บทที่ 883 : บุตรสวรรค์!
  กู่หยุนฟะหวาดกลัวจนปัสสาวะราดออกมากระจายเต็มพื้นผู้คนต่างก็พากันยกมือขึ้นปิดปากปิดจมูก..
  “ถัง..ถังเมิ่ง! ฉันผิดไปแล้ว! ฉันผิดไปแล้ว.. ฉันจะยกผู้หญิงของฉันทั้งหมดให้นาย..”
  กู่หยุนฟะหมอบนิ่งอยู่กับพื้นหมดสภาพและได้แต่อ้อนวอนร้องขอความเมตตาจากถังเมิ่ง..
  ถังเมิ่งทำเสียงเย้ยหยัน“ผิดไปแล้วงั้นเหรอ ตอนนี้รู้ตัวว่าทำผิดแล้วเหรอ?! แต่มันสายไปแล้ว!”
  ถังเมิ่งค่อยๆย่อตัวลง และใช้อิฐที่อาบไปด้วยเลือดของเสียเจิ้นเหยินฟาดลงไปบนใบหน้าของกู่หยุนฟะ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
  “ความแค้นของเราสองคนก็แค่เรื่องนิดๆหน่อยๆในโรงเรียนมันเป็นเรื่องธรรมดามาก! จำเป็นที่จะต้องเอากันให้ตายไปข้างหนึ่งเลยเชียวเหรอ”
  “แกแค่พ่ายแพ้นิดหน่อย..แต่กลับคับแค้นใจจนต้องหาวิธีจัดการกับพวกฉัน พอเห็นว่าพี่หยุนไม่อยู่ พวกแกก็กลับมากร่างในโรงเรียน และรังแกหลิงยู่ แล้วยังหักแหนหักขาฉัน!”
  “พอพี่หยุนกลับมา..พวกแกก็กลัวจนต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปซ่อน แต่พวกแกคงลืมไปว่าต่อให้พวกแกจะหนีไปไกลแค่ใหน บ้านของพวกแกก็ยังคงอยู่จิงฉู!”
  “กู่หยุนฟะ..ฉันจะบอกอะไรให้! พ่อของแกเพิ่งจะยกทรัพย์สินทั้งหมดของครอบครัวแกให้กับพี่หยุน เพื่อแลกกับชีวิตของแก!”
  “และเพราะพี่หยุนเห็นแก่ความเป็นเพื่อนนักเรียนพี่หยุนก็เลยรับปากว่าจะไม่ฆ่าแก!”
  “ฉันเองก็คิดว่าหลังจากที่ได้รับทรัพย์สินมูลค่ากว่าสามพันห้าร้อยล้านของพ่อแกมาฉันก็จะแค่สั่งสอนแกเล็กๆน้อยๆให้เห็นบทเรียนเท่านั้น แล้วเรื่องราวระหว่างเราก็เป็นอันว่าจบไป!”
  เวลานี้ถังเมิ่งสร่างเมาแล้วและหลังจากที่ได้ระบายอารมณ์โกรธลงไปบนร่างของเสียเจิ้นเหยินแล้ว ความคับแค้นใจก็ได้ทุเลาลง จึงสามารถพูดจากับกู่หยุนฟะได้อย่างฉะฉาน..
  “แต่กลับคิดไม่ถึงว่าพวกแกสองคนจะชั่วช้าเกินมนุษย์!พวกแกกล้าทำเรื่องเลวทรามแบบนี้ได้ยังไง แกตอบฉันมาหน่อยว่าการกระทำชั่วช้าเลวทรามแบบนี้ จะให้ฉันไว้ชีวิตแกได้ยังไง?”
  “แกสร้างบาปกรรมที่ฉันไม่สามารถจะให้อภัยแกได้จริงๆ!”
  ถังเมิ่งพูดจบก็ยกอิฐในมือฟาดลงไปที่ข้อมือของกู่หยุนฟะ!
  “โอ๊ย!!!”เสียงกรีดร้องของกู่หยุนฟะดังขึ้น
  “และนี่เป็นบทลงโทษที่แกระเบิดคลินิกสามัญชน!”
  “โอ๊ย!!”เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นอีก
  “ส่วนครั้งนี้ก็สำหรับการระเบิดร้านเสื้อผ้า!”
  กู่เหลียนเฉิงที่ถูกครอบครัวของเหยื่อจับตัวไว้ได้แต่ดิ้นขลุกขลักไม่สามารถออกมาช่วยเหลือลูกชายได้ จึงได้แต่ยืนมองกู่หยุนฟะถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตาเช่นเดียวกับเสียเจิ้นติง!
  “ได้เงินสามพันห้าร้อยล้านของพวกแกมาแล้วยังไงต่อให้เป็นหมื่นเป็นแสนล้านก็ไม่สามารถชดเชยชีวิตที่เสียไปได้!”
  ถังเมิ่งร้องตะโกนออกมาอย่างคับแค้นใจและอิฐในมือก็แตกออกเป็นเสียงๆ เขาวิ่งไปคว้าเอาหินก้อนใหญ่มา และวิ่งเข้าไปหากู่หยุนฟะอีกครั้ง
  ท่ามกลางเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของกู่หยุนฟะ..ทั้งแขนและขาของมันได้ถูกถังเมิ่งทุบจนหัก และกำลังนอนหมดสภาพอยู่บนพื้นถนน
  “แล้วนี่ก็สำหรับเด็กสาวบริสุทธิ์สองคนที่ถูกพวกแกฆ่าตาย!”
  ในที่สุดถังเมิ่งก็ได้แก้แค้นสมใจเขาลุกขึ้นยืนหลังจากที่ได้ระบายความโกรธแค้นในใจออกไปจนหมดแล้ว แววตาของถังเมิ่งสงบนิ่ง และใบหน้าและร่างกายมีเลือดกระเด็นติดอยู่เต็มไปหมด
  “พอได้แล้ว!”ถังเทียนห่าวร้องสั่ง!
  “ครับพ่อ!”
  “พาตัวเขาขึ้นรถไปที่สถานีตำรวจ..”
  “ครับผม!”
  ถังเทียนห่าวร้องสั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายให้จัดการจับตัวถังเมิ่งขึ้นรถ และพากลับไปที่สถานีตำรวจ
  ถังเมิ่งทำร้ายร่างกายคนอื่นต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้ไม่ว่าอย่างไรถังเทียนห่าวก็ต้องจับตัวเขาไปตามกฏระเบียบ ถึงแม้ว่าคนที่ถังเมิ่งทำร้ายจะเป็นอาชญากรก็ตามที..
  เมื่อเห็นถังเทียนห่าวจัดการกับลูกชายตัวเองเช่นนี้หลิงหยนุก็ได้แต่ยิ้ม ตั้งแต่มาถึงที่นี่ก็แทบจะยังไม่ได้ขยับตัวไปใหน และเมื่อถังเมิ่งเดินผ่านหลิงหยุน เขาก็กระซิบเบาๆว่า..
  “เยี่ยมมาก!”
  ถังเมิ่งตอบกลับมาเสียงเบา“พี่หยุน.. ฉันคิดไม่ถึงว่าจะเหนื่อยขนาดนี้!”
  การที่จะหักกระดูกของใครสักคนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆและถังเมิ่งก็เป็นเพียงคนธรรมดา..
  หลิงหยุนทำเสียงดุ“ก็ใครให้นายไม่ยอมฝึกวิชาล่ะ! อย่าว่าแต่นายจะเหนื่อยเลย ฉันแค่ยืนดูก็ยังเหนื่อยแทน!”
  ถังเมิ่งยิ้มและตอบกลับไปว่า“ฉันจะไปอาบน้ำที่สถานีตำรวจก่อน สภาพของฉันตอนนี้มันทุเรศมาก! พี่รีบไปประกันตัวฉันออกมาเร็วๆล่ะ!”
  หลิงหยุนตอบกลับไปว่า“ฉันว่าจะให้ลุงถังขังนายไว้สักสองปี!”
  ดูจากท่าทางของทั้งสองคนที่พูดคุยกันนั้นพวกเขาทำราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นเพียงแค่เรื่องตลก เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายผลักถังเมิ่งพร้อมกับร้องสั่งว่า
  “ไปได้แล้ว!”
  เจ้าหน้าที่ตำรวจหน้าใหม่ทั้งสองคนทำราวกับว่าถังเมิ่งเป็นฆาตกรต่อเนื่องแต่แล้วก็ได้ยินเสียงกระซิบว่า
  “พวกนายสองคนไม่รู้หรือยังไงเขาเป็นลูกชายของผู้อำนวยการถัง!”
  เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองคนได้ยินก็ถึงกับตกตะลึง!
  หลิงหยุนเห็นถังเมิ่งระล้าระลังไม่ยอมเดินไปเขาจึงผลักไหล่พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ไปได้แล้ว! ที่นี่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับนายแล้ว..”
  หลิงหยุนมองถังเมิ่งที่เดินผิวปากขึ้นรถตำรวจไปอย่างอารมณ์ดีจากนั้นจึงก้าวเท้าเดินเข้าไปหาครอบครัวของเหยื่อทั้งสองคน หลิงหยุนไม่ชายตามองเสียเจิ้นติงกับกู่เหลียนเฉิงเลยแม้แต่น้อย เขาพูดกับครอบครัวของเด็กสาวทั้งสองคนว่า
  “ร้านเสื้อผ้าของผมเหลือแค่ซากปรักหักพังแบบนี้ผมเองก็เจ็บปวดไม่ต่างจากพวกคุณ! แต่ได้โปรดสบายใจได้.. ไม่ว่าพวกคุณต้องการค่าชดเชยมากแค่ใหนอย่างไร ผมในฐานะเจ้าของร้าน ยินยอมที่จะชดเชยให้กับพวกคุณโดยไม่มีเงื่อนไข!”
  เวลานี้ร้านเสื้อผ้าแห่งนี้ดูแลโดยหวังหงหยวนส่วนเจ้าของก็คือถังเมิ่ง และเจ้านายของถังเมิ่งก็คือเขานั่นเอง! และคำพูดของเขาก็คือที่สุดแล้ว!
  ครอบครัวของเหยื่อทั้งสองคนต่างก็รู้ดีว่าหลิงหยุนเป็นผู้ที่จับตัวคนร้ายมาลงโทษ ตอนนี้ถังเมิ่งก็ได้ทุบตีพวกมันสองคนจนนอนแน่นิ่งไปต่อหน้าต่อตาพวกเขาทุกคนแล้ว และเมื่อได้ยินหลิงหยุนพูดแสดงน้ำใจออกมาเช่นนี้ ต่างก็พากันเอ่ยขอบคุณ..
  “ขอโทษนะพ่อหนุ่ม..ไม่ทราบว่าเธอเป็นใคร!” พ่อของเด็กสาวหนึ่งในเหยื่อสองรายเอ่ยถามหลิงหยุนขึ้นมา
  “เรื่องนั้นไม่สำคัญ!แล้วก็ไม่ต้องกังวลใจ สิ่งใดที่ผมพูดออกไปแล้ว ทุกอย่างจะดำเนินการไปตามนั้น!”
  หลิงหยุนตอบกลับอย่างสุภาพจากนั้นจึงหันหลังเดินกลับไปหาถังเทียนห่าว..
  “ลุงถัง..สถานการณ์ที่โรงงานยาเป็นยังไงบ้าง จับตัวหลู่เจิ้งเทียนได้มั๊ยครับ?”
  ถังเทียนห่าวตอบกลับไปยิ้มๆ“ไฟที่นั่นดับสนิทแล้ว แต่ยังหาตัวหลู่เจิ้งเทียนไม่พบ แต่เธอไม่ต้องห่วง ฉันได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในการค้นหาตัวของเขาแล้ว ต่อให้มีปีกก็ยากจะหนีพ้นแน่!”
  หลิงหยุนพยักหน้าและถามต่อ“แล้วมีใครได้รับบาดเจ็บล้มตายบ้างมั๊ยครับ”
  ถังเทียนห่าวตอบกลับไปทันที“ไม่มี.. ระเบิดนั่นทำลายโกดังและไหม้สมุนไพรไปบางส่วน.. ไม่เสียหายหนักเท่าที่นี่!”
  ถังเทียนห่าวตอบพร้อมกับกวาดสายตาไปทางคลินิกสามัญชนและร้านเสื้อผ้าที่ยังคงมีควันลอยออกมาอยางต่อเนื่อง..
  “ช่างน่าเสียดายคลินิกสามัญชน..”ถังเทียนห่าวพึมพำเบาๆ
  หลิงหยุนเองก็พูดเสียเงบา“แต่หากเทียบกับชีวิตคนแล้ว.. ก็ไม่สำคัญเท่า..”
  จากนั้นทั้งคู่ก็ยังคงนั่งคุยกันถึงเหตุการณ์ของบ้านเลขที่-9ในอ่าวจิงฉู และโรงแรมไคเฉวียน ถังเทียนห่าวแจ้งว่าได้ส่งตำรวจไปที่นั่นแล้ว ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลิงหยุนจึงได้แต่รู้สึกโล่งอก
  สองสามนาทีต่อมา..ผู้จัดการร้านเสื้อผ้าหวังหงหยวนก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา หลิงหยุนจึงรีบกวักมือเรียก และพูดคุยกันต่อหน้าถังเทียนห่าวว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร
  ……………
  ชั้นสิบสามของโรงแรมสี่ดาวแห่งหนึ่งที่หลิงหยุนเคยเช่าไว้ให้เหยาลู่พัก..
  “เยี่ยม!เยี่ยมมาก! สนุกตื่นเต้นจริงๆ! คิดไม่ถึงว่าในสภาพภูมิอากาศที่ย่ำแย่เช่นนี้ หลิงหยุนจะสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้รวดเร็วเช่นนี้!”
  ร่างสูงใหญ่สง่างามสวมเสื้อคลุมสีขาวกำลังยืนเอามือไขว้หลัง ใบหน้ามีรอยยิ้มเย็นชาที่มุมปาก..
  แม้เขาจะดูเหมือนว่ากำลังพูดจาปกติธรรมดาแต่น้ำเสียงที่กังวานใสราวกับระฆังของเขานั้น ก็หนักแน่นและทรงพลังมาก!
  แต่ไม่ว่าเขาจะพูดเสียงดังแค่ใหนก็ไม่ต้องกังวลว่าคนที่อยู่ด้านนอกจะได้ยิน เพราะบุคคลผู้นี้สามารถควบคุมทิศทางของเสียงได้ และสามารถกำหนดเป้าหมายของผู้ที่จะได้ยินได้อีกด้วย
  “บุตรสวรรค์..เศษขยะเช่นนั้นไม่ควรคู่ให้ท่านต้องเสียเวลามองด้วยซ้ำ..”
  ถัดจากร่างสูงสง่าที่ถูกขนานนามว่า‘บุตรสวรรค์’ นั้น มีร่างของชายชราที่ดูคล้ายคนธรรมดาทั่วไป รูปร่างของเขาผอมแห้งราวกับซากไม้ตาย และดูราวกับว่าเพียงแค่ลมพัดแรงนิดหน่อย ก็สามารถทำให้เขาล้มฟุบลงกับพื้นได้แล้ว..
  สายตาที่แหลมคมราวกับกระบี่และเป็นประกายของบุตรสวรรค์นั้น กวาดมองไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ร่างของชายชราซูบผอม
  “ท่านจิน..ท่านไม่ควรประมาทผู้ใด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง – หลิงหยุน!”
  ชายชราร่างผอมรีบหลบสายตาที่แหลมคมของบุตรสวรรค์เพราะรู้สึกว่าตนเองอาจจะถูกดวงตาคู่นั้นเผาไหม้จนเป็นเถ้าถ่าน เขาได้แต่โค้งศรีษะคำนับ และพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง
  “รับทราบ..”
  ชายชราร่างผอมที่เรียกกันว่า‘ท่านจิน’ นั้น ก็คือหนึ่งในสามราชันย์นักฆ่าซึ่งมีหน้าที่ดูแลองค์กรนักฆ่า – สาขาฮู๋ตง ประเทศจีนนั่นเอง และอยู่ในขั้นเซียงเทียน-8
  “บุตรสวรรค์..ถึงเวลาที่พวกเราต้องลงมือหรือยัง”
  บุตรสวรรค์ยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วจึงตอบไปว่า “ท่านจิน.. เหตุใดท่านจึงรีบร้อนนัก! ข้ายังต้องอยู่จิงฉูอีกพักใหญ่ ข้าคิดว่าจะออกไปเดินเล่นรอบๆเมืองเสียก่อน.. เรายังมีเวลาที่จะเล่นกับเจ้าหลิงหยุนไม่ใช่รึ”
  “และเหตุการณ์ในคืนนี้ก็แค่เป็นการตักเตือนหลิงหยุนให้เท่านั้น!”
  “ข้าได้ข่าวมาจากปักกิ่งว่า..ทั้งนินจาญี่ปุ่น ท่านดยุคแดร๊กคิวล่าที่ตระกูลเฉินเชิญมา และยอดฝีมือจากตระกูลซัน ต่างก็เดินทางมาที่จิงฉูหมดแล้ว ข้าก็อยากจะรู้นักว่าหลิงหยุนกับธิดาพรรคมารจะรับมือได้อย่างไร”
  หลังจากได้ฟัง..ชายชราร่างผอมก็ถึงกับตกใจ และร้องถามออกมาอย่างประหลาดใจ “ยอดฝีมือพากันมามากมายเช่นนี้ เมืองจิงฉูไม่ต้องโกลาหลวุ่นวายอย่างนั้นรึ!”
  บุตรสวรรค์ร้องออกมาอย่างตื่นเต้น“ยังมีอีกนะ.. เวลานี้ทั้งวัดเส้าหลิน สำนักเหมาซัน ตระกูลซีเหมิน ตระกูลหนานกง และตระกูลฉางกวน ต่างก็ส่งคนของตนเองมาที่จิงฉูด้วย อ่อ.. ยังมีคุณชายเถี่ยหมิงอีกคนด้วย!”
  ชายชราร่างผอมถึงกับร้องออกมาอย่างตื่นเต้นตกใจ“ทั้งหมดนี้มาจัดการกับหลิงหยุนคนเดียวรึนี่!”
  บุตรสวรรค์หัวเราะเสียงดังสนั่นไปทั้งห้อง“ถูกต้อง.. นี่มันจะเป็นตำนานเลยทีเดียว!”
  ท่านจินต่อ“แล้วพรรคมารล่ะ ท่านต้องการให้ส่งคนมาเพิ่มหรือไม่?”
  บุตรสวรรค์เงียบไปแล้วหันไปมองด้วยแววตายะโส “ไม่.. ข้าคนเดียวก็เพียงพอแล้ว!”
  “เจ้าออกไปดูแลคนของเราให้อยู่ในความสงบแล้วเรียกหญิงสาวมาให้ข้าสักแปดคนด้วย!”
  “รับทราบ!”
บทที่ 884 : โอรสพรรคมาร!
  หลังจากที่ชายชราร่างผอมเดินออกไปจากห้องแล้วร่างสูงใหญ่ของบุตรสวรรค์ที่ยืนไขว้หลังอยู่กลางห้อง ก็ค่อยๆ ก้าวเท้าไปที่หน้าต่างช้าๆ สายตาที่คมกริบของเขาจ้องมองไปยังถนนด้านล่างที่อยู่อีกฝั่งถนน
  สายตาของบุตรสวรรค์จับจ้องอยู่ที่หลิงหยุนเพียงคนเดียวเท่านั้นและใบหน้าที่เย็นชาของเขาก็ปรากฏร่องรอยของความคลางแคลงใจ..
  ‘น่าแปลกนัก!เหตุใดเจ้าจึงสามารถหาสวะทั้งสองนั้นพบได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้! นี่เจ้าทำได้อย่างไรกัน’
  และแน่นอนว่าสวะสองชิ้นที่บุตรสวรรค์พูดถึงนั้นก็คือเสียเจิ้นเหยินกับกู่หยุนฟะทั้งสองคนคิดว่าองค์กรนักฆ่าจะปกป้องคุ้มครองตนเอง แต่หารู้ไม่ว่าพวกมันทั้งสองคนนั้นไม่อยู่ในสายตาขององค์การนักฆ่าเลยแม้แต่น้อย
  ‘กระบี่สีดำในมือของเจ้าจะใช่กระบี่โลหิตแดนใต้ที่ร่ำลือกันจริงๆงั้นรึ!แต่มันได้สาบสูญไปนานนับพันปีแล้ว เหตุใดจึงมาอยู่ในมือของเจ้าได้นะหลิงหยุน!?’
  บุตรสวรรค์ได้แต่ครุ่นคิดอยู่คนเดียวเงียบๆแม้ท่าทางของเขาจะสงบนิ่ง สีหน้าเรียบเฉย แววตาเย็นชาไม่แยแสต่อโลก แต่กลับมีร่องรอยของความงุนงงสงสัยปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เคร่งขรึมนั้น
  ‘หากเป็นกระบี่โลหิตแดนใต้จริงเหตุใดหลิงหยุนจึงไม่พกกระบี่เล่มนั้นมาด้วย ข้ายังได้ยินมาว่าเจ้ามีกระบี่อ่อนที่แข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้าอีกหนึ่งเล่ม นี่เจ้าซ่อนมันไว้ที่ใหนกันแน่?’
  บุตรสวรรค์เชื่อว่า..หลิงหยุนคงมีเหตุผลที่จะไม่พกกระบี่ทั้งสองเล่มนี้ไปใหนต่อใหนด้วย ทำให้เกิดความอยากรู้ยิ่งนัก!
  ในช่วงกลางเดือนเมษายนนั้น..หลิงหยุนได้ขึ้นมาจากหลุมยักษ์ และหลังจากที่จัดการกับหลัวจ้ง – ผู้อำนวยการสำนักงานรักษาความมั่นคงคนก่อนแล้ว หลิงหยุนก็ได้พาเหล่ากุ่ยกับตู้กู่โม่บุกไปที่คฤหาสน์ตระกูลเฉิงในเขตชานเมืองตะวันตกของจิงฉู และได้สังหารยอดฝีมือตระกูลซันไปหลายคน รวมทั้งซันเทียนเปียวด้วย
  แต่ก็มียอดฝีมือบางคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและหลิงหยุนตัดสินใจที่จะไว้ชีวิตพวกมัน..
  นับจากนั้น..เรื่องที่หลิงหยุนมีกระบี่โลหิตแดนใต้ และกระบี่มังกรขาว ก็ได้แพร่กระจายกันออกไปปากต่อปาก..
  ข่าวคราวนี้ไม่เพียงกระจายอยู่ในหมู่จอมยุทธแต่ยังไปถึงหูของบุตรสวรรค์ และการที่คนอย่างบุตรสวรรค์จะตรวจสืบข่าวคราวของหลิงหยุนนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร..
  และสำหรับหลิงหยุนนั้น..หากใครจะมาแย่งชิงกระบี่โลหิตแดนใต้ไปจากเขา ถ้าไม่กลัวตาย ก็สามารถมาแย่งไปได้เลย!
  “แปลกนัก..เหตุใดข้าจึงมองไม่เห็นขั้นกำลังภายในของเจ้า ไม่น่าเชื่อ!”
  บุตรสวรรค์ครุ่นคิดอย่างงุนงงสงสัยแต่แล้วก็เปลี่ยนใจไม่อยากเสียเวลาคิดเรื่องนี้อีก เขาแสยะยิ้มพร้อมกับส่ายหัวไปมา แล้วพึมพำออกมาเบาๆ
  “น่าสนใจ..หลิงหยุนเจ้าช่างน่าสนใจนัก! มิน่าล่ะ.. ตั้งแต่ที่เย่ซิงเฉินได้พบกับเจ้า ก็เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องของเจ้า!”
  “โอรสพรรคมารงั้นรึ!ใครกันที่กล่าวว่า.. ผู้ครอบครองกระบี่โลหิตแดนใต้ จึงจะเป็นโอรสพรรคมาร?! หากเจ้าเป็นโอรสพรรคมาร แล้วข้า – ซือกงวู๋จี้จะเป็นใครเล่า?”
  ในที่สุด..บุตรสวรรค์ – ซือกงวู๋จี้ ก็พูดออกมาด้วยใบหน้าที่หยิ่งผยอง และรอยยิ้มที่โหดเหี้ยม!
  ………..
  เพลิงไหม้ได้ถูกดับจนหมดแล้วผู้ก่อเหตุก็ถูกจับกุมตัวได้แล้ว เวลานี้ผู้คนที่พากันมามุงดูเหตุการณ์ ก็ค่อยๆ แยกย้ายกันกลับบ้านตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
  ระหว่างที่ถังเทียนห่าวกำลังรับโทรศัพท์อยู่นั้นหลิงหยุนก็ดึงหวังหงหยวนไปอีกมุมหนึ่ง และได้สั่งการให้เขาจัดการเรื่องต่างให้เรียบร้อยตามความเหมาะสม อีกทั้งยังย้ำเรื่องการชดเชยให้กับครอบครัวเหยื่อทั้งสองอีกด้วย
  “เจ้านาย..แล้วคลินิกของคุณล่ะ” หวังหงหยวนชี้ไปทางคิลนิกสามัญชนที่เวลานี้เหลือเพียงซากไหม้สีดำ และเอ่ยถามออกมาอย่างเศร้าใจ
  หลิงหยุนยกมือขึ้นตบบ่าหวังหงหยวนพร้อมกับตอบไปว่า“เรื่องคลินิกอย่าเพิ่งคุยตอนนี้!”
  “นี่มันอะไรกันน่ะ!”
  “เกิดเรื่องบ้าบอแบบนี้ได้ยังไง”
  “ทำไมคลินิกถึงได้มีสภาพแบบนี้ได้”
  เสียงผู้หญิงร้องตะโกนออกมาด้วยความโกรธและรีบฝ่าวงล้อมของตำรวจเข้ายังคิลนิกสามัญชน
  หลิงหยุนหันไปมองตามเสียงจึงพบว่าหญิงสาวทั้งสามคนที่เพิ่งมาถึงก็คือพยาบาลสาวของคลินิกสามัญชน – ซันยู่วเจียว หลี่จินเหลียน และชางเสี่ยวเหมิงนั่นเอง!
  “ทางนี้ครับ..พวกคุณมาที่นี่ได้ยังไง” หลิงหยุนโบกมือพร้อมกับร้องเรียกหญิงสาวทั้งสามคน..
  “อ้าว..เจ้านายกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
  ชางเสี่ยวเหมิงเห็นหลิงหยุนก็ร้องตะโกนตอบไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ และรีบวิ่งเข้าไปหาจนลืมเรื่องคลินิกไปทันที
  พยาบาลสาวทรงเสน่ห์ที่ชื่อหลี่จินเหลียนถึงกับตกใจเมื่อได้ยินเสียงเรียกของหลิงหยุน แต่เธอนั้นไม่รีบร้อนวิ่งไปหาหลิงหยุนอย่างชางเสี่ยวเหมิง เธอชะลอการเดิน และก้มลงสำรวจเสื้อผ้าของตนเอง แล้วจัดการโพสท่าเดินให้ดูสง่างามเข้าไปหาหลิงหยุน
  มีเพียงซันยู่วเจียวเท่านั้นที่เมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกของหลิงหยุนก็ถึงกับชะงักและร่างกายเกร็งขึ้นมาทันที เธอไม่ได้หันไปมองหลิงหยุน แต่กลับหันไปทางคลินิกแทน..
  “ทั้งคลินิกแล้วก็ร้านเสื้อผ้าโดนระเบิดพังทั้งสองร้านเลยพวกคุณอยากเข้าไปดูมั๊ยล่ะ”
  ชางเสี่ยวเหมิงรีบหันไปมองร้านเสื้อผ้าที่อยู่ตรงข้ามและเมื่อเห็นว่าเหลือแต่ซากปรักหักพัง ก็ถึงกับระเบิดออกมาด้วยความโมโห
  “พวกป่วยทางจิตหรือยังไงเนี่ย! แค้นสังคมรอบข้าง แต่กลับมาลงกลับคลินิกของพวกเรา จับตัวคนทำได้เมื่อไหร่ต้องสับเป็นชิ้นๆ!”
  ชางเสี่ยวเหมิงโมโหจนหายใจแรงหน้าอกจึงกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรงดึงดูดสายตายิ่งนัก!
  หลี่จินเหลียนเหลือบมองหลิงหยุนพร้อมกับร้องบอกว่า“เจ้านายคะ.. คลินิกถูกระเบิดยับเยินขนาดนี้ คุณยังจะมีอารมณ์ขันอีกเหรอคะ!”
  หลิงหยุนหัวเราะเสียงดังและตอบไปว่า “โดนระเบิดไม่ดีหรือไง พวกคุณก็จะได้พักร้อนกันยาว ได้พักร้อนด้วย แล้วก็ได้เงินเดือนด้วย ไว้ซ่อมแซมคลินิกเสร็จเมื่อไหร่ พวกคุณค่อยกลับมาทำงาน..”
  “เย้!!พูดจริงๆ เหรอคะ!”
  ชางเสี่ยวเหมิงที่กำลังกลัวว่าจะตกงานนั้นเมื่อได้ยินหลิงหยุนพูดเช่นนั้น ก็ถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างตื่นเต้นดีใจ และแทบอยากจะกระโดดหอมแก้มเขาสักสองฟอด..
  ระหว่างนั้นซันยู่วเจียวที่เห็นคลินิกโดนระเบิดยับเยินเช่นนั้นก็หันไปมองหลิงหยุนอย่างเห็นใจ ก่อนจะถามขึ้นอย่างระมัดระวัง
  “เจ้านายคะ..คุณ.. คุณโอเคใช่มั๊ยคะ”
  หลิงหยุนนั้นสังเกตเห็นซันยู่วเจียวที่ยืนหน้าแดงอยู่นานแล้วจึงตอบกลับไปยิ้มๆ “ขอบคุณที่เป็นห่วง.. ผมไม่เป็นอะไรครับ”
  ซันยู่วเจียวเห็นหน้าหลิงหยุนแล้วก็รู้ว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่พูดจริงๆจึงถามต่อว่า “แล้วหัวหน้าเหยาล่ะคะ”
  “จริงด้วย..หัวหน้าเหยาเป็นยังไงบ้างคะ!”
  ชางเสี่ยวเหมิงกับหลี่จินเหลียนที่เพิ่งนึกขึ้นมาได้ก็รีบร้องถามออกมาพร้อมกัน เพราะเหยาลู่มักจะชอบนอนค้างที่คลินิกบ่อยๆ
  หลิงหยุนตอบกลับไปยิ้มๆ“ไม่ต้องห่วง.. หัวหน้าเหยาของพวกคุณไม่ได้ค้างที่คลินิกเมื่อคืนนี้ เธอปลอดภัยดี!”
  ถังเทียนห่าวที่เพิ่งคุยโทรศัพท์เสร็จก็โบกมือเรียกหลิงหยุน..
  “เอาล่ะ..พวกคุณไม่ต้องห่วงเรื่องคลินิก ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว พวกคุณกลับบ้านกันได้แล้ว!”
  หลิงหยุนยิ้มให้กับพยาบาลสาวทั้งสามคนและรีบหันไปสั่งหวังหงหยวน “ผู้จัดการหวัง.. คืนนี้เหตุการณ์ไม่สู้ดี! คุณช่วยไปบอกให้คนของแก๊งมังกรเขียวที่อยู่ตรงนั้น จัดการส่งสาวสวยทั้งสามคนกลับบ้านด้วย..”
  หลิงหยุนร้องสั่งพร้อมกับชี้ไปทางคนของแก๊งมังกรเขียวที่ยืนอยู่ไกลออกไปหลังจากสั่งการเรียบร้อยแล้ว หลิงหยุนก็รีบเดินเข้าไปหาถังเทียนห่าว
  “หลิงหยุน..ตำรวจพบตัวหลู่เจิ้งเทียนได้แล้ว หลังจากที่เด็กนั่นจัดการระเบิดโรงงานผลิตยาแล้ว ก็พบว่าผู้สมรู้ร่วมคิดที่มาด้วยกันหายตัวไป ก็ตื่นตระหนกตกใจ และรีบขับรถหนีไปจนเกิดอุบัติเหตุขับรถชนต้นไม้ใหญ่ ได้รับบาดเจ็บสาหัสและตอนนี้ก็ยังไม่ได้สติ..”
  หลิงหยุนได้ยินถึงกับตกตะลึงและได้แต่พึมพำออกมาว่า “สาสมกับความผิดของมันแล้ว!”
  ถังเทียนห่าวพยักหน้าพร้อมกับถอนหายใจ“เฮ้อ.. ฉันเองก็คิดไม่ถึงว่าเด็กสามคนนี้จะกล้าใช้วิธีที่เหี้ยมโหดแบบนี้จัดการกับเธอ!”
  แต่จู่ๆสีหน้าของถังเทียนห่าวก็เปลี่ยนไป และกระซิบกับหลิงหยุนเสียงเบา “ยังมีอีกเรื่อง.”
  “อะไรเหรอครับ!”
  “เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เฝ้าอยู่บ้านในอ่าวจิงฉูรายงานมาว่า.. พบคนสวมผ้าคลุมหน้าสีดำสองคน ในมือของพวกเขาทั้งคู่มีระเบิดด้วย ดูเหมือนว่ากำลังจะไปวางระเบิดที่บ้านเธอ..”
  “แต่ที่น่าแปลกก็คือ..ทั้งคู่กลับนอนตายอยู่ในบริเวณสวนหน้าบ้าน สภาพศพคล้ายถูกทุบด้วยก้อนหิน!”
  “ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..”
  หลิงหยุนได้ฟังถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาและได้แต่คิดว่าตายก็ดีแล้ว! นับว่าเขาเป็นคนที่มองการไกล ในที่สุดค่ายกลนวะสังหารของเขาก็ได้ใช้งานในวันนี้..
  หลิงหยุนได้แต่นึกสยอง..นี่ถ้าบ้านราคาห้าสิบล้านของเขาถูกระเบิดพังยับเยิน เขาคงจะเจ็บปวดไปอีกนาน..
  ยิ่งคิด..หลิงหยุนก็ยิ่งโกรธแค้นธิดาพรรคมารมากขึ้นเป็นทวีคูณ!
  ‘ข้าไม่เคยยุ่งกับเจ้า..แต่เจ้ากลับทำลายธุรกิจของข้าจนยับเช่นนี้เชียวรึ!’
  ‘ธิดาพรรคมารจะใช่ศิษย์ของแม่ข้าหรือไม่นะ!แต่ไม่น่าจะใช่..’
  ถังเทียนห่าวไม่รู้ว่าหลิงหยุนกำลังคิดอะไรเขามองเสียเจิ้นติงกับกู่หลียนเฉินที่อยู่ห่างไป แล้วจึงหันไปถามหลิงหยุนว่า
  “หลิงหยุน..ทำยังไงกับพวกเขาดี”
  หลิงหยุนยิ้มบาง“ลุงถัง.. ได้เวลาจัดการกับพวกเขาสองคนแล้ว ไปกันเถอะ!”