บทที่ 885 : สิ้นสุดความแค้น!
  ภายใต้การบัญชาการของหลิวจินไล๋หลังจากที่สามารถดับเพลิงไหม้ที่เกิดจากการวางระเบิดได้แล้ว เจ้าหน้าที่ดับเพลิงก็จัดการเปิดทางให้รถพยาบาลแล่นเข้ามาในบริเวณที่เกิดเหตุ
  ภายในบริเวณที่เกิดเหตุนั้นร่างไหม้เกรียมที่มีอวัยวะไม่ครบสองร่าง ถูกคลุมไว้ด้วยผ้าสีขาวเป็นที่สะดุดตานัก..
  เวลานี้..ทั้งญาติของเหยื่อทั้งสอง และเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ยังคงเดินอยู่ในซากปรักหักพังของร้านเสื้อผ้าเพื่อหาชิ้นส่วนร่างกายที่เหลือของเด็กสาวทั้งสองคน
  เด็กสาวบริสุทธิ์สองคนต้องมาตายในสภาพที่น่าสยดสยองเช่นนี้ทางญาติๆ จึงต้องการหาชิ้นส่วนของพวกเธอให้ครบ เพื่อนำกลับไปทำพิธีกรรมตามความเชื่อทางศาสนา
  หลิวจินไล๋เองก็ลงไปช่วยค้นหาด้วยร่างอ้วนๆ ของเขาเดินไปตามซากปรักหักพัง และช่วยกันคุ้ยหาชิ้นส่วนร่างกายที่พอจะมองเห็น..
  ถังเทียนห่าวนั่งแท่นบัญชาการภาพรวมใหญ่ส่วนหลิวจินไล๋ก็เจาะลึกลงในรายละเอียด และวิ่งวุ่นไปมาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
  เหตุการณ์ระเบิดครั้งนี้เกิดขึ้นในเขตพื้นที่ที่หลิวจินไล๋ดูแลอยู่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบอยู่ดี อีกทั้งเวลานี้ผู้อำนวยการถังก็อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย เขาจึงต้องแสดงศักยภาพในการทำงานให้เข้าตาถังเทียนห่าว เพื่อไม่ให้ถังเทียนห่าวผิดหวัง..
  เมื่อหลิงหยุนกับถังเทียนห่าวเดินมาถึงเจ้าหน้าที่ก็เดินลงมาจากรถพยาบาลพอดี และกำลังช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับกู่หยุนฟะ และเสียเจิ้นเหยิน
  ทางด้านเสียเจิ้นติงกับกู่เหลียนเฉิงที่ได้รับบาดเจ็บจาการฉุดกระชากของครอบครัวเหยื่อผู้บริสุทธิ์ก็ได้แต่มองดูเหตุการณ์นิ่งเงียบ..
  เวลานี้ทั้งคู่ต่างก็ไม่สนใจตำแหน่งหน้าที่การงานและฐานะของตนเองอีก เพราะไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจร่ำรวย หรือเป็นรองนายกเทศมนตรี ก็คงไม่มีประโยชน์อะไร เพราะเวลานี้ลูกชายของพวกเขาทั้งสองคน ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นอาชญากรในคดีอุกฉกรรจ์ไปแล้ว และกำลังจะถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไป เสียเจิ้นติงกับกู่เหลียนเฉิงจึงได้แต่มองดูด้วยความเจ็บปวดอย่างที่สุด..
  “มีลูกแต่ไม่อบรมสั่งสอน!คุณเสีย.. คุณกู่.. ลูกชายของพวกคุณทั้งสองคนกล้าก่อคดีอุกฉกรรจ์แบบนี้ พวกคุณในฐานะพ่อก็คงต้องรับผิดชอบด้วย!”
  หลิงหยุนยืนมองร่างของเสียเจิ้นเหยินกับกู่หยุนฟะซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังทำการปฐมพยาบาลอยู่และได้แต่คิดในใจว่า..
  เขามียันต์บำบัดหรือไม่น่ะหรือ!แน่นอนเขามี.. แล้วก็มีมากเสียด้วย
  หลิงหยุนมีความคิดที่อยากจะช่วยคนชั่วช้าสองคนขึ้นมาวูบหนึ่งแต่แล้วกลับหยุดความคิดไว้เพียงเท่านั้น!
  ถังเมิ่งเพิ่งจะได้ระบายความคับแค้นใจทั้งหมดที่มีออกไปในฐานะพี่ชาย.. หลิงหยุนจึงไม่ควรช่วยคนชั่วช้าสองคนนี้!
  ยิ่งไปกว่านั้น..ปีศาจสองตัวนี้ก็ได้สร้างบาปกรรมไว้มากมาย เพราะฉะนั้นนี่คือผลกรรมที่พวกมันสองคนควรจะต้องรับ และไม่สมควรได้รับความเมตตาจากใคร
  เสียเจิ้นติงกับกู่หยุนฟะรู้ดีว่าลูกชายของตนเองทั้งสองคนนั้นได้กระทำความผิดมหันต์ และสายเกินไปที่จะพูดถึงเรื่องบาปกรรมที่ลูกชายของตนได้ก่อขึ้น ทั้งคู่จึงได้แต่นิ่งไม่โต้เถียงใดๆ
  และคำพูดต่อมาของหลิงหยุนก็ทำให้กู่เหลียนเฉิงกับกู่หยุนฟะถึงกับประหม่าและผ่อนคลายไปพร้อมๆกัน
  “การกระทำของถังเมิ่งเมื่อครู่นั้นอาจจะดูรุนแรงและโหดเหี้ยมไปบ้าง แต่พวกคุณสองคนมั่นใจได้ว่า สองคนนั้นแค่กระดูกมือแตกเท่านั้น..”
  หลิงหยุนเพียงแค่มองก็รู้ว่าอาการของเสียเจิ้นเหยินกับกู่หยุนฟะนั้นแม้จะมีเลือดไหลออกมามากมาย แต่ก็เป็นไม่ถึงกับอาการสาหัสอย่างที่ทุกคนจินตนาการ เพราะในความเป็นจริงกระดูกของมนุษย์เรานั้นก็มีความแข็งแกร่งในระดับหนึ่ง..
  จากนั้นน้ำเสียงที่เย็นชาของหลิงหยุนก็ดังขึ้นอีกครั้ง“พวกเขาก็แค่ทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่นั่นยังเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดที่ถังเมิ่งถูกลูกชายทั้งสองของพวกคุณหักแขนหักขา มันยังห่างไกลกันมากนัก!”
  เสียเจิ้นติงกับกู่หยุนฟะมองหลิงหยุนด้วยสีหน้าตกใจทั้งคู่ต่างก็รู้ว่าทักษะทางการแพทย์ของหลิงหยุนนั้นล้ำเลิศมากเพียงใด และเชื่อว่าในสถานการณ์เช่นนี้ หลิงหยุนจะไม่โกหกพวกเขาแน่
  และหลิงหยุนก็ไม่จำเป็นต้องโกหกด้วย!
  หลิงหยุนจ้องมองทั้งคนทั้งคู่ดวงตาของเขาเป็นประกายระยิบระยับก่อนจะพูดต่อว่า
  “คุณเสีย..คุณกู่.. จากนี้ไปความบาดหมางระหว่างเราจบสิ้นลงแล้ว! ผมจะไม่หาเรื่องกับพวกคุณอีก!”
  “และผมก็หวังว่าพวกคุณจะไม่มายุ่งกับผมอีกเช่นกันแต่หากพวกคุณสองคนยังคิดที่จะกลับมาแก้แค้นผม ก็ลองดูได้.. แต่ครั้งหน้ารับรองว่าผมจะไม่ปราณีแบบนี้แน่นอน!”
  หลิงหยุนกล่าวเตือนทั้งคู่เป็นครั้งสุดท้าย!
  ทั้งเสียเจิ้นติงกับกู่เหลียนเฉิงถึงกับยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อเย็นที่ผุดขึ้นตามใบหน้าทันทีหลังจากที่ได้ยินคำเตือนของหลิงหยุนและไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว..
  จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปพูดกับกู่เหลียนเฉิง“คุณกู่.. พรุ่งนี้ผมจะส่งคนไปจัดการคลายจุดให้กับกู่เหลียนซันน้องชายของคุณ!”
  จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปพูดกับถังเทียนห่าวที่นิ่งเงียบไปนาน“ลุงถังครับ.. กู่เหลียนซันถูกคุมตัวไว้กว่าสามเดือนแล้ว ผมคิดว่าคดีของเขาก็ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์อะไร ถ้ายังไงพรุ่งนี้ช่วยปล่อยตัวเขาออกมาจะได้มั๊ยครับ!”
  ถังเทียนห่าวตอบกลับไปว่า“ถึงแม้ความผิดเรื่องติดสินบนจะไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่ก็สามารถอนุมัติให้ประกันตัวออกไปได้!”
  หลิงหยุนพูดราวกับว่าทุกอย่างเป็นเรื่องปกติอยากจะให้สำนักงานรักษาความมั่นคงจับใครก็จับ.. หรือปล่อยใครก็ปล่อย..
  “ขอบคุณมาก!ขอบคุณผู้อำนวยการถัง.. ขอบคุณคุณชายหลิง!”
  กู่เหลียนเฉิงเห็นว่าหลิงหยุนได้ทำตามที่พูดไว้กับเขาก็รีบโค้งคำนับขอบคุณหลิงหยุนทันที..
  เวลานี้ลูกชายของเขาก็ยังสลบไสลและไม่รู้ว่าต้องติดคุกอีกกี่ปี ส่วนตัวเองก็กลายเป็นขันที เหลือเพียงน้องชายของเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะเป็นความหวังของตระกูลกู่ได้ เขาจึงรู้สึกขอบคุณ และซาบซึ้งใจหลิงหยุนมาก
  “คุณเสีย..ผมขอตัวไปดูลูกชายก่อน”
  ในเวลานั้น..หลังจากที่ได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับกู่หยุนฟะเรียบร้อยแล้ว เขาก็ถูกนำตัวขึ้นรถพยาบาลไป กู่เหลียนเฉิงจึงรีบขอตัวไปดูลูกชาย
  อีกทั้งในเวลานี้..กู่เหลียนเฉิงก็ไม่ใช่นักธุรกิจที่ร่ำรวยอะไรอีกแล้ว เขาจึงไม่กล้าที่จะอยู่สู้หน้าหลิงหยุนกับถังเทียนห่าวอีก!
  ทางด้านเสียเจิ้นติงนั้นถึงแม้ความบาดหมางระหว่างเขากับหลิงหยุนจะได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่ความบาดหมาดระหว่างเขากับถังเทียนห่าว และหลี่ยี่เฟิงนั้น ยังไม่ได้สะสางเลย..
  “คุณเสีย..ตอนนี้คุณคงรู้แล้วสินะว่าลูกคุณคือฆาตรกร!”
  ถังเทียนห่าวเมื่อเห็นหลิงหยุนนิ่งเงียบไปเขาจึงร้องถามเสียเจิ้นติง และเสียเจิ้นติงก็ถึงกับอ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออก ถังเทียนห่าวจึงพูดต่อว่า
  “คุณเสีย..เรื่องนี้คงจะต้องมีการนำขึ้นประชุมกับคณะกรรมการเมืองจิงฉูในวันพรุ่งนี้ ผมคิดว่าถึงตอนนั้นคุณจะมีคำอธิบายให้กับทุกคนอย่างแจ่มชัด!”
  เสียเจิ้นติงไม่อาจเก็บซ่อนความขมขื่นใจได้อีกต่อไปเขารู้ว่าลูกชายของตนเองนั้นต้องโดนข้อหาอาชญากร และรู้ดีว่านับจากนี้ไป.. หน้าที่การงานของเขาก็ต้องจบสิ้นดวยเช่นกัน..
  “ผมจะยินดีลาออก..”
  การลาออกเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เสียเจิ้นติงคิดออกและหลังจากที่เขาหมดอำนาจบารมีแล้ว ก็คงต้องปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม
  ถังเทียนห่าวนิ่งเงียบไปเขามองไปทางร่างของเสียเจิ้นเหยินที่ถูกนำขึ้นรถพยาบาลไป พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
  “คุณเสีย..ลูกชายของคุณกำลังจะถูกนำตัวไปที่โรงพยาบาล คุณจะไม่ตามไปดูเขาหน่อยรึ”
  แม้เสียเจิ้นติงกับถังเทียนห่าวจะเป็นเจ้าหน้าที่ในระดับเดียวกันแต่น้ำเสียงที่เขาใช้พูดกับเสียเจิ้นติงในครั้งนี้ มันคือคำสั่ง..
  ชัยชนะ..และมันคือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของถังเทียนห่าวกับหลี่ยี่เฟิง!
  เวลานี้..ทั้งเมืองจิงฉูก็ตกอยู่ในกำมือของหลี่ยี่เฟิงกับถังเทียนห่าวอย่างเบ็ดเสร็จ! คู่แข่งทางการเมืองที่แข็งแกร่งของพวกเขาถูกทำลายแล้ว และเวลานี้อำนาจของพวกเขาทั้งคู่ก็มั่นคงยิ่งกว่าอะไร!
  เสียเจิ้นติงกล่าวลาอย่างอับอายก่อนจะเดินคอตกไปขึ้นรถพยาบาล และเมื่อเสียงไซเรนดังขึ้น รถพยาบาลก็แล่นออกไป..
  “ผู้อำนวยการหลิว..เชิญทางนี้หน่อย!”
  หลังจากที่เสียเจิ้นติงออกไปแล้วถังเทียนห่าวก็หันไปตะโกนเรียกหลิวจิ้นไล๋ที่กำลังเช็ดไม้เช็ดมืออยู่ห่างไปไม่ไกลนัก..
  หลิวจิ้นไล๋รีบวิ่งมาหา“ผู้อำนวนการถัง.. มีอะไรจะสั่งก็บอกมาได้เลย ผมจะรีบไปจัดการให้!”
  ถังเทียนห่าวยกมือขึ้นตบบ่าหลิวจิ้นไล๋พร้อมกับพูดขึ้นว่า“ผู้อำนวยการหลิว.. คืนนี้คุณทำหน้าที่ได้มาก!”
  หลิวจินไล๋ได้ยินถังเทียนห่าวเอ่ยชมก็ปิติยินดีเป็นอย่างมากและรู้ว่าในที่สุดถังเทียนห่าวก็เห็นเขาอยู่ในสายตา และมีความหวังกับการที่จะได้เลื่อนขั้นในวันข้างหน้า!
  “โครงการเมืองใหม่หลินเจียงใกล้จะเป็นรูปเป็นร่างแล้วตำแหน่งผู้อำนวยการที่นั่นยังว่างอยู่ ไว้เลขาหลี่กลับมา ผมจะแนะนำคุณกับเขา!”
  หลิวจินไล๋ได้ฟังถึงกับดีอกดีใจเพราะไม่คิดไม่ฝันว่าจู่ๆ จะได้เลื่อนขั้นเร็วขนาดนี้ จึงรีบตอบไปว่า
  “ขอบคุณผู้อำนวยการถัง..ผมจะตั้งใจทำงานตามที่ผู้อำนวยการถังสั่ง!”
  ถังเทียนห่าวตบบ่าหลิวจินไล๋อย่างพอใจพร้อมกับสั่งงานต่อ“เอาล่ะ.. คุณช่วยไปจัดการเคลียร์พ้นที่ให้กลับสู่สภาพปกติได้แล้ว..”
  “ที่สำคัญ..เรื่องในคืนนี้อย่างให้แพร่งพรายออกไป จัดการปิดข่าวให้เร็วที่สุด!”
  หลิวจิ้นไล๋เข้าใจความหมายของถังเทียนห่าวได้ทันทีเขารีบตอบไปว่า “ผมเข้าใจครับ และจะรีบไปจัดการตามนั้น!”
  หลังจากที่หลิวจินไล๋เดินจากไปแล้วหลิงหยุนจึงพูดขึ้นยิ้มๆ “หลิวจินไล๋ทำงานได้ดีทีเดียว!”
  ถังเทียนห่าวตอบกลับไปยิ้มๆ“ตอนที่ทำงานให้หลัวจ้ง.. เขาก็ทำหน้าที่ได้ดีทีเดียว เสียแต่ทำงานให้ผิดคน!”
  หลิงหยุนจึงถามขึ้นว่า“จัดให้เขาไปประจำที่เมืองใหม่หลินเจียงจะดีมั๊ยครับ”
  ถังเทียนห่าวยิ้มพร้อมกับตอบว่า“เธอลืมไปแล้วเหรอว่า.. ที่นั่นมีศูนย์วิจัยยาของเธออยู่ ต้องมั่นใจว่าคนที่จะไปที่นั่นต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้!”
  หลิงหยุนตอบกลับไปว่า“ขอบคุณลุงถังที่เตือน..”
  จากนั้น..ถังเทียนห่าวก็ทำเสียงกระซิบกระซาบ “หลิงหยุน.. ดูเหมือนเหตุการณ์วางระเบิดในคืนนี้จงใจพุ่งเป้ามาที่เธอ เธอต้องการให้ฉันสืบหาคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มั๊ย”
บทที่ 886 : มอบกระบี่ให้ฉินตงเฉี่วย!
  ถังเทียนห่าวทำคดีอาชญากรรมมานานหลายปีจึงดูออกได้อย่างง่ายดายว่า เสียเจิ้นเหยินกับกู่เหยินฟะนั้นไม่มีปัญญาที่จะคิดทำเรื่องแบบนี้ด้วยตนเองได้แน่ จะต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้อย่างแน่นอน
  หลิงหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อย..ตั้งแต่จับตัวเสียเจิ้นเหยินกับกู่หยุนฟะมาได้ เขาก็สัมผัสได้ถึงกระแสอันตรายบางอย่างที่คอยติดตามเป็นเงา
  หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้ออกขั้นสุดเพื่อต้องการหาต้นตอของความรู้สึกนี้ แต่จิตหยั่งรู้ของเขากลับพบแต่ความปกติ ไม่พบอะไรที่น่าสงสัยเลยแม้แต่น้อย ทำให้หลิงหยุนยิ่งตื่นตัว และระมัดระวังมากขึ้น!
  แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็ไม่สามารถบอกเรื่องนี้กับถังเทียนห่าวได้เขาเพียงแค่ตอบกลับไปยิ้ม
  “ลุงถังครับ..ลุงไม่จำเป็นต้องสืบเรื่องนี้ เพราะผมรู้แล้วว่าใครอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในครั้งนี้ ฝ่ายนั้นทั้งเก่งแล้วก็มีอำนาจมาก นี่ไม่ใช่เรื่องที่สำนักงานรักษาความมั่นคงจะรับมือได้!”
  ตามความเข้าใจของหลิงหยุนเวลานี้องค์กรนักฆ่าเป็นองค์กรที่ใหญ่โต และทรงพลังอย่างมาก เขาไม่ต้องการให้สำนักงานรักษาความมั่นคงทำอะไรออกไปจนศัตรูของเขาไหวตัว!
  “เสียเจิ้นเหยินกู่หยุนฟะ แล้วก็กู่เหลียนเฉิงก็ไปกันหมดแล้ว ที่นี่คงไม่มีอะไรแล้วสินะครับ!” หลิงหยุนเอ่ยถามถังเทียนห่าว
  ถังเทียนห่าวพยักหน้าและตอบกลับไปว่า “ถ้าอย่างนั้นที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเองก็แล้วกัน!”
  “ขอบคุณครับลุงถัง!”
  จากนั้นหลิงหยุนก็บอกกับถังเทียนห่าวผ่านทางกระแสจิต..
  -ลุงถังครับ..ผมจำเป็นต้องบอกลุงไว้ก่อนว่า ผมกลับมาจากปักกิ่งครั้งนี้ ได้นำพาปัญหามากมายกลับมาจิงฉูด้วย จากนี้ไปคงจะมีคนลึกลับอีกมากมายเดินทางเข้ามาจิงฉูอย่างแน่นอน คุณลุงคงต้องสั่งให้คนตรวจตราอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบในคืนนี้ขึ้นอีก..-
  -แล้วถ้าคุณลุงพบเจอสิ่งที่ผิดสังเกตแม้แต่นิดเดียวกรุณาแจ้งให้ผมทราบทันที!–
  ถังเทียนห่าวโบกมือพร้อมกับตอบไปว่า“ฉันเข้าใจ! แต่ว่าศัตรูของเธอเริ่มลงมือแล้ว เธอเองก็ต้องระมัดระวังตัวให้มาก!”
  หลิงหยุนพยักหน้าอย่างเข้าใจและหันไปมองรอบๆ พร้อมกับคุยเรื่องสัพเพเหระกับถังเทียนห่าวต่ออีกนิดหน่อยจึงขอตัวกลับ..
  “ลุงถัง..ไม่รู้ว่าตอนนี้บ้านเลขที่-1 ของผมจะเป็นยังไงบ้าง ผมคงต้องรีบกลับไปดูก่อน..”
  บ้านเลขที่-1เปรียบเสมือนฐานที่มั่นของหลิงหยุน สิ่งสำคัญหลายอย่างก็อยู่ที่นั่น หลังจากจัดการกับเรื่องวุ่นวายที่นี่เรียบร้อยแล้ว เขาจึงต้องรีบกลับไปทันที
  แต่เมื่อหลิงหยุนกำลังจะออกไปจู่ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงอันตรายที่รุนแรงอย่างมาก จึงรีบเงยหน้าขึ้นและใช้เนตรหยิน-หยางมองไปบนอาคารสูงของโรงแรมสี่ดาวที่อยู่อีกฟากถนน!
  โอรสพรรคมารซือกงวู่จี๋ที่ยืนมองหลิงหยุนอยู่ตรงหน้าต่างรีบกระโดดถอยหลังออกไปจนร่างสูงใหญ่นั้นถอยไปติดประตูห้อง และได้แต่รำพึงเบาๆ
  “นี่เจ้ารู้ตัวงั้นรึ!เยี่ยมมาก!” ซือกงวู่จี๋ถึงกับใจสั่นด้วยความตกใจ
  สายตาของหลิงหยุนกวาดมองไปทางหน้าต่างของโรงแรมแต่ก็ไม่พบสิ่งใด จึงได้แต่ถอนสายตากลับมาด้วยความรู้สึกผิดหวัง
  “ดูท่าครั้งนี้องค์กรนักฆ่าจะส่งมือสังหารมาจัดการกับข้าไม่น้อยเลยสินะ!”
  หลังจากถอนสายตากลับมาแล้วความรู้สึกขนลุกขนชันที่เคยมีก่อนหน้านี้ก็หายไปทันที หลิงหยุนส่ายหน้าไปมาก่อนจะเดินแยกออกมาจากถังเทียนห่าว แต่หลังจากที่เดินออกมาจากบริเวณที่เกิดเหตุการณ์แล้ว เขาก็สัมผัสได้ถึงอันตรายอีกครั้ง จึงชะงักไปเล็กน้อย..
  “น่าแปลก..คลินิกเกิดเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ เหตุใดเหยาลู่กลับไม่โทรมาเลย! หรือว่านางจะยังไม่รู้เรื่อง?!”
  “แต่ไม่น่าเป็นไปได้ที่นางจะไม่รู้เรื่องระเบิดในคืนนี้เพราะแม้แต่พยาบาลสาวทั้งสามคนก็รีบรุดมาที่คลินิก ตอนกลับพวกนางจะไม่โทรคุยกับเหยาลู่เชียวรึ!”
  ท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิด..หลิงหยุนฉุกคิดขึ้นมาได้ในระหว่างที่เดินทางกลับไปยังบ้านเลขที่-1 ของตนเอง
  “นั่นใคร!”
  หลิงหยุนได้ยินเสียงร้องตะโกนถามของฉินตงเฉี่วยดังออกมาจากบ้านเลขที่-1..
  “ข้าเอง!”
  ระหว่างที่ตอบไปนั้นร่างของหลิงหยุนก็ได้กระโดดเข้าไปภายในบ้านเรียบร้อยแล้ว..
  แสงไฟในบ้านเลขที่-1นั้นเปิดสว่างไสวไปทั่วทั้งบ้าน นอกจากไป๋เซียนเอ๋อ ฉินตงเฉี่วย หนิงหลิงยู่ และเกาเฉินเฉินแล้ว ก็ยังมีคนๆ อื่นนั่งรอเขาอยู่ภายในบ้านอีกมากมาย
  แน่นอนว่าพอลกับเจสเตอร์ก็อยู่ที่นั่นด้วยรวมทั้งเหมี่ยวเสี่ยวเหมา เสี่ยวเม่ยหนิง แม้กระทั่งท่านเสี่ยวหมอเทวดาก็มาด้วยเช่นกัน
  “พี่หลิงหยุน!”
  ทันทีที่หลิงหยุนเดินเข้าไปในบ้านไป๋เซียนเอ๋อกับเสี่ยวเม่ยหนิงก็รีบวิ่งออกมาหาทันที! ท่านเสี่ยวหมอเทวดาเองก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับร้องถามออกมาอย่างร้อนใจ
  “นี่มันเกิดอะไรขึ้น”novel-lucky
  หลิงหยุนทำท่าทางให้ทุกคนนั่งลงและอยู่ในความสงบก่อน จากนั้นหลังจากที่เขานั่งลงบนโซฟาเรียบร้อยแล้ว จึงรีบสรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับทุกคนฟังทันที
  “ศัตรูของผมเริ่มลงมือแล้ว..และคนที่สั่งการอยู่เบื้องหลังในคืนนี้ก็คือองค์กรนักฆ่า แต่เหตุการณ์ในคืนนี้ก็นับว่าเป็นการสูญเสียเพียงเล็กน้อยเท่านั้น!”
  ตราบใดที่บ้านทั้งสองหลังของหลิงหยุนยังไม่เป็นอะไรการสูญเสียอย่างอื่นจึงไม่ใช่เรื่องที่หลิงหยุนจะต้องกังวล..
  ท่านหมอเสี่ยวได้ยินคำว่า‘ศัตรู’ ก็รีบร้องถามออกมาด้วยความเป็นห่วง “หลิงหยุน.. ถ้าเช่นนั้นจากนี้ไปเจ้าคิดอ่านอย่างไรรึ”
  ริมฝีปากของหลิงหยุนโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มสดใสและตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “เวลานี้ศัตรูของข้าอยู่ในที่มืด สิ่งเดียวที่ข้าคิดได้ในเวลานี้ก็คือต้องตั้งรับ และป้องกันตัวให้ดีเท่านั้น!”
  “ลุงถังบอกกับข้าว่า..ตั้งแต่คืนนี้ไปเขาจะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปคอยสอดส่องธุรกิจต่างๆ ในเมืองจิงฉู และจะช่วยเฝ้าดูให้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ข้าคิดว่าศัตรูคงจะไม่อหังการถึงขนาดที่จะกล้าวางระเบิดอีก เรื่องนึ้จึงไม่จำเป็นต้องกังวลใจ!”
  “และจากนี้ไป..ข้าต้องปกป้องบ้านหลังนี้อย่างดีที่สุด! และต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดอันตรายกับทุกคนด้วย!”
  สำหรับบ้านหลังนี้..มีทั้งตัวเขา ไป๋เซียนเอ๋อ และฉินตงเฉี่วย ทั้งสามล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น และยังมีพอลกับเจสเตอร์ซึ่งเป็นแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์อีกถึงสองตน หลิงหยุนจึงมั่นใจอย่างยิ่งว่าการตั้งรับของเขานั้นแข็งแกร่งอย่างมาก
  แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนกับไป๋เซียนเอ๋อก็ไม่สามารถเฝ้าอยู่ที่บ้านได้ตลอดเวลาทั้งคู่จำเป็นต้องไปใหนมาใหนด้วยกัน หลิงหยุนจึงตั้งใจที่จะสร้างค่ายกลขึ้นมาป้องกันไว้อีกหนึ่งชั้น
  “เอาล่ะ..ในสถานการณ์เช่นนี้ คงต้องทำตามนี้ไปก่อน!”
  ท่านหมอเสี่ยวเห็นหลิงหยุนพูดไปหัวเราะไปก็รู้ได้ทันทีว่าหลิงหยุนคงจะสามารถรับมือกับศตรูในครั้งนี้ได้ จึงได้แต่โล่งใจ..
  หลิงหยุนพูดกับท่านหมอเสี่ยวว่า“ท่านปู่เสี่ยว.. ครั้งนี้องค์กรนักฆ่าได้พายอดฝีมือมาด้วยมากมาย ท่านปู่คงต้องเข้าๆออกๆ บ้านนี้ให้บ่อยขึ้นแล้วล่ะ..”
  ท่านหมอเสี่ยวอมยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า“ฮ่า.. ฮ่า.. ขอบใจที่เจ้ายังเห็นคนแก่อย่างข้ามีประโยชน์อยู่! แต่ข้าว่าองค์กรนักฆ่าคงจะไม่สนใจตาแก่อย่างข้านักหรอก แต่ถ้าพวกมันอยากจะลองดี ก็คงต้องประเมินตัวเองดูหน่อย ฮ่า.. ฮ่า..”
  หลิงหยุนรู้ดีว่าท่านหมอเสี่ยวนั้นรู้จักกับบุคคลระดับสูงในปักกิ่งไม่น้อยหากองค์กรนักฆ่าทำอะไรไม่ดูตาไม้ตาเรือ ก็คงต้องมีปัญหากับผู้มีอำนาจในปักกิ่งอย่างแน่นอน
  และนั่นเท่ากับว่า..องค์กรนักฆ่าได้ทำการค้าที่ขาดทุนยับเยิน ซึ่งพวกมันจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นแน่!
  “พ่อหนุ่ม..ข้าใช้เวลาทั้งชีวิตสร้างบริษัทยามาอย่างลำบากยากเย็น แต่เจ้ากลับทำโรงงานของข้าระเบิดเสียหายจนหมด เรื่องนี้ข้ายังไม่ได้จัดการกับเจ้า!”
  หลังจากหมดห่วงแล้วท่านหมอเสี่ยวก็พูดคุยตลกขบขันกับหลิงหยุนไปเรื่อย แม้ว่าโรงงานผลิตยาจะไม่ได้เสียหายมากนัก แต่เขาก็อดเศร้าใจไม่ได้..
  มันไม่ใช่เรื่องของเงินทองแต่มันคือผลิตผลของการทำงานหนักมาทั้งชีวิต มันจึงเปรียบเสมือนชีวิตจิตใจของเขาด้วย..
  หลิงหยุนได้แต่เกาศรีษะด้วยความเก้อเขินและตอบไปว่า “เรื่องนี้เป็นฝีมือของศัตรู ข้าว่าเราอย่าพูดเรื่องนี้อีกจะดีกว่า!”
  ทุกคนต่างก็พากันหัวเราะออกมาแล้วท่านหมอเสี่ยวลุกขึ้นยืน “เอาล่ะ.. ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว ข้าก็จะกลับก่อนแล้ว ส่วนเจ้าเองก็รีบไปพักผ่อนได้แล้ว!”
  หลิงหยุนเดินตามออกไปส่ง“ท่านปู่เสี่ยว.. ข้าไปส่ง!”
  ท่านหมอเสี่ยวบอกกับหลิงหยุนระหว่างที่เดินออกไป“หลิงหยุน.. จากนี้ไปเจ้าต้องทำทุกอย่างด้วยสติ!”
  หลังจากที่ท่านหมอเสี่ยวกลับไปแล้วหลิงหยุนจึงกระโดดกลับเข้าไปในห้องรับแขก พร้อมกับเรียกกระบี่มังกรขาวออกมาจากแหวนพื้นที่..
  “น้าหญิง..กระบี่มังกรขาวเล่มนี้ข้ายังไม่จำเป็นต้องใช้ ท่านเก็บไว้ป้องกันตัวเถิด!”
  ทันทีที่กระบี่มังกรขาวถูกเรียกออกมามันก็โค้งงอและสั่นไปมาบ่งบอกถึงความเป็นกระบี่อ่อนได้เป็นอย่างดี..
  ฉินตงเฉี่วยถึงกับใจเต้นตึกตักแต่ก็รีบส่ายหน้าพร้อมกับปฏิเสธ “ข้ามีกระบี่ประจำตัวแล้ว เวลานี้ศัตรูจ้องเล่นงานเจ้า หากมันอยู่กับเจ้าจะเป็นประโยชน์มากกว่าอยู่กับข้า! เจ้าเก็บไว้ใช้ป้องกันตัวเองจะดีกว่า!”
  หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับส่ายหน้าไปมาเขายัดกระบี่มังกรขาวลงไปในมือของฉินตงเฉี่วย แล้วจึงพูดยิ้มๆ
  “น้าหญิง..ท่านเก็บไว้ใช้เถิด! แล้วชุดผ้าแพรไหมดำที่ข้าให้ไว้ด้วย อย่าลืมสวมไว้เป็นเกราะป้องกันตัวด้วยล่ะ!”
  ฉินตงเฉี่วยไม่มีทางเลือกจึงได้แต่รับไว้ และในใจก็รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก แต่ปากก็ดุหลิงหยุน
  “เจ้าเด็กดื้อ..เดี๋ยวนี้เจ้าไม่ต้องเชื่อฟังข้าแล้วสินะ!”
  แล้วนางก็รีบพูดต่อว่า“หลังจากผ่านเหตุการณ์อันตรายครั้งนี้ไปแล้ว ข้าก็จะคืนให้กับเจ้า!”
  ฉินตงเฉี่วยรู้ว่ากระบี่มังกรขาวและกระบี่โลหิตแดนใต้ที่หลิงหยุนนำออกมาจากก้นหลุมยักษ์นั้น มีความผูกพันกับหลิงหยุนมากเป็นพิเศษ นางจึงไม่ต้องการนำมันมาเป็นของตนเอง
  หลิงหยุนมอบกระบี่มังกรขาวให้ฉินตงเฉี่วยไปแล้วจึงก็ไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้อีก เขารีบหันไปถามเจสเตอร์แทน
  “แล้วสองพี่น้องตระกูลเฉินล่ะ!”
  เจสเตอร์ตอบกลับด้วยเสียงที่ดังฟังชัด“เจ้านาย.. ทุกอย่างปกติดี พวกมันยังคงอยู่ในโกดังที่สวนหลังบ้าน!”
  หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“อย่าให้พวกมันสองคนพี่น้องหนีไปได้ล่ะ ถ้าพวกมันหนีไปได้ พวกเจ้าสองคนต้องรับผิดชอบ!”
  หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจแล้วหลิงหยุนก็เริ่มรู้สึกโล่งใจ และพูดขึ้นว่า “เอาล่ะทุกคน.. นี่ก็ดึกมากแล้ว กลับไปพักผ่อน.. มีอะไรค่อยคุยกันใหม่พรุ่งนี้!”