อาหกพยักหน้ารับพร้อมกับบันทึกสำเนาคลิปวิดีโอไปด้วย ขณะเขากำลังพิมพ์บนแป้นพิมพ์ ก็ปรากฏอีกหน้าต่างหนึ่งขึ้นมาบนจอภาพ เขาต่อสายโทรศัพท์โดยใช้คอมพิวเตอร์เครื่องนั้น เมื่อมีผู้รับทางปลายสาย เขาก็กดที่แป้นพิมพ์อีกครั้งเพื่อล็อกสัญญาณไม่ให้ทางปลายสายอีกด้านติดตามได้ว่าโทรมาจากที่ไหน แล้วจึงกล่าวว่า “ขอแจ้งว่าขณะนี้มีคนใช้ยาเสพติดอยู่ที่ปราสาทโคลตัน หนึ่งในนั้นเป็นดาราภาพยนตร์ชื่อดังจากประเทศจีน” 

 

 

อาหกวางสาย แล้วต่อโทรศัพท์ถึงถังซี ถังซีกำลังจะกลับบ้านหลังจากไปทานอาหารค่ำกับฉู่หลิง ด้วยว่าฉู่หลิงบอกว่าเธอได้กลายเป็นเป้าหมายของแก๊งมาเฟียท้องถิ่นไปแล้ว เธอจึงไม่ควรปรากฏตัวในฐานะถังซี แต่ควรใช้ตัวตนของเซียวโหรว หลังจากนั้นเขาก็มาส่งเธอที่โรงแรม ถังซีรู้ว่าที่ฉู่หลิงทำทั้งหมดนี้ก็เพราะเฉียวเหลียงขอให้ช่วย แม้จะยังโกรธเฉียวเหลียง แต่เธอก็เฝ้ารอให้เขามาขอโทษ อย่างไรก็ตามเมื่อเธอกลับมาถึงห้องพักที่โรงแรมก็ไม่พบว่ามีใครอยู่ที่นั่น เธอรู้สึกไม่พอใจ ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างหงุดหงิด เมื่อเห็นอาหกโทรมาเธอก็แทบอยากจะตัดสายทิ้ง แต่เธอก็ยังอยากรู้ว่าเฉียวเหลียงกำลังคิดจะทำอะไร เธอจึงรับสาย แม้จะไม่อยากรับก็ตาม 

 

 

“อาหกเหรอ” 

 

 

“ใช่ครับ ผมเอง คุณเซียว” อาหกเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เราสืบพบแล้วว่าใครเป็นคนจัดฉากเพื่อทำร้ายคุณในคืนนั้น” 

 

 

สีหน้าถังซีเครียดขึ้งไปในทันที หมายความว่าเธอโดนล่วงละเมิดทางเพศเพราะมีใครบางคนวางแผนให้เกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ เธอกำโทรศัพท์แน่น ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเหมือนมีใครบางคนเฝ้ามองอยู่ จึงลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างรูดผ้าม่านปิด ก่อนจะถามว่า “ใครเป็นคนทำ” 

 

 

“นักแสดงหญิงในสังกัดเอ็มไพร์เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ชื่อสวีฟัง คุณรู้จักเธอไหม” 

 

 

เมื่อได้ยินชื่อนี้ถังซีก็หรี่ตาลง ยิ้มเยือกเย็นตอบว่า “แน่นอน รู้จักเป็นอย่างดีเลย!” เธอรู้จักสวีฟังยิ่งกว่าดีเสียอีก ทุกครั้งที่เห็นหน้าหล่อน ถังซีก็อยากจะบีบคอเสียให้ตายคามือ! แต่โชคไม่เข้าข้าง เธอไม่เคยมีโอกาสได้ทำเช่นนั้น ด้วยเหตุผลหลายประการด้วยกัน!  

 

 

อาหกรู้สึกว่าน้ำเสียงถังซีฟังดูแปลกๆ จึงถามว่า “คุณเซียว เป็นอะไรไปหรือเปล่าครับ” 

 

 

“ไม่เป็นไร ฉันสบายดี” ถังซียิ้ม ทรุดกายลงนั่งบนโซฟา แล้วถามเสียงเบาว่า “คุณสืบรู้ได้ยังไงว่าเป็นหล่อน” 

 

 

อาหกเล่าให้เธอฟังว่าพวกเขาสืบพบความจริงได้อย่างไร และเน้นด้วยว่าเฉียวเหลียงได้พยายามเกินขีดจำกัดเพียงไหนที่จะทำทุกอย่างเพื่อเธอ หลังจากได้ยินสิ่งที่อาหกเล่า ถังซีก็ขมวดคิ้ว ใจหายวูบเมื่อได้ยินชื่อตระกูล ‘คลอส’ เธอถามเสียงเครียด “หมายความว่าผู้ชายคนนั้นเป็นหนึ่งในแก๊งซิฟฟาอย่างนั้นหรือ เป็นสมาชิกตระกูลคลอสด้วยเหรอ” 

 

 

“ใช่ครับ โชคยังดีที่นายน้อยอยู่ที่นั่นด้วยในตอนนั้น ไม่งั้นผมไม่อยากคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น!” 

 

 

ถังซีสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะถามว่า “แล้วตอนนี้นายน้อยของคุณอยู่ที่ไหน” 

 

 

“นายน้อยอยู่ที่สำนักงานสาขา กำลังจัดการกับเรื่องนี้อยู่ครับ เขาบอกว่าจะไม่ยอมให้คุณตกอยู่ในอันตรายเป็นอันขาด” อาหกหันไปมองเฉียวเหลียง ซึ่งกำลังหยิบเสื้อโค้ตมาสวมก่อนจะก้าวออกไปข้างนอก อาหกเลิกคิ้วแล้วกล่าวต่อไป “คุณเซียวครับ ผมคิดว่านายน้อยควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยอยู่เพราะเขารักคุณมากเกินไป ในบางครั้งอาจดูเหมือนไม่ค่อยมีเหตุผล แต่ผมรับรองได้ว่าเขารักคุณมากจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำทุกอย่างทั้งหมดนั้นแน่ครับ” 

 

 

ถังซีทำเสียงตอบรับอยู่ในลำคอ นึกถึงคำพูดรุนแรงที่เธอกล่าวกับเฉียวเหลียง ก็ดึงทึ้งผมตัวเองด้วยความเสียใจ ถามอาหกว่า “ให้ฉันเดานะ คุณคงไม่ได้โทรมาหาฉันเพื่อจะพูดแค่เรื่องนี้หรอก ใช่ไหม” 

 

 

“ก็… มีอีกเรื่องหนึ่งครับ คือเราสืบจนพบตัวคลอส เลิฟแล้ว และยังพบว่าเขาจับตัวสวีฟังไปด้วย หลังจากนั้นเราก็ได้แฮ็กเข้าไปในระบบกล้องวงจรปิดที่บ้านเขา และได้เห็นว่าเขากับสวีฟังกำลังใช้ยาเสพติดอยู่ด้วยกัน ผมจึงอยากจะถามคุณว่า คุณสามารถสั่งให้ยกเลิกสัญญาของสวีฟังก่อนกำหนดได้ไหมครับ” 

 

 

ถังซีเลิกคิ้วกล่าวว่า “ยกเลิกสัญญากับหล่อนงั้นเหรอ สัญญาระหว่างเราหมดอายุไปนานแล้ว หมดไปตั้งแต่วันที่ฉันเข้าไปบริหารเอ็มไพร์เอ็นเตอร์เทนเมนต์ แต่ผู้บริหารบางคนยังอยากให้ต่อสัญญากับหล่อน เพราะผลประโยชน์ที่ได้จากงานโฆษณาที่หล่อนเป็นพรีเซนเตอร์ยังมีอยู่ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปในร่างสัญญาใหม่ เราเลยยังไม่ได้ต่อสัญญากับหล่อน แต่ว่าก็ยังไม่ได้ประกาศออกไปว่าหมดสัญญาต่อกันแล้ว ในเมื่อหล่อนทำแบบนี้กับฉัน ฉันก็ไม่ต้องการร่วมงานกับหล่อนอีกต่อไป ฉันจะสั่งให้ผู้ช่วยลงประกาศในไมโครบล็อกของบริษัททันที ว่าสวีฟังไม่ได้เป็นนักแสดงในสังกัดของเราอีกต่อไปแล้ว!” 

 

 

“ดีครับ โปรดสั่งการโดยเร็วที่สุด แล้วเราจะมีของขวัญชิ้นใหญ่ให้หล่อนด้วย” อาหกยิ้มเจ้าเล่ห์ นายน้อยกับคุณถังต้องทะเลาะกันยกใหญ่เพราะคลอส เลิฟ และคลอส เลิฟยังได้ล่วงละเมิดคุณถังเพราะถูกล่อลวงและชี้นำจากสวีฟัง ตอนนี้ถึงเวลาที่หล่อนต้องได้รับผลกรรมที่ทำไว้! 

 

 

หลังจากวางสายไปแล้ว ถังซีก็อยากโทรศัพท์ไปหาเฉียวเหลียง แต่ไม่รู้จะพูดกับเขาว่าอย่างไร ในที่สุดเธอก็โยนโทรศัพท์ลงข้างตัว แล้วไปอาบน้ำ ก่อนจะกลับมานอนลงบนเตียง และพยายามไม่คิดถึงเฉียวเหลียง… 

 

 

เฉียวเหลียงออกมาจากสำนักงานสาขา ขึ้นรถแล้วขับไปเรื่อยๆ ตามท้องถนน เขาขับผ่านร้านขายดอกไม้ แล้วเหยียบเบรกกะทันหัน ถอยรถกลับมาจอดลงข้างทาง เขาเดินเข้าไปในร้านดอกไม้ หลังจากกวาดตามองจนทั่วร้านที่เต็มไปด้วยสีสันละลานตาของดอกไม้นานาพันธุ์ จนต้องกะพริบตาถี่ๆ อย่างตื่นตาตื่นใจ เขาไม่เคยซื้อดอกไม้ให้ถังซีเลย และเธอก็ไม่เคยบอกว่าชอบดอกไม้ แต่วันนี้… 

 

 

“ควรจะซื้อดอกอะไรดี” เฉียวเหลียงบ่นพึมพำกับตัวเอง 

 

 

เมื่อเห็นลูกค้าหนุ่มหล่อเข้ามายืนอยู่ในร้านตั้งหลายนาที แต่ยังไม่มีท่าทีจะตัดสินใจได้ว่าจะซื้อดอกอะไร เจ้าของร้านจึงเดินเข้ามาหา ถามอย่างอ่อนโยนว่า “คุณต้องการให้ช่วยอะไรไหมคะ” 

 

 

เฉียวเหลียงหน้านิ่วคิ้วขมวด  

 

 

เจ้าของร้านรู้ได้ทันทีว่าชายหนุ่มผู้นี้ไม่รู้ว่าจะเลือกดอกไม้ชนิดไหน เธอจึงถามเขาว่า “ขอถามได้ไหมคะ ว่าคุณจะซื้อดอกไม้ให้ใคร” 

 

 

“คนรักของผมครับ” เฉียวเหลียงตอบ 

 

 

“อ้อ จริงเหรอคะ เยี่ยมเลย” เจ้าของร้านยิ้มกว้าง “คุณจะขอเธอแต่งงานเหรอคะ ถ้าใช่ คุณก็ต้องใช้ดอกกุหลาบ” 

 

 

“เปล่าครับ ผมอยากจะขอโทษเธอ” เฉียวเหลียงมองเจ้าของร้าน และพยายามอธิบายว่า “ผมพูดบางอย่างที่ร้ายกาจกับเธอ แล้วเธอก็โกรธผมมาก ผมอยากให้ดอกไม้กับเธอเพื่อให้เธอรู้ว่าผมเสียใจ”  

 

 

“ถ้าอย่างนั้น คุณก็…”  

 

 

“เดี๋ยวก่อนนะครับ” เฉียวเหลียงยกมือขึ้นทันควันเพื่อขัดจังหวะเจ้าของร้าน เขาชี้ไปที่กุหลาบสีแดงช่อหนึ่ง และกล่าวพร้อมด้วยรอยยิ้ม “ผมอยากได้กุหลาบสักช่อ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยเหมือนดอกกุหลาบ ผมคิดว่าเธอน่าจะชอบดอกกุหลาบ” 

 

 

เจ้าของร้านพยักหน้า แล้วถามว่า “คุณอยากได้กุหลาบกี่ดอกคะ”  

 

 

เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว เขาอยากได้กุหลาบกี่ดอกหรือ ก็เพิ่งบอกอยู่เมื่อกี้ว่าเขาอยากได้กุหลาบหนึ่งช่อ