บทที่ 887 : ทำงานได้แล้ว!
ในเวลานี้ก็เข้าตีสองแล้วใช่ว่าทุกคนจะมีพละกำลังเช่นเดียวกับหลิงหยุนซึ่งสามารถวิ่งวุ่นได้ทั้งคืน เกาเฉินเฉินกับเสี่ยวเม่ยหนิงเองก็เหนื่อยมากตั้งแต่กลับมาถึง ทั้งคู่จึงรีบเข้าห้องนอนหลับพักผ่อนทันที
ในห้องรับแขกเวลานี้จึงเหลือเพียงแค่หลิงหยุนฉินตงเฉี่วย แล้วก็หนิงหลิงยู่เท่านั้น..
หลิงหยุนเอนกายพิงโซฟาอย่างเกียจคร้านแล้วจึงถอนหายใจออกมาพร้อมกับพูดว่า “เฮ้อ.. กลับมาบ้านก็คงต้องถูกน้าหญิงทำโทษ!”
ฉินตงเฉี่วยยิ้มและตอบกลับไปว่า“โถ.. เจ้าก็พูดเสียน่าสงสาร! เห็นแก่ที่เจ้าให้ข้ายืมกระบี่มังกรขาว ครั้งนี้ข้าจะยกโทษให้ แต่ถ้าคราวหน้ายังขืนปากดีกับข้าอีกล่ะก็.. ข้าจะฉีกปากเจ้าซะ!”
ทันทีที่ฉินตงเฉี่วยพูดจบนางก็พุ่งตัวหายวับออกจากห้องรับแขกทันที ไม่รอให้หลิงหยุนได้ตอบโต้อะไร..
ภายในห้องรับแขกจึงเหลือเพียงแค่หนิงหลิงยู่กับหลิงหยุนเท่านั้นห้องทั้งห้องจึงเงียบกริบ และใบหน้าขาวนวลของหนิงหลิงยู่ก็เริ่มแดง..
หลังจากนั่งเงียบอยู่ครู่ใหญ่..เมื่อเห็นว่าหลิงหยุนยังคงไม่พูดอะไร เธอจึงเงยหน้าขึ้นมองหลิงหยุน และเห็นคิ้วรูปดาบคู่สวยของเขากำลังขมวดเข้าหากัน ริมฝีปากเม้มแน่นคล้ายกับกำลังครุ่นคิดเรื่องที่เคร่งเครียดอยู่..
“พี่ใหญ่!พี่กำลังคิดอะไรอยู่คะ คิดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เหรอคะ?” ในที่สุดหนิงหลิงยู่ก็ร้องถามออกมาด้วยความเป็นห่วง..
“ห๊ะ!”
หลิงหยุนหยุดคิดฟุ้งซ่านแล้วหันไปยิ้มให้กับเสี่ยวเม่ยหนิงพร้อมตอบกลับไปว่า “พี่ไม่ได้คิดอะไรหรอก.. มาช่วยพี่นับดีกว่าว่าศัตรูของพี่มีกี่คน”
เปลือกตาของหนิงหลิงยู่กระตุกเล็กน้อยขนตายาวสั่นระริก ขณะที่ยกนิ้วเรียวงามนั้นขึ้นมานับ..
“ศัตรูของพี่ก็มี..ตระกูลซัน ตระกูลเฉิน นินจาญี่ปุ่น แล้วก็แวมไพร์ อ่อ.. ยังมีองค์กรนักฆ่าด้วย.. โอ้โห.. นับไม่ถ้วนเลย!”
หนิงหลิงยู่ไม่กล้าที่จะนับต่อเธอมองหลิงหยุนด้วยแววตามเป็นห่วงเป็นใย ดวงตากลมโตนั้นเบิกกว้าง ช่างน่าเอ็นดูยิ่งนัก!
หลิงหยุนจ้องมองหนิงหลิงยู่อยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกวักมือเรียกเธอ “หลิงยู่.. มานั่งนี่สิ! พี่มีอะไรจะถามเธอ”
หนิงหลิงยู่หน้าแดงยิ่งขึ้นแต่ก็ลุกขึ้นยืน และเดินเข้าไปหาหลิงหยุนอย่างว่าง่าย และเพียงแค่สองก้าวก็เดินไปใกล้หลิงหยุนแล้ว หลิงหยุนดึงแขนเล็กเรียวของหนิงหลิงยู่ให้ไปนั่งข้างตนเอง
ครั้งนี้..หนิงหลิงยู่ดูเอียงอายกว่าเดิม และหัวใจก็เริ่มเต้นแรง เธอไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองหลิงหยุน แต่ก็พูดออกไปว่า
“พี่ใหญ่..พี่มอบกระบี่มังกรขาวให้น้าหญิง ดูนางดีใจแล้วก็มีความสุขมาก!”
หลิงหยุนมองหนิงหลิงยู่ด้วยสีหน้าจริงจังพร้อมกับพูดขึ้นว่า“อย่าเปลี่ยนเรื่อง.. พี่มีอะไรจะถามเธอ!”
“เอ่อ..”หนิงหลิงยู่ทำเสียงอึกอัก แต่ก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองหลิงหยุน
“หลิงยู่..บอกพี่ใหญ่มาตามความจริง! สองสามวันมานี้เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ อารมณ์และจิตใจของเธอดูเหมือนจะขึ้นๆลงๆ วันนี้ก็เหมือนกัน.. เธอสามารถถูกธาตุไฟเข้าแทรกจนกลายเป็นปีศาจได้! พี่ตกใจมากเลยรู้มั๊ย?”
สำหรับหลิงหยุนแล้วต่อให้ทั้งเมืองจิงฉูรวมกับสมุนไพรล้ำค่าทั้งสามต้นในบ้านหลังนี้ ก็ไม่สามารถเทียบกับหนิงหลิงยู่ได้เลยแม้แต่น้อย!
หนิงหลิงยู่ไม่เพียงเป็นเครื่องมือดูดพลังชีวิตอย่างดีแต่ร่างของเธอยังเป็นกายอัปสรที่มีพลังอมตะปริมาณมหาศาลอยู่ด้านใน และที่สำคัญเธอคือน้องสาวของเขาด้วย!
เวลานี้..หนิงหลิงยู่มีปัญหาเช่นนี้ มีหรือที่หลิงหยุนจะเพิกเฉยไม่ใส่ใจได้!
“เอ่อ..”
ใบหน้างดงามของหนิงหลิงยู่แดงก่ำขึ้นมาทันทีเพราะคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะถามเรื่องนี้ขึ้นมา!
เธอจะบอกความจริงได้อย่างไรกันเธอจะพูดออกไปว่าเธอหึงหวงหลิงหยุนได้อย่างไรกัน? เพราะนั่นเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ของเธอ และหากเธอพูดออกไป แล้วหลิงหยุนเกิดหวาดกลัวล่ะ เธอจะทำเช่นไร?!
ยิ่งไปกว่านั้น..หนิงหลิงยู่ยังมั่นใจว่าทั้งน้าหญิง และแม้แต่ไป๋เซียนเอ๋อนั้น ทั้งคู่จะต้องมีความสามารถในการได้ยินที่เหนือกว่าคนปกติ และน่าจะกำลังเงี่ยหูฟังอยู่แน่!
ระหว่างที่หนิงหลิงยู่กำลังลังเลอยู่นั้นเธอก็ได้ยินเสียงหลิงหยุนพูดขึ้นว่า “หลิงยู่.. เธอคิดถึงแม่ใช่มั๊ย”
หนิงหลิงยู่ได้ฟังก็ถึงกับแอบถอนใจด้วยความโล่งอกแต่ในใจก็นึกโกรธหลิงหยุน และรู้สึกผิดหวัง ‘พี่ใหญ่.. พี่นี่ซื่อบื้อชะมัดเลย!’
แต่ปากก็ตอบไปอย่างไม่จริงใจนัก“ค่ะ..”
หลิงหยุนเห็นหนิงหลิงยู่ยืนยันเช่นนั้นในที่สุดก็ค่อยโล่งใจ เขาถอนใจด้วยความโล่งอก แล้วบอกกับเธอว่า
“ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง..หลิงยู่! เธอไม่ต้องกังวลใจไป ไว้พี่ใหญ่เสร็จภารกิจก่อน จะพาเธอไปพบแม่ที่เขาเทียนซัน ตกลงมั๊ย”
แม้ว่าหนิงหลิงยู่จะไม่สามารถบอกความลับในใจของตนเองออกไปได้แต่เวลาล่วงเลยมาหลายชั่วโมงแล้ว อารมณ์ความรู้สึกต่างๆก็ค่อยๆสงบลงไปแล้ว และหลิงยู่ก็ไม่ได้โง่ถึงจะมองไม่ออกว่า หลิงหยุนนั้นปฏิบัติต่อเธอกับน้าหญิงดีกว่าหญิงสาวคนอื่นๆ ไม่เช่นนั้นหลิงหยุนคงจะไม่ยอมมอบกระบี่มังกรขาวซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าของตนเองให้กับฉินตงเฉี่วยแน่..
หนิงหลิงยู่ยิ้มให้หลิงหยุนพร้อมตอบกลับไปว่า“พี่ใหญ่.. พี่พูดแล้วต้องรักษาคำพูดด้วยนะ!”
หลิงหยุนหันไปบีบจมูกเล็กๆของหนิงหลิงยู่พร้อมกับหัวเราะออกมา “ฮ่า.. ฮ่า.. เด็กโง่! ถ้ามันจะทำให้เธอจิตใจสงบลง และสามารถฝึกวิชาด้วยจิตใจที่สงบนิ่งได้ พี่รับรองว่าจะรักษาคำพูดอย่างแน่นอน!”
“งั้นฉันก็จะตั้งใจฝึกวิชาจะได้ไม่เป็นภาระให้กับพี่ใหญ่!” หนิงหลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับยืนยันหนักแน่น
“ดีมาก!ถ้างั้นก็กลับไปพักผ่อนได้แล้ว พี่ขอนั่งอยู่ที่นี่อีกสักพัก!” หลิงหยุนปล่อยมือหนิงหลิงยู่
หนิงหลิงยู่ลุกขึ้นยืนพร้อมกับพูดขึ้นอย่างเป็นห่วง“พี่ใหญ่คะ.. พี่เองก็ต้องรีบไปพักผ่อนนะคะ”
หลิงหยุนตอบกลับไปยิ้มๆ“สำหรับพี่.. การฝึกฝนคือการพักผ่อนที่ดีที่สุด ไม่ต้องห่วงพี่ รีบไปนอนได้แล้ว!”
………
หลังจากที่หนิงหลิงยู่กลับไปที่ห้องแล้วหลิงหยุนก็กระโดดลุกขึ้นจากโซฟา และเดินตรงไปที่สวนหลังบ้านทันที
หญ้าหยินหญ้าหยาง และหญ้าน้ำลายมังกร ทุกต้นล้วนแล้วแต่เติบโตแข็งแรงดี โดยเฉพาะหญ้าหยินและหญ้าหยาง พวกมันได้รับทั้งพลังหยิน พลังหยางที่บริสุทธิ์ และปราณเสวียนกับปราณหวงของหลิงหยุนเข้าไป จึงทำให้เจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
หลิงหยุนดีใจอย่างบอกไม่ถูกจนถึงกับต้องยิ้มกว้างออกมา..
การที่หลิงหยุนฝึกวิชาหยางพิสุทธิ์นั้นก็เพราะต้องการให้มีผลต่อการฝึกในขั้นพลังชี่ของตนเอง และหากได้สมุนไพรทั้งสองชนิดเข้าไปเสริม ผลของมันก็แทบจะคาดเดาไม่ได้ สมุนไพรเหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามหันต์สำหรับเขา
หลิงหยุนทำการฝึกวิชาพลังลับหยิน-หยางสี่ชั่วโมงติดต่อกันจนกระทั่งถึงหกโมงเช้าเขารู้สึกว่าพลังหยิน และพลังหยางในร่างกายนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก และรู้สึกราวกับว่าภายในร่างกายมีกระแสน้ำขนาดใหญ่หมุนเวียนอยู่ จึงได้หยุดการฝึกเพียงเท่านั้น..
“อย่างน้อยก็ก้าวหน้าได้บ้าง!”
หลังจากที่หลิงหยุนลุกขึ้นยืนและยืดกายตรงนั้น เขาก็สัมผัสได้ว่าร่างกายของตนเองนั้นกำลังจะเข้าสู่ขั้นพลังชี่ในอีกไม่นานนี้แล้ว
แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็ยังไม่พอใจเพียงแค่นี้เขากระโดดขึ้นไปยืนตระหง่านอยู่บนหลังคาบ้าน พร้อมกับหันหน้าไปทางทิศตระวันออก และเริ่มดูดซับเอาพลังสุริยะเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง แล้วเริ่มฝึกวิชาดาราคุ้มกายอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์..
การฝึกของหลิงหยุนครั้งนี้ไม่ต้องใช้ความพยายามมากนักเพราะวิชาหยางพิสุทธิ์กับวิชาดาราคุ้มกายนั้นช่วยเสริมซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดี
แต่แน่นอนว่า..ประโยชน์มหาศาลเช่นนี้ คนอื่นยากนักที่จะทำได้ มีเพียงหลิงหยุนผู้เดียวเท่านั้น!
ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่นั้น..วิชาหยางพิสุทธิ์นับว่าเป็นวิชาที่มีพลังในการจู่โจมที่ทรงพลังมากที่สุดวิชาหนึ่ง ร่างกายของผู้ฝึกจึงต้องไม่ธรรมดา และหลิงหยุนก็สามารถทำได้อย่างน่าอัศจรรย์!
เวลานี้ฉินตงเฉี่วยหนิงหลิงยู่ ไป๋เซียนเอ๋อ และเหมี่ยวเสี่ยวเหมา ต่างก็ตื่นขึ้นมาอาบน้ำล้างหน้าล้างตา หลังจากนั้นหญิงสาวทั้งสี่คนก็ออกมายืดเส้นยืดสาย และฝึกวิชา แต่เมื่อทั้งหมดเห็นหลิงหยุนยืนเอามือไขว้หลัง พร้อมกับหลับตาเงยหน้าขึ้นรับแสงอาทิตย์นิ่งเช่นนั้น ก็ได้แต่ยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะ..
แล้วจู่ๆเหมี่ยวเสี่ยวเหมาก็กระโดดตามขึ้นมาบนหลังคา พร้อมกับหัวเราะเสียงดัง และตะโกนใส่หลิงหยุน
“ลงไปเดี๋ยวนี้!ได้เวลาทำงานแล้ว..”
“อะไรกัน!”
หลิงหยุนตกใจจนแทบตกจากหลังคาเขาทำหน้างุนงงและตอบกลับไปว่า “เสี่ยวเหมา.. นี่คุณไม่เห็นหรือยังไงว่าผมกำลังฝึกวิชาอยู่ อยากมีเรื่องกับผมนักหรือยังไง?”
หลิงหยุนสามารถฝึกไปด้วยแล้วก็พูดไปด้วยได้ สำหรับเขาการฝึกฝนเป็นเรื่องที่ไม่สามารถล่าช้าได้..
เมื่อได้ยินว่าหลิงหยุนกำลังข่มขู่เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเจ้าทองอ้วนก็บินมาวนรอบตัวหลิงหยุนอยู่ห่างๆ และทำเสียงคล้ายคำราม เพราะรู้ตัวดีว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงหยุน
เวลาเจ็ดโมงครึ่ง..ทุกคนต่างก็เข้าไปในห้องนั่งเล่นรวมทั้งหลิงหยุนที่ต้องหยุดฝึก และกระโดดลงมาจากหลังคา..
“หลิงยู่..จัดการโทรสั่งอาหารเช้าให้มาส่ง!”
แต่กลับได้ยินเสียงของฉินตงเฉี่วยตอบกลับมาว่า“เช้าแบบนี้เจ้าจะโทรไปสั่งอาหารที่ใหน! เจ้านั่นล่ะที่ต้องเป็นคนทำ!”
แต่หลิงหยุนกลับทำเสียงกระซิบกระซาบ“ข้าว่าให้พอลทำดีกว่าน้าหญิง.. พอลทำอาหารเก่งหลายอย่าง โดยเฉพาะ..”
“ไม่..!”ยังไม่ทันที่หลิงหยุนจะพูดจบ หญิงสาวทั้งหมดต่างก็ปฏิเสธเป็นเสียงเดียวกัน..
เมื่อเห็นสาวงามเดินกลับเข้าไปในห้องอาบน้ำแต่งตัวหลิงหยุนก็ได้แต่ถอนหายใจ และเดินเข้าไปทำอาหารเช้าในครัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่โชคดีที่ในครัวมีพร้อมทุกอย่างอาหารเช้าก็ไม่ซับซ้อนวุ่นวาย หลิงหยุนต้มโจ๊ก และจัดการหยดน้ำลายมังกรที่มีกลิ่นหอมหวนลงไป..
หลังจากที่ต้มโจ๊กเสร็จเรียบร้อยแล้วแม้แต่เกาเฉินเฉินยังเอาแต่สูดดมกลิ่มหอมเข้าไปราวกับคนติดยา มีเพียงเสี่ยวเม่ยหนิงที่ยังคงนอนหลับฝันหวานอยู่..
“ไม่ต้องไปปลุก..ปล่อยให้เธอนอนพักผ่อน!”
หลิงหยุนสั่งทุกคนไม่ให้ไปปลุกเสี่ยวเม่ยหนิงจากนั้นจึงเริ่มร่วมทานอาหารเช้ากับทุกคน
หลังเสร็จจากอาหารเช้าแล้วหนิงหลิงยู่กับเกาเฉินเฉินก็ทำหน้าที่ล้างจาน ส่วนหลิงหยุนก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาตี้เสี่ยวอู๋
“เสี่ยวอู๋..นายอยู่ที่ใหน ทำไมเมื่อคืนถึงไม่กลับบ้าน?”
บทที่ 888 : นายไม่มา.. ฉันก็ไม่ไป!
ตี้เสี่ยวอู๋ออกไปฝึกวิชาตั้งแต่เมื่อคืนท่ามกลางพายุฝนเขาผ่านการฝึกกับน้ำมาทุกคืน จึงไม่ได้หวาดกลัวกับพายุฝนแต่อย่างใด
และเพราะฝนตกหนักตี้เสี่ยวอู๋จึงไม่ได้เอาโทรศัพท์มือถือติดตัวไปด้วย หลิงหยุนจึงได้สั่งให้คนของแก๊งมังกรเขียวบอกตี้เสี่ยวอู๋ให้โทรกลับหาตนเองด้วย
น้ำเสียงของตี้เสี่ยวอู๋แฝงไว้ด้วยความเสียใจ“พี่หยุน.. เมื่อคืนตอนที่ได้ข่าวเรื่องระเบิด ฉันกำลังฝึกอยู่ที่ริมเขื่อนพอดี ฉันรู้ว่าต่อให้รีบกลับไป ก็คงจะสายไปแล้ว ฉันก็เลยพาพี่น้องทั้งหมดไปที่บ้านในอ่าวจิงฉูแทน..”
“ต่อมา..ก็ได้ยินจากอาปิงว่าพี่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็เลยตัดสินใจเฝ้าอยู่ที่บ้านเลขที่-9 ทั้งคืน”
เมื่อคืนนี้..หลังจากที่ตี้เสี่ยวอู๋ส่งมู่หลงเฟยจื่อกลับบ้านไปแล้ว เขาก็ตรงไปฝึกวิชาต่อที่ริมฝั่งแม่น้ำจิงฉู แต่หลังจากที่ฝึกฝนเสร็จ ก็ได้ยินข่าวเรื่องการระเบิดภายในตัวเมือง เขารู้ดีว่าต่อให้รีบไปที่เกิดเหตุในตอนนั้น ก็คงจะไม่ทันอยู่ดี ตี้เสี่ยวอู๋จึงเลือกที่จะพาพี่น้องแก๊งมังกรเขียวทั้งหกคนไปที่บ้านเลขที่-9 ในอ่าวจิงฉูแทน
“เยี่ยม!”
หลิงหยุนพยักหน้าและเอ่ยชื่นชมการตัดสินใจของตี้เสี่ยวอู๋ เพราะตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง จนหลิงหยุนอดที่จะชื่นชมไม่ได้
“แล้วสองคนที่ตายอยู่ในสวนล่ะรู้รึยังว่าพวกมันเป็นคนของใคร”
ตี้เสี่ยวอู๋ตอบกลับมาทันที“น่าจะเป็นมือสังหารขององค์กรนักฆ่า แต่ดูเหมือนจะอยู่ในระดับท้ายแถว เพราะถูกหินก้อนใหญ่ของค่ายกลนวะสังหารฆ่าตายได้อย่างง่ายดาย..”
“พวกมันนอนสมองไหลออกมาจากกะโหลกศรีษะและถูกทุบจนร่างกายแหลกเหลว นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เพิ่งจะมาเก็บศพไป..”
หลิงหยุนได้ฟังถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้งก่อนจะพูดยิ้มๆ “เอาล่ะ.. ฉันมีงานจะให้นายทำ นายกับอาปิงไปหาลูกเหล็กขนาดใหญ่มาให้ฉัน แต่ละลูกต้องมีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่น้อยกว่าครึ่งเมตร..”
หลิงหยุนต้องการสร้างค่ายกลสำหรับป้องกันศัตรูครั้งนี้เขารู้ว่าศัตรูของตนเองนั้นต้องเป็นยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนขึ้นไปอย่างแน่นอน เพียงแค่ก้อนหินธรรมดาจึงไม่พอ เขาจึงต้องเปลี่ยนเป็นลูกเหล็กขนาดใหญ่ครึ่งเมตรแทน..
ตี้เสี่ยวอู๋ได้ฟังก็ถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ“โอ้โห.. ต้องใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอพี่หยุน! แล้วพี่ต้องการจำนวนเท่าไหร่?”
“อย่างน้อยต้องแปดสิบลูก..”หลิงหยุนตอบ
ก้อนเหล็กที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางครึ่งเมตรนั้นอย่างน้อยๆ ก็ต้องมีน้ำหนักกว่าสองร้อยกิโลกรัม และนั่นคือสิ่งที่หลิงหยุนจะเตรียมไว้จัดการกับศัตรูของเขา..
ตี้เสี่ยวอู๋ถึงกับร้องอุทานออกมา“พี่หยุน.. ของแบบนี้ไม่มีขายตามท้องตลาดแน่ คงต้องสั่งโรงงานทำพิเศษ”
หลิงหยุนตอบกลับด้วยรอยยิ้มแจ่มใส“ถ้างั้นนายก็ไปติดต่อโรงงานให้สั่งทำได้เลย ติดต่อหลายๆโรงงานก็ได้ และยิ่งได้เร็วที่สุดเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ไม่ต้องสนใจเรื่องเงิน!”
“ครับพี่หยุน!”
ตี้เสี่ยวอู๋พยักหน้าตอบรับและหลิงหยุนก็สั่งต่อทันที “หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว นายก็รีบกลับไปพักผ่อนซะ! เวลานี้ศัตรูเริ่มลงมือแล้ว นายต้องระมัดระวังตัวเองให้มาก อย่าให้ถูกองค์กรนักฆ่าจับตัวไปได้ล่ะ!”
“ครับพี่หยุน..ฉันจะระมัดระวังตัวให้มาก!”
หลิงหยุนพูดจบก็จะวางสายแต่ตี้เสี่ยวอู๋ชิงถามขึ้นว่า “พี่หยุน.. ตอนนี้พี่มู่หลงน่าจะไปถึงสนามบินแล้ว”
“แย่แล้ว!”
หลิงหยุนถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจเขาฝึกวิชาจนถึงเจ็ดโมงครึ่ง และหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จก็ราวแปดโมงครึ่งพอดี เขาลืมเรื่องที่จะต้องไปส่งมู่หลงเฟยจื่อที่สนามบินไปเลย..
“งั้นแค่นี้ล่ะ!”
หลิงหยุนรีบวางสายจากตี้เสี่ยวอู๋และหันไปตะโกนบอกหนิงหลิงยู่ “หลิงยู่.. ขอกุญแจรถให้พี่หน่อย!”
หนิงหลิงยู่กับหญิงสาวคนอื่นๆเห็นหลิงหยุนร้องหากุญแจรถก็มองด้วยความแปลกใจ หนิงหลิงยู่จึงถามไปว่า
“พี่ใหญ่คะ..นี่พี่จะไปใหน!”
แต่ระหว่างนั้นก็หยิบกุญแจรถมาให้หลิงหยุนหลังจากรับไปแล้วหลิงหยุนก็พุ่งออกจากห้องรับแขกทันที และร้องตะโกนทิ้งท้ายก่อนออกไปว่า
“พี่มีธุระด่วน..ต้องรีบไปก่อนแล้ว!” จากนั้นก็ขับรถมาเซราติออกไปจากบ้านทันที
ฉินตงเฉี่วยมองหลิงหยุนที่ขับรถออกไปอย่างรวดเร็วและได้แต่รำพึงรำพันว่า “ไฟไหม้ก้นหรือยังไงนะ.. เหตุใดต้องรีบร้อนถึงเพียงนี้ด้วย!”
หลิงหยุนรีบโทรหามู่หลงเฟยจื่อและได้แต่ภาวนาให้มู่หลงเฟยจื่อรับสายของเขา ‘รับสิ.. อย่าบอกนะว่าเครื่องออกไปแล้ว!’
แต่กลับคิดไม่ถึงว่ามู่หลงเฟยจื่อนั้นเปิดโทรศัพท์มือถือรอหลิงหยุนไว้แล้วเพียงแค่ดังครั้งเดียว เธอก็รีบรับทันที..
“คุณอยู่ที่ใหน!”
หลิงหยุนร้องตะโกนถามทันทีเขารู้ว่าหากมู่หลงเฟยจื่ออยู่บนเครื่องบินแล้ว ก็ต้องปิดโทรศัพท์ และไม่สามารถติดต่อได้อย่างแน่นอน แต่ในเมื่องเธอรับโทรศัพท์ได้ ก็แสดงว่าต้องไม่ได้อยู่บนเครื่อง..
มู่หลงเฟยจื่อได้ยินน้ำเสียงที่กระวนกระวายและกังวลใจของหลิงหยุน จึงตอบกลับไปเพียงสั้นๆ “อยู่บ้าน..”
หลิงหยุนถามต่อด้วยความงุนงง“แล้วไฟลท์ที่คุณจะไปล่ะ!”
มู่หลงเฟยจื่อตอบเสียงเบา“เครื่องออกไปสักพักแล้ว!”
หลิงหยุนยิ่งงุนงง“ห๊ะ! แล้วคุณจะทำยังไงล่ะ?”
เมื่อคืนเขาบอกกับมู่หลงเฟยจื่อว่าจะไปส่งเธอที่สนามบินแต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ทันแล้ว..
“จะทำยังไงน่ะเหรอ!ก็มารับฉันสิ!” น้ำเสียงของมู่หลงเฟยจื่อบ่งบอกว่าไม่ค่อยพอใจนัก
“ได้ๆคุณรอผมอยู่ที่บ้าน ผมจะรีบไปรับเดี๋ยวนี้!”
หลิงหยุนรีบไปควบมาเซราติไปรับมู่หลงเฟยจื่อที่บ้านทันที..
เอี๊ยด…
เสียงเบรกดังขึ้นและรถมาเซราติก็ไปจอดอยู่หน้าบ้านของมู่หลงเฟยจื่อ หลิงหยุนเปิดกระจกพร้อมกับตะโกนออกไป
“พี่มู่หลง..ผมมาแล้ว พวกเรารีบไปกันเถอะ!”
ร่างของมู่หลงเฟยจื่อปรากฏขึ้นที่หน้าประตูผมของเธอยังเปียกอยู่ และอยู่ในชุดอยู่บ้านสบายๆ แต่ถึงกระนั้นก็ยังดูสง่าและมีสไตล์
เธอโน้มตัวลงไปพูดกับหลิงหยุนที่นั่งอยู่ในรถ“ทำไมยังใส่ชุดเมื่อคืนอยู่อีกล่ะ! เขามาในบ้านก่อนเร็วเข้า..” แต่กลับไม่พูดถึงเรื่องไปสนามบิน..
ใหนๆเครื่องก็ออกไปแล้ว หลิงหยุนจึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอะไร เขามองมู่หลงเฟยจื่อด้วยความชื่นชมพร้อมกับพูดยิ้มๆ
“วันนี้พี่มู่หลงสวยมากเลย..ท่านปู่มู่หลงไม่อยู่เหรอ”
มู่หลงเฟยจื่อหัวเราะคิกคัก“เดี๋ยวนี้รู้จักปากหวานนะ.. เมื่อคืนฉันแต่งตัวสวยกลับไม่ชมฉันสักคำ! ท่านปู่ไปตลาดค้าของเก่าตั้งแต่เช้าแล้ว..”
ระหว่างที่ตอบ..มู่หลงเฟยจื่อก็เดินนำหลิงหยุนเข้าไปในบ้าน..
ทันทีที่เดินเข้าไปในบ้านแล้วมือของหลิงหยุนก็เอื้อมออกไปโอบเอวบอบบางของมู่หลงเฟยจื่อไว้ทันทีโดยไม่สนใจท่าทางเอียงอายของเธอ และพาเดินไปนั่งที่โซฟา
“นี่..นายจะทำอะไร ปล่อยฉันนะ!”
หลิงหยุนตอบยิ้มๆ“ใหนๆท่านปู่ก็ไม่อยู่แล้ว คุณยังจะกลัวอะไร”
“เอาล่ะ..ตอบผมมาก่อนทำไมถึงไม่ไปขึ้นเครื่อง”
มู่หลงเฟยจื่อตอบเสียงเบา“ถ้านายไม่มา ฉันก็ไม่ไป!”
และเพียงแค่ประโยคเดียวนี้ก็บ่งบอกความรู้สึกในใจทั้งหมดของมู่หลงเฟยจื่อได้แล้ว..
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“แล้วจะไม่เสียหายกับงานอีเวนท์ที่ฮ่องกงเหรอ”
มู่หลงเฟยจื่อตอบกลับไปว่า“งานอีเวนท์จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ ออแกไนเซอร์ที่จัดเตรียมงานก็จะเริ่มลงมือในเย็นวันนี้ ยังพอมีเวลา!”
หลิงหยุนได้ฟังจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเขาจัดการซัดฝ่ามือออกไป และประตูบ้านก็ปิดสนิท
ในเมื่อไม่ไป..ก็ต้องอยู่คุยกันก่อน!
……..novel-lucky
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป..
“คนบ้า..เปลี่ยนเสื้อได้แล้ว!”
มู่หลงเฟยจื่อเปลี่ยนเป็นเป็นชุดกระโปรงผ้าไหมสีชมพูในมือของเธอถือเสื้อเชิ้ตผู้ชายมาด้วย
“ฉันซื้อไว้ให้นาย..ใส่ซะ!”
หลิงหยุนจัดการเปลี่ยนมาใส่เสื้อเชิ้ตที่มู่หลงเฟยจื่อนำมาให้มู่หลงเฟยจื่อสำรวจดูแล้วจึงพูดขึ้นว่า
“ดูเหมือนจะเล็กไปนิด..นี่นายตัวสูงขึ้นเหรอนี่!”
มู่หลงเฟยจื่อคิดไม่ถึงว่าครั้งแรกที่เธอกับหลิงหยุนได้พบกันนั้นหลิงหยุนยังเป็นเด็กอ้วน แต่เวลานี้กลับกลายเป็นเด็กหนุ่มที่มีหน้าตาหล่อเหลายิ่งนัก!
หลังจากผ่านการฝึกฝนอย่างบ้าคลั่งกว่าสามเดือนหลิงหยุนจึงโตขึ้น และสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร..
หลิงหยุนยืนล้วงกระเป๋าพร้อมกับยิ้มอย่างเก๋ไก๋แล้วพูดขึ้นว่า..
“พี่มู่หลง..คุณไม่ต้องไปจองตั๋วเครื่องบินแล้วล่ะ ผมว่าไปเครื่องบินส่วนตัวจะดีกว่า!”