ตอนที่ 390 ซื้อกุหลาบให้เธอ

ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง

เฉียวเหลียงชะงัก เงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “รอสักครู่”

 

 

เขาหยิบโทรศัพท์มือถืออกมา เปิดวีแชต แล้วใส่คำถามเข้าไปในกลุ่มสนทนาว่า “ถ้าผมจะซื้อดอกไม้ให้แฟน จำนวนดอกไม้มีความสำคัญไหม ถ้ามี ทำไมถึงสำคัญ”

 

 

กลุ่มสนทนาอันเงียบเหงามีชีวิตชีวาคึกคักขึ้นทันที เพราะคำถามของเขา…

 

 

ลู่หลี : แน่นอน จำนวนดอกไม้มีความหมายแตกต่างกัน

 

 

โรบิน ชู้ด : คุณจะซื้อดอกอะไร อย่าซื้อผิดประเภทนะ! รู้ไหมว่าจะให้ถูกใจแฟนคุณนี่ยากมาก วันนี้ผมเพิ่งไปทานอาหารค่ำกับเธอมา เธอไม่ยิ้มให้ผมแม้แต่ครั้งเดียวตลอดเวลาที่ทานอาหารด้วยกัน! ผมไปทำอะไรผิดใจเธอตั้งแต่เมื่อไร หรือว่าเป็นเพราะคุณ!

 

 

นายน้อย : ผมควรซื้อดอกอะไร

 

 

ลู่หลี : ผมไม่เคยซื้อดอกไม้ให้ใคร คิดไม่ออกเลย

 

 

โรบิน ชู้ด : โอ้พระเจ้า! นี่ล้อเล่นใช่ไหม พวกคุณไม่เคยซื้อดอกไม้ให้ผู้หญิงเลยเหรอ

 

 

นายน้อย : แล้วควรซื้อกี่ดอก

 

 

ลู่หลี : ลองหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตดูสิ

 

 

โรบิน ชู้ด : เฮ้ ไม่มีใครฟังผมเลยหรือไง อย่าซื้อกุหลาบเหลืองให้ผู้หญิงเด็ดขาด เพราะมันหมายถึงหมดรัก ถ้าซื้อกุหลาบเหลืองให้เธอ คุณตายแน่!

 

 

เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว มองดูกุหลาบสีเหลืองที่วางอยู่ใกล้ๆ ตัว แล้วเดินหนีออกไปให้ห่างจากกุหลาบเหลือง แล้วจึงแตะที่หน้าจอโทรศัพท์…

 

 

นายน้อย : กุหลาบเหลืองน่าเกลียดมาก! ผมไม่ซื้อแน่!

 

 

โรบิน ชู้ด : กุหลาบแดงหมายถึงความเสน่หาและรักแท้ กุหลาบเหลืองคือความหึงหวงและหมดรัก กุหลาบสีม่วงคือความเลอค่าและมีเอกลักษณ์ กุหลาบขาวสำหรับรักที่บริสุทธิ์และความไร้เดียงสา ส่วนกุหลาบสีดำแทนความอ่อนโยนและจริงใจ… ผมได้ข้อมูลมาจากไป๋ตู้

 

 

ลู่หลี : คุณนี่สุดยอดจริงๆ

 

 

โรบิน ชู้ด : แน่ละ ไป๋ตู้นี่บางทีก็มีประโยชน์มาก

 

 

ลู่หลี : ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ไปกินเหล้ากันไหม

 

 

โรบิน ชู้ด : ตอนนี้ผมอยู่ในบาร์ มาสิ [ส่งตำแหน่งที่ตั้งร้าน]

 

 

ลู่หลี : ได้เลย

 

 

เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว แล้วตกลงควรซื้อดอกไม้กี่ดอกดีล่ะ! แล้วเขาก็ได้ยินเสียงสัญญาณแจ้งว่ามีข้อความเข้า และกล่องข้อความก็ปรากฎบนหน้าจอ

 

 

โรบิน ชู้ด : กุหลาบหนึ่งดอก – เธอคือคนเดียวในดวงใจ

 

 

กุหลาบสองดอก – มีเพียงเธอกับฉันในโลกใบนี้

 

 

กุหลาบสามดอก – ฉันรักเธอ

 

 

กุหลาบสี่ดอก – คำมั่นสัญญา

 

 

กุหลาบห้าดอก – ไม่มีคำว่าเสียใจ

 

 

กุหลาบหกดอก – ขอให้ได้พบแต่สิ่งที่ดีที่สุด

 

 

กุหลาบเจ็ดดอก – แอบรักเธออยู่ในใจ

 

 

กุหลาบแปดดอก – ฉันเสียใจเหลือเกิน โปรดยกโทษให้ฉันด้วย

 

 

กุหลาบเก้าดอก – จะอยู่เคียงข้างเธอตลอดไป

 

 

กุหลาบสิบดอก – สมบูรณ์แบบเป็นที่สุด

 

 

กุหลาบสิบเอ็ดดอก – รักเธอตลอดไป

 

 

กุหลาบสิบสองดอก – คิดถึงเธอทุกวัน…

 

 

กุหลาบห้าล้านสองแสนหนึ่งพันสามร้อยสิบสี่ดอก – รักเธอไปตลอดชั่วชีวิต

 

 

เอาละ จบแล้ว ขอเชิญคุณซื้อดอกกุหลาบให้แฟนจนหมดทั้งเมืองปารีส ตามใจชอบเลยก็แล้วกัน…

 

 

เฉียวเหลียงปิดวีแชต แล้วหันไปบอกกับเจ้าของร้านดอกไม้ว่า “ผมอยากได้ดอกกุหลาบหนึ่งช่อ ขอให้มีกุหลาบแดงสิบเอ็ดดอก กุหลาบสีม่วงสิบเจ็ดดอก กุหลาบสีขาวแปดดอก และกุหลาบสีดำห้าดอก จัดช่อให้ด้วยนะครับ”

 

 

เจ้าของร้านพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แล้วถามอีกว่า “อยากได้กุหลาบสีแชมเปญด้วยไหมคะ”

 

 

เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว จ้องหน้าเธอด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม กุหลาบสีแชมเปญอะไรกัน ฉู่หลิงไม่เห็นพูดถึง! เจ้าของร้านอธิบายว่า “กุหลาบสีแชมเปญหมายถึง ฉันรักเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เป็นของขวัญที่เหมาะที่สุดสำหรับคนที่คุณรัก จะรับกุหลาบสีแชมเปญด้วยไหมคะ”

 

 

“จัดกุหลาบสีแชมเปญเก้าสิบเก้าดอก แยกไปต่างหาก ให้ผมด้วย” เฉียวเหลียงตัดสินใจทันที

 

 

เจ้าของร้านปลาบปลื้มมาก ที่มีลูกค้ารายใหญ่กระเป๋าหนักมาซื้อกุหลาบราคาแพงจำนวนมากอย่างนี้ เธอรับคำด้วยรอยยิ้ม “ได้เลยค่ะ ฉันจะจัดช่อให้อย่างสวยที่สุด พนันกันได้เลยว่าคนรักของคุณจะต้องให้อภัยคุณทันทีที่ได้เห็นช่อกุหลาบพวกนี้”

 

 

ถังซีนอนอยู่บนเตียง ถกเถียงกับตัวเองอยู่ว่าควรจะส่งข้อความไปหาเฉียวเหลียง หรือควรโทรถึงเขาดี เมื่อนึกถึงสิ่งที่เธอพูดไปกับเขาในวันนี้ เธอก็รู้สึกลังเล ถ้าเธอยอมง้อเขาในครั้งนี้ เธอต้องตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาเป็นแน่! แล้วเขาก็จะต้องไม่ยอมให้เธอเข้าไปยุ่งกับธุระของเขา และต้องจำกัดสิทธิเสรีภาพเธออย่างแน่นอน!

 

 

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ถังซีก็โยนโทรศัพท์ลงข้างตัว ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมศีรษะ แล้วเตะขาไปมาอย่างขัดใจ ขณะนั้นเองโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เธอมองไปที่ชื่อผู้โทร เห็นว่าเป็นเซียวจิ่ง เธอเกือบลืมเขาไปเสียแล้วในช่วงหลายวันที่ผ่านมา!

 

 

ถังซีรีบรับสายทันที และได้ยินเสียงอ่อนเปลี้ยของเซียวจิ่งกล่าวว่า “โอพระเจ้า ในที่สุดเธอก็รับโทรศัพท์พี่ซะที! ทำไมถึงไม่อยู่ที่โรงแรม!”

 

 

หางตาถังซีหรี่ลง “ฉันก็อยู่ในโรงแรมนี่”

 

 

เซียวจิ่งเคาะประตูอยู่ที่หน้าห้องเธอ เมื่อถังซีเปิดประตูออกไป ก็ได้เห็นเซียวจิ่งยืนพิงกรอบประตูอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้เลย เธอถามอย่างประหลาดใจว่า “พี่จิ่ง เกิดอะไรขึ้น พี่โดนผีเข้าเหรอ ทำไมถึงหมดสภาพอย่างนี้”

 

 

เซียวจิ่งร้องว่า “ทุกคนแกล้งพี่!”

 

 

เขาเล่นเกมออนไลน์โดยได้ต่อสู้กับอาหกในคืนนั้น และพ่ายแพ้ยับเยิน หลังจากนั้นเขาก็ขังตัวเองไว้ในห้องเพื่อฝึกเล่นเกมอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตามทุกครั้งที่เขาท้าคู่ต่อสู้สักคนในเกม เขาก็พ่ายแพ้อีก จนเขาถึงกับเป็นลมหมดสติไปด้วยความโกรธและสิ้นหวัง แล้วยังไม่มีใครสนใจมาเยี่ยมเขาเลย! นี่ถ้าหากเขาไม่ได้ฟื้นขึ้นมาด้วยตัวเอง ก็คงจะตายไปแล้ว!

 

 

เมื่อฟังเขาเล่าจบ ถังซีก็ทั้งเป็นห่วงทั้งโมโห เธอจ้องหน้าเขา แล้วลากเขาเข้าไปในห้อง ทิ้งตัวเขาลงบนโซฟา แล้วดุเขาด้วยความโกรธ “นี่พี่รนหาที่ตายหรือไง เล่นเกมมันไม่ดีกับสุขภาพ! พี่ใช้เวลาอยู่กับเกมนานขนาดนั้นได้ยังไง สุขภาพของพี่กับเกมอะไรสำคัญกว่ากัน ที่ฉันเล่นเกมนั้นชนะพี่ก็เพราะเล่นอยู่บ่อยๆ ส่วนอีกเกมหนึ่งเนี่ย คือ…พี่ส่าก็อาจจะเล่นบ่อยๆ เหมือนกัน ส่วนพี่น่ะ…”

 

 

ถังซีเดินไปที่ตู้เย็น หยิบกล่องนมออกมา เธออุ่นนม เทใส่แก้วส่งให้เซียวจิ่ง “พี่จิ่ง พี่มีปัญหาอะไรหรือเปล่า พี่มาที่นี่เพื่อมาคอยดูแลฉัน แล้วดูสิตอนนี้ฉันต้องมาดูแลพี่! พี่จิ่ง ดูตัวเองสิ ถ้าคุณแม่มาเห็นพี่ตอนนี้ ต้องกลุ้มใจแย่เลย!”

 

 

เซียวจิ่งเม้มริมฝีปาก แล้วกล่าวอย่างสำนึกผิด “ก็พี่ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นลมไปนี่นา”

 

 

เขาไม่เคยคาดคิดว่าตัวเองจะเป็นลมหมดสติไปได้เพราะเล่นเกม! ตามปกติเขาเป็นคนแข็งแรงและสุขภาพดี! ตอนนี้เขารู้สึกอับอายมาก!

 

 

ในช่วงเวลานี้เองที่เขาเกิดนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขากวาดตามองไปรอบห้อง ขมวดคิ้ว แล้วถามว่า “เฉียวเหลียงอยู่ไหน ทำไมไม่อยู่ที่นี่”

 

 

ถังซีมีอาการกระดากเล็กน้อย เธอกล่าวอ้อมแอ้มว่า “เขาต้องไปทำธุระบางอย่าง พี่ดื่มนมแล้วค่อยกลับไปพักผ่อนนะ ฉันจะออกไปซื้ออะไรมาให้ทาน รออยู่ที่นี่ก่อน”

 

 

“ไม่ต้องหรอก พี่บอกที่แผนกประชาสัมพันธ์แล้วว่าให้ส่งอาหารขึ้นมาให้ด้วย เดี๋ยวเขาก็คงเอาอาหารมาส่ง พี่แค่มาบอกเธอว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่เท่านั้นแหละ” แล้วเขาก็มองถังซี และกล่าวอย่างน้อยใจ “แต่ถ้าพี่ไม่มาหา เธอก็คงจะลืมพี่ไปแล้ว…”

 

 

ถังซีนิ่งอึ้งไป “…ขอโทษนะ พี่จิ่ง หลายวันมานี้ ฉันยุ่งมากจริงๆ…”

 

 

“เอาละ ช่างเถอะ พี่ยกโทษให้” เซียวจิ่งดื่มนมจนหมด แล้วกัดขนมปังที่วางอยู่บนโต๊ะไปสองคำ เขาลุกขึ้นยืนแล้วบอกว่า “พี่จะกลับห้องล่ะ”

 

 

“ฉันเดินไปส่งนะ” ถังซีสังเกตเห็นว่าเขาดูไม่ค่อยสบาย จึงรีบเข้าไปประคอง อีกฝ่ายเซมาพิงถังซี เขายกมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง “น่าอายจริงๆ!”