วเรียกเกราะสายฟ้าออกมาดูดซับสายฟ้าจนหมด แต่สายฟ้าที่สองและสามก็ฟาดลงมาติดๆ! แม้วิบัติอัสนีจะน่ากลัวกว่ากึ่งภูติคนใด ซือหยูก็ผ่านมันได้อย่างไม่ยากเย็น
เพราะสายฟ้าทั้งสามสายคือสิ่งที่จะต้องแบกรับเมื่อจะก้าวเป็นภูติเมื่อวิบัติอัสนีหายไป แสงอบอุ่นก็ได้ส่องมาถึงซือหยูจากส่วนลึกสุดของท้องนภา คลื่นพลังอบอุ่นได้ไหลในร่างกายของเขา
ผิวหนังเลือดเนื้อ สายพลัง ทวารทั้งห้า และภายในทั้งหก ทั้งภายนอกภายในได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล วิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้นภายใต้ผลของแสงกระจ่าง พลังจิตวิญญาณที่เทียบเท่าภูติระดับหนึ่งในตอนนี้ไปถึงระดับภูติระดับสองอย่างรวดเร็ว
เนื้อหนังและกระดูกเองก็แข็งแกร่งขึ้นทำให้ร่างกึ่งภูติของเขาเปลี่ยนเป็นภูติระดับหนึ่ง นั่นหมายความว่าถ้าเขาใช้กายามังกรตอนนี้ เขาจะแข็งแกร่งเท่ากับภูติระดับสี่!
เขาได้รับผลประโยชน์มากมายหลังจากผ่านวิบัติสวรรรค์ภายนอกและภายในเปลี่ยนแปลง อายุขัยเองก็เพิ่มขึ้น เขาจะใช้ชีวิตได้อีกสามร้อยปี! อายุขัยสามมร้อยปีที่ได้มาทำให้พลังชีวิตในร่างกายเอ่อล้นเต็มที่
แกร๊ก!
ผิวหนังเหี่ยวย่นหลุดร่อนออกเผยให้เห็นผิวเรียบเนียนดั่งหยกภายในเขาราวกับเกิดใหม่ ผิวนุ่มราวกับสตรี
เมื่อผิวของคนแก่หลุดออกร่างหล่อเหลาของวัยหนุ่มก็เผยให้เห็น มันยอดเยี่ยมจริงๆ! ดวงดาลึกล้ำสดใสพร้อมความเฉียบคมเผยออกมา ผมสีขาวเป็นเงางามดูมีเสน่ห์
ซือหยูลืมตาเขาหายใจเอาอากาศภายนอกเข้าไป เขาได้ร่างหนุ่มกลับมาแล้ว!
เขาโผล่หัวพ้นน้ำพยายามจะมองดูว่าแม่น้ำเยือกแข็งเชี่ยวกรากพาเขามาไกลเพียงใดเขาเห็นว่าหยวนหยิงหยิงกับคนอื่นไม่ได้อยู่ตอนที่เขาผ่านวิบัติสวรรค์เพราะเขาลอยมาไกลมาแล้วนั่นเอง
เมื่อซือหยูสังเกตเพลิงที่ยังไหม้แขนอยู่ก็สีหน้าหม่นหมองเขาเริ่มสงสัย…ข้าจะดับมันยังไง?
ที่ซือหยูตกใจยิ่งกว่าก็คือร่างกายนของเขาที่เพิ่งจะกลับมาหนุ่มแน่นอีกครั้งได้เริ่มแก่ตัวลงในความเร็วที่สูงมาก!พริบตาเดียวเขาก็กลายเป็นชายแก่ผมขาว!
“เกิดอะไรขึ้น?”
ซือหยูอุทานด้วยความตกใจ
เขาตรวจดูอายุขัยตัวเองก็พบว่ามันไม่ได้ถูกดูดกลืนไปจนหมดเขาจึงไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกาย!
เขาครุ่นคิดต่อไปแสงสีม่วงเปล่งจากตาซ้ายพร้อมกับเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้น…ร่างกายของเขากลับมาหนุ่มอีกครั้ง! และเมื่อเขาใช้พลังอีกครั้ง ร่างกายก็กลับมาแก่เฒ่าอีก ดูเหมือนว่าเขาจะเปลี่ยนสภาพร่างกายได้อย่างอิสระ!
“ดูเหมือนว่าจะเป็นผลข้างเคียงที่ข้าใช้พลังห้วงเวลามากเกินไป!ร่างหนุ่มกับร่างปัจจุบันได้มีตัวตนทั้งสองช่วงเวลา!”
ซือหยูโพล่งขึ้นมาด้วยสีหน้าประหลาด
นี่ไม่เป็นผลลบต่อฐานพลังของเขาเลยมันกลับทำให้เขามีข้อได้เปรียบที่คาดไม่ถึงเพิ่มขึ้นมา เพราะเขาจะปิดบังตัวตนได้ง่ายขึ้นเมื่อสามารถสลับรูปลักษณ์ไปมาได้
ซือหยูแปลงร่างกลับมาเป็นร่างแก่เฒ่าเพราะร่างตอนหนุ่มของเขาเป็นเป้าต่อราชาเขตกลาง คงจะดีกว่าหากไม่แปลกรูปลักษณ์นั้น
เมื่อจัดการเรื่องนี้เสร็จก็เป็นเวลาจัดการกับเพลิงที่เป็นเสี้ยนหนามมานานแต่เขาก็รู้สึกถึงความร้อนสูงที่ส่งผ่านมาจากส่วนลึกสุดของท้องฟ้า เขาเงยหน้าขึ้นไปมองก็เบิกตากว้าง นั่นก็เพราะเมื่อเมฆของวิบัติอัสนีสลายไป เมฆาเพลิงได้ปรากฏขึ้นมาแทน!
เมฆาเพลิงนี้มีเจตจำนงของโลกอยู่ด้วยมันมีพลังเหนือกว่าวับัติอัสนีหลายเท่าตัว เสี้ยวเพลิงข้างในทำให้ซือหยูหวาดกลัว เขารู้สึกราวกับจะละลายเป็นฝุ่นผงจากมัน เขารู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไร…มันคือความรู้สึกเมื่อต้องเจอกับอสูรเนรมิตร!
เพลิงสะท้อนในแววตาซือหยู
“นั่นมัน…วิบัติอัคคีรึ?”
วิบัติอัสนีนั้นพบได้ทั่วไปแต่มิใช่กับวิบัติอัคคี มันนับว่าหายากมาก
แท้จริงแล้ววิบัติอัคคีแทบจะไม่เกิดขึ้นแม้จะเป็นวิบัติสวรรค์ของจ้าวเทวะมีเพียงเมื่ออสูรเนรมิตรผ่านวิบัติสวรรค์เท่านั้นที่วิบัติอัคคีจะเกิดขึ้น
วิบัติอัคคีที่เขาเจอมีพลังทำลายล้างสูงมากเพราะมันคือพลังที่อสูรเนรมิตรจะต้องพบเจอเขาสงสัยว่าทำไมเขาถึงเจอกับมันตอนนี้ เขาลำบากใจอย่างมาก!
และตัวเขาเองก็ผ่านวิบัติสวรรค์มาแล้วเขาไม่รู้เลยว่าทำไมวิบัติที่สองถึงเกิดขึ้น! เขาอ้าปากค้าง…นี่รึภัยถึงตายที่เซี่ยจิงหยูพูดถึง?
ซือหยูเลิกคิ้วมองแขนที่ถูกเผา
“มันเกี่ยวข้องกับเพลิงนี้รึ?”
เป็นเวลาเดียวกับที่มีเสียงดังขึ้นมา
“ข้าเจอมันแล้ว!”
แสงสีทองห้าสายปรากฏขึ้นมันส่องประกายทั่วฟ้าจนเป็นสีทอง มันสว่างอย่างมาก
เมื่อซือหยูมองวิบัติอัคคีก็ได้ระเบิดเป็นวายุ ตะวันแสงจ้าห้าดวงระเบิดมาจากวายุเพลิงนั้น
เมื่อเขาใช้เนตรวิญญาณมองดูก็เป็นคนห้าคนด้านในแสงสีทองแต่ละคนสวมชุดเกราะสีทองและมีมงกุฎเหนือศีรษะ มันมีลายสุริยันจันทราและดาราสลักเอาไว้
เมื่อทั้งห้าปรากฏตัวทั้งโลกได้สั่นไหว ทุกสิ่งมีชีวิตเงียบกริบ ซือหยูเบิกตากว้างจนเล็กเท่ารูเข็ม
“อสูรเนรมิตร!”
พวกเขาคือห้าอสูรเนรมิตร!
DND.772 – สาวน้อยอสูรเนรมิตร
ทั้งห้าไม่ได้อ่อนแอไปกว่าจักรพรรดิโลหิตแม้แต่น้อยพวกเขาแข็งแกร่งพอๆกัน
“เจ้าจะไปกับเราหรือจะตาย?”
หัวหน้าองครักษ์แสงกระจ่างถามซือหยู
ซือหยูเบิกตากว้างหัวใจเต้นแรงหยุดไม่อยู่ เขาเพิ่งจะมาถึงจิวโจวเมื่อไม่นาน เขาไม่มีเวลาจะมีเรื่องกับสำนักใด
ด้วยเหตุนี้เขาจึงรู้ว่าคนเดียวที่จะส่งอสูรเนรมิตรมาไล่ล่าเขาก็คือราคาเขตกลางดูเหมือนว่าเขาจะใช้อำนาจของตนเพื่อให้ได้มาซึ่งหม้อเก้ามังกร
ซือหยูกัดฟันและใช้พลังห้วยเวลาโดยไม่คิดหน้าคิดหลังแสงสีม่วงโอบล้อมสิ่งงรอบข้างกักขังเวลาเอาไว้ แต่พลังนี้ก็แช่แข็งเวลาได้เพียงไม่นานเท่านั้น
“แดนพลังรึ?”
หนึ่งในห้าอสูรเนรมิตรถามขณะที่ทั้งห้าเลิกคิ้ว พวกเขาตกใจกับเรื่องนี้
หัวหน้าองครักษ์แสงกระจ่างพูดอย่างใจเย็น
“คนที่ราชาของพวกเราต้องการตัวช่างยอดเยี่ยมจริงๆแต่ถ้าอยู่ต่อหน้าพลังของพวกเรา อุบายทุกอย่างของมันก็ไร้ความหมาย”
“แหลกไปซะ!”
หัวหน้าอสูรเนรมิตรก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับเพลิงร้อนสูงที่ร่วงลงมาจากฟ้าเพลิงนั้นครอบคลุมมิติที่ถูกกาลเวลาแช่แข็งจนพลังเวลาสลายไปในพริบตา
ซือหยูเจ็บปวดราวกับโดนมีดแทงดวงตาซ้ายโลหิตไหลออกมาจากดวงตาของเขา อสูรเนรมิตรเหล่านี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เป็นไปไม่ได้ที่ซือหยูจะต้านทาน แต่เขาก็ไม่คิดจะยอมแพ้ จะอย่างไรเขาก็ต้องสู้
ตอนที่เขาใช้พลังเวลาแสงสีแดงก็ได้เปล่งประกายจากตาขวา มันปกคลุมร่างกายของเขา เขาเริ่มยักย้ายตัวเอง
“โง่เขลานักที่ใช้พลังมิติต่อหน้าอสูรเนรมิตร”
หัวหน้าอสูรเนรมิตรพูดอย่างใจเย็น
“ถ้าเจ้าเอาแต่ต่อต้านพวกข้าข้าก็จะเอาร่างไร้วิญญาณของเจ้ากลับไป”
เขาเอื้อมมือไปยังทิศทางของซือหยูพลังมิติรอบตัวซือหยูปั่นป่วนและบิดเบี้ยว ซือหยูที่อยู่ภายในพลังกำลังจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ!
แต่ซือหยูก็คาดไว้แล้วว่ามันจะเกิดขึ้นเพราะเขารู้แล้วว่าอสูรเนรมิตรควบคุมพลังมิติได้ตอนที่เขาสู้กับจักรพรรดิโลหิต
ดังนั้นตอนที่เขาถูกโจมตีเขาก็ได้ตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน
“วายุมิติ!”
อุโมงค์มิติที่ทำให้เขาข้ามระยะไปได้หลายพันลี้ปรากฏตรงหน้าเขาไม่รู้ว่ามันจะพาเขาไปไหน แต่มันก็ดีกว่ารอคอยความตายอยู่ตรงนี้!
“เปล่าประโยชน์”
หัวหน้าอสูรเนรมิตรจ้องมองซือหยูพลังอสูรเนรมิตรเข้าระเบิดวายุมิติทำให้มันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ดูเหมือนว่าอีกไม่นานมันจะถูกทำลาย
ในตอนนั้นซือหยูสะบัดชายเสื้อ เส้นไหมที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าได้แล่นออกมาตัดพลังของอสูรเนรมิตรเป็นสองท่อน มันทำให้เขาผ่านวายุมิติเข้าไปได้ สีหน้าเหล่าอสูรเนรมิตรหม่นหมอง พวกเขาไม่คิดว่าจะมีสมบัติวิเศษที่จะป้องกันกระบวนท่าของอสูรเนรมิตร
“ค่ายกลดักมังกร!”
สีหน้าของหัวหน้าอสูรเนรมิตรยังคงหนักแน่นมั่นคงขณะที่อีกสี่คนที่สุดก็ได้เข้าร่วมการต่อสู้
พวกเขาเริ่มขยับมือสร้างผนึกยิงไปทางท้องฟ้าผนึกเหล่านี้ทำให้มิติเริ่มแข็งตัวราวกับถูกแช่แข็ง
ความเร็วในการหมุนของวายุมิติที่ซือหยูสร้างได้ช้าลงและเริ่มสั่นมันกำลังจะแตกสลาย!
“แย่แล้ว!มันจะแช่แข็งมิติ!”
ซือหยูสัมผัสได้ถึงมิติที่เปลี่ยนไปเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามิติกำลังหยุดนิ่ง
นั่นจะทำให้พลังมิติไหลผ่านไม่ได้ทำให้การยักย้ายล้มเหลว! แต่ซือหยูก็กัดฟันพุ่งเข้าไปยังวายุมิติ
ซือหยูที่อยู่กลางวายุเห็นสิ่งรอบข้างหมุนวนราวกับว่าเขาอยู่ในพายุของจริง!
ปั้ง!
ในตอนนั้นเองพลังมิติได้ปั่นป่วนวุ่นวาย มันทำให้วายุมิติแตกสลาย ซือหยูชักสีหน้าอย่างเศร้าหมอง เพราะพลังมิติที่หลุดการควบคุมนี้แข็งแกร่งพอจะฉีกเขาออกจากกัน!
ในยามวิกฤติซือหยุกัดฟันหยิบเอามุกบาดาลโยนออกไปเบื้องล่าง เพราะมิติมิอาจรับน้ำหนักของมันไหว การแช่แข็งมิติถูกทำลาย ซือหยูได้เข้าไปในรอยแยกมิติอีกครั้งและปรากฏตัวไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
จ๋อม!
ซือหยูลอยกลางอากาศและตกลงไปในน้ำที่เย็นจนเจ็บร่าง
“แม่น้ำเยือกแข็งรึ?”
ซือหยูสีหน้าหม่นหมองดูเหมือนว่าเขาจะหนีมาได้ไม่ไกลเลย
แม้ค่ายกลดักมังกรจะหยุดเขาไม่ได้แต่มันก็ส่งผลกับระยะหนี อีกเหตุที่ซือหยูรู้สึกแย่ก็คือแม้จะหนีมาได้ วิบัติอัคคีก็ยังคงไหม้อยู่
เพลิงจำนวนมากดับไปเพราะการปรากฏตัวของอสูรเนรมิตรทั้งห้าแต่ก็ยังมีอีกสองเปลวที่ลอยอยู่เหนือหัวของเขา ดูเหมือนว่ามันจะมีวิธีบางประการที่จะติดตามซือหยู ด้วยเหตุนี้ ซือหยูลงเอยโดยการต้องทนรับวิบัติอัคคี
พวกมันใช้วิบัติอัคคีตามหาตำแหน่งของเขานั่นหมายความว่าพวกมันจะตามซือหยูทันในอีกไม่นานและต้องต่อสู้กันต่อไป! ซือหยูใจหายอย่างมาก เพราะเขาอาจจะหนีไม่ได้อีกแล้ว
แต่ในตอนนั้นเองก็มีเสียงไพเราะดังมาจากข้างหู
“หืม?แปลกนัก! ทำไมวิบัติอัคคีถึงปรากฏตอนที่ภูติอย่างเจ้าผ่านวิบัติสวรรค์ล่ะ?”
เขาเงยหน้าดูต้นเสียงและก็ต้องตกตะลึงเขาเห็นสาวน้อยงดงามที่สวมชุดสีม่วง นางยืนอยู่ริมตลิ่งสังเกตดูซือหยูที่อยู่ในแม่น้ำด้วยความสงสัย
ซือหยูตกใจอย่างมากเพราะพวกเขาอยู่ห่างกันไม่ถึงสิบก้าวแต่เขาก็ไม่พบการมีอยู่ของนางจนถึงตอนนี้ สิ่งที่ตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือมีมงกุฎประหลาดที่เหมือนกับมงกุฎของอสูรเนรมิตรอยู่บนหัวนาง!
อสูรเนรมิตร!ความตกใจถาโถมเข้ามาเมื่อรู้ว่าสาวน้อยน่ารักผู้นี้ที่อายุไม่น่าจะเกินสิบหกปีเป็นอสูรเนรมิตร! นางมีดวงตาสดใสบริสุทธิ์ที่ไม่มีสิ่งเจือปนแม้แต่น้อย ราวกับว่านางเป็นอัญมณีล้ำค่า
“เจ้าสายตามีแววแค่มองก็รู้ว่าข้าเป็นอสูรเนรมิตร…”
สาวน้อยกล่าว
นั่นทำให้ซือหยูตกตะลึงยิ่งกว่าเดิมเพราะดูเหมือนนางจะอ่านใจเขาได้! ซือหยูชักสีหน้า…
นางมีพลังพรสวรรค์อ่านใจงั้นรึ?
“นั่นมิใช่พรสวรรค์แต่เป็นแดนพลังของข้า…”
นางย่อตัวลงมองเขาด้วยความสงสัย
“ข้ามีลางว่าศัตรูอยู่ที่นี่หรือว่าเจ้าคือศัตรูของข้า?”
สาวน้อยเป่าลมใส่เขาเบาๆมันทำให้ชุดไผ่ของเขาหายไปเผยร่างแก่เฒ่า
“ไม่ใช่เจ้านี่”
สาวน้อยพูดพลางส่ายหน้า
นางเคยเห็นเพียงแค่ภาพเขียนของซือหยูเท่านั้นซึ่งมันแตกต่างกับชายแก่ตรงหน้าอย่างมาก ซือหยูก็ตกใจจนพูดไม่ออก เมื่อเขาเริ่มพยายามคิดได้ไม่นานก็ต้องรีบหยุดคิดไป เพราะนางสามารถอ่านใจเขาได้ เขาไม่ควรจะคิดอย่างประมาท!
“เอาเถอะ…ดูเหมือนว่าเจ้าแค่พยายามจะปิดบังอะไรบางอย่างจากข้าเจ้ารู้รึว่าข้าตามหาใครอยู่?”
สาวน้อยหรี่ตามองซือหยู
ซือหยูส่ายหน้าขณะที่ทำจิตใจให้ไม่คิดอะไร
“ข้าไม่รู้”
สาวน้อยยังคงสงสัย
“สัมผัสข้าไม่เคยพลาดจะต้องมีอะไรที่ช่วยข้าหาศัตรูได้สิ ถึงเจ้าจะไม่ใช่ศัตรูของข้า เจ้าก็น่าจะช่วยข้าหาเขาได้ ลุกขึ้น”
นางโบกมือลากซือหยูออกจากแม่น้ำนางใช้พลังบังคับให้เขายืนขึ้น
ฟึ่บ!
สาวน้อยหยิบภาพเขียนซือหยูร่างหนุ่มให้เขาดูแววตาซือหยูไม่เปลี่ยนไปเมื่อมองภาพตัวเอง
เขาทำท่าทางครุ่นคิดและแสร้งคิดในใจ…ดูเหมือนข้าจะเคยเห็นเขามาก่อนแต่นางดูไร้เดียงสา ต่อให้ข้ารู้ ข้าจะสร้างปัญหาให้ตัวเองโดยยอมรับทำไมเล่า?
ซือหยูตั้งใจคิดเช่นนี้แต่สาวน้อยคิดว่ามันคือความคิดที่แท้จริงของเขานางจึงทำหน้าเยือกเย็น
“เจ้าเคยเห็นเขานี่!”
ซือหยูตกตะลึงเขาสาปแช่งในใจ…บัดซบ นางอ่านใจได้จริงๆ! ข้าควรจะทำยังไง? นางจะฆ่าข้าไหม?
สาวน้อยตอบคำถามที่เขาไม่ได้พูด
“ข้าจะฆ่าเจ้าไปทำไมกัน?ตราบเท่าที่เจ้าบอกข้าว่าชายคนนี้ไปไหน มิเพียงแต่จะไว้ชีวิต แต่ข้าจะช่วยดับวิบัติอัคคีให้เจ้าด้วย”
ซือหยูดีใจมากเขายื่นแขนขวาที่ถูกเผาให้นางและถาม
“เจ้าดับได้แม้แต่เพลิงนี่รึ?”
สาวน้อยพยักหน้า
“ง่ายดายนัก”
“ก็ได้ข้าจะบอกเจ้า”
ซือหยูทำหน้าดีใจ
“แต่เจ้าต้องช่วยดับไฟให้ข้าก่อน”
สาวน้อยขมวดคิ้วและคิดในใจ…คนผู้นี้มีประสบการณ์และยังหลักแหลมข้าจะทำยังไงถ้าเขาตั้งใจบอกผิดทางล่ะ?
“เอามือเจ้ามา”
สาวน้อยพูด
ซือหยูยื่นมือขวาดัชนีอ่อนนุ่มของสาวน้อยเคลื่อนผ่านเพลิงและดับมันทั้งหมด แม้แต่ผนึกเพลิงที่อยู่กลางฝ่ามือก็หายไปด้วย
ในเวลาเดียวกันนั้นที่ระยะห่างไกลโพ้น องครักษ์แสงกระจ่างทั้งห้ากำลังมุ่งหน้าไปหาซือหยูด้วยความเร็วสูง แต่จู่ๆหัวหน้าองครักษ์ก็ตัวสั่นโลหิตไหลออกมาจากปากพร้อมความกลัวในแววตา
“ช้าก่อน!”
เขาตะโกน
อสูรเนรมิตรอีกสี่คนหยุดมุ่งหน้า
“มีคนแข็งแกร่งอยู่ที่นั่นมันลบผนึกของข้าไป!”
“อะไรนะ?ฐานพลังของคนนั้นจะต้องมากกว่าเจ้า! ในทั้งเขตกลางมีไม่ถึงสิบคนที่จะทำได้! ไอ้เด็กนั่นไปหาคนคนนั้นเจอได้ยังไง?”
หัวหน้านั้นมองทิศทางของซือหยูอย่างลังเลใจ
“พี่ใหญ่เราจะตามไปหรือไม่?”
หนึ่งในอสูรเนรมิตรถาม
ความหวาดกลัวปรากฏอยู่ในดวงตาของเขาเขาส่ายหน้าและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
“อย่าเพิ่งเลยเราจะรีบร้อนเพื่อสิ่งใดถ้าอันตรายถึงเพียงนี้? ถึงผนึกจะถูกลบไป เสี้ยวพลังก็หลอมรวมในร่างกับโลหิตมันไปแล้ว เรายังจับสัมผัสตำแหน่งของมันได้อยู่บ้าง ไม่ต้องห่วงว่าจะคลาดกับมัน”
…
หลังจากที่สาวน้อยดับไฟนางก็เงยหน้ามองท้องฟ้า นางกำหมัด วิบัติอัคคีด้านบนร่วงจากฟ้าหมุนวนไปมารอบดัชนีนาง
“เป็นเรื่องง่ายหากจะกำจัดวิบัติอัคคีแต่ถ้าเจ้าได้ปรับร่างจากวิบัติสวรรค์ การเป็นจ้าวเทวะในอนาคตของเจ้าก็จะยากกว่าคนธรรมดาเป็นสิบเท่า เจ้าอดทนสักหน่อยแล้วชำระวิบัติอัคคีสองเสี้ยวนี้ดีกว่า…”
เขาดีใจเมื่อได้ฟังคำพูดนางเขาคิดอย่างจริงใจ…
นางใจดีจริงๆการชำระวิบัติอัคคีค่อนข้างเป็นปัญหา ถ้าเป็นคนอื่นก็คงใจดีมากแล้วที่ดับไฟให้ แต่นางยังเสนอจะช่วยเขาด้วยตัวเองอีก
เขาไม่ได้คิดแบบนี้เพราะอย่างจะประจบนางแต่มันคือความรู้สึกจริงในหัวใจ สาวน้อยหน้าแดงขึ้นมาเมื่อได้อ่านใจของเขา
นางจ้องเขา
“เจ้าใจเย็นไว้เถอะขั้นต่อไปจะเจ็บปวดมาก แต่มีข้าช่วย ชีวิตเจ้าก็ไม่เป็นอันตราย”
ซือหยูรู้สึกขอบคุณนางเพราะวิบัติอัคคีสองเปลวนี้เป็นภัยแม้แต่อสูรเนรมิตร และซือหยูก็ไม่มั่นใจเลยว่าจะทำได้ด้วยตัวเอง