เย่ฉางดึงหอกออกหอกเงาอย่างไม่เต็มใจ “อาเฉียง นายมีวิธีที่จะหลอมรวมพวกมันได้ไหม?”

“ฉันสามารถลองทำได้ แต่ฉันไม่รับประกันว่ามันจะสำเร็จไหม” จางเจิ้งเฉียงยักไหล่

“อืม ไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้กันอีกทีเมื่อกลับไปที่เมืองแล้ว ทุกคนไปพักผ่อนเถอะ เราจะอยู่ที่นี่อีกสักสองสามวัน ดังนั้นในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น พวกเราจะไปรับเควสบางอันมาทำ และไปตรวจสอบที่คลังแสงกัน” เย่ฉางพูดจบก็ออกจากระบบไป หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว เขาก็นอนลงบนเตียงและจ้องมองแสงจันทร์ที่ส่องผ่านหน้าต่างของเขา เขาเอื้อมมือออกไปเปิดตู้และหยิบกรอบรูปภาพออกมาดู แสงจันทร์ส่องกระทบบนภาพ เย่ฉางสัมผัสภาพด้วยรอยยิ้มบางๆ และก็บ่นกับภาพ “อาเฉียงกำลังทำผลงานได้ดีมาก เขาเป็นลูกผู้ชายเต็มตัวแล้ว เธอมีความสุขไหม? ซินหยู่…”

หลังจากนั้น เย่ฉางก็วางกรอบรูปไว้ในตู้ แล้วเดินไปที่ระเบียงเพื่อปล่อยให้ลมทะเลพัดผมสีขาวของเขา

เย่ฉางมองไปที่ระเบียงด้านอื่นๆ และเห็นหลินหลี่ยืนอยู่ที่นั่นในชุดนอน ซึ่งกำลังมองออกไปในท้องฟ้าที่แสนไกล ‘เขากำลังคิดถึงพ่อแม่ของเขาอยู่?’

เย่ฉางกลับไปที่ห้องของเขาและโทรหาซงซิน “โย่ว หวัดดีน้องสะใภ้…”

“นายมีธุระอะไร? นี่มันก็ดึกมากแล้วนะ …” ซงซินถาม

“เธอได้ข่าวเกี่ยวกับพ่อแม่ของหลินหลี่แล้วหรือยัง? ถ้าเธอไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ ฉันจะเป็นคนจัดการเอง” เย่ฉางดูซีเรียสขึ้นมาทันที

ซงซินลังเลเล็กน้อย “เพื่อความสุขของหลินหลี่แล้ว ฉันคิดว่าไม่ควรตรวจสอบให้ลึกลงไปมากกว่านี้ มันคงจะเป็นการดีกว่า”

“ทำไม?” เย่ฉางขมวดคิ้ว

“อดีตของเขาเกี่ยวข้องกับนิกายดาบสวรรค์ ตอนนี้หลินหลี่มีความสุขและพอใจกับชีวิตในตอนนี้แล้ว เราไม่ควรทำให้เขาตกอยู่ในอันตรายใช่มั้ย?” คำพูดของซงซินทำให้เย่ฉางขมวดคิ้วขึ้นมา นิกายดาบสวรรค์เป็นหนึ่งในสามนิกายใหญ่ของจีน นิกายดาบสวรรค์, นิกายประตูปีศาจ และนิกายร้อยดอกไม้ ถือได้ว่าเป็นนิกายที่มีอำนาจมากที่สุดในจีน นิกายดาบสวรรค์และนิกายประตูปีศาจเต็มไปด้วยผู้มีพรสวรรค์จำนวนมาก แม้ว่าพวกเขาจะไม่เปิดเผยอะไรให้กับบุคคลภายนอกได้รับรู้ แต่ทุกองค์กรต่างรู้กันดีว่า พวกเขานั้นน่ากลัวมากขนาดไหน

“มันควรจะเป็นหลินหลี่ที่จะเป็นคนตัดสินใจเอง ไม่ใช่เรา! ฉันจะทำตามที่ฉันเห็นสมควร อย่างไรก็ตาม เธอไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมในเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว” เย่ฉางพูดจบก็วางสายทันที จากนั้นเขาก็โทรหา Hunting Flame “นายช่วยฉันตรวจสอบความเคลื่อนไหวของนิกายดาบสวรรค์ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาให้หน่อยสิ ฉันต้องการข้อมูลอย่างเร็วที่สุด”

“เข้าใจแล้ว” Hunting Flame ไม่ได้ถามอะไรและเริ่มสืบค้นทันที

เย่ฉางกลับมาที่ระเบียงและเห็นหลินหลี่ที่กำลังโศกเศร้าอยู่ ถ้าเขาต้องจากพวกเขาไปในสักวันหนึ่ง อย่างน้อยเขาก็ควรจะช่วยให้หลินหลี่ได้รับรู้ว่า พ่อแม่ของเขาตายไปแล้วหรือยังมีชีวิตอยู่ …

ซงซินรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย ‘ฉันจะทำตามที่ฉันเห็นสมควร เขาหมายถึงอะไร?’ เธอทำงานเสร็จด้วยความเร็วสูงสุด จากนั้นก็จองไฟต์เที่ยวบินกลับบ้าน

ในเวลาต่อมา เย่ฉางก็ได้รับรายงานจาก Hunting Flame ยิ่งเขาอ่านข้อมูลมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งขุ่นเคืองมากขึ้นเท่านั้น เย่เทียนเห็นว่าเย่ฉางยังไม่นอน เธอจึงเดินเข้ามาและเห็นข้อมูลในมือของเขา เธอเริ่มวิเคราะห์ข้อมูล “เมื่อ 21 ปีที่แล้ว หลินซ่งหยู่ผู้สืบทอดนิกายดาบสวรรค์ในช่วงเวลานั้น ได้ตกหลุมรักกับซ่งเซียง หญิงสาวตาบอดจากเมืองซินหยุน แต่ผู้อาสุโสในนิกายต่างพากันคัดค้าน เขาและเธอจึงพากันหนีออกจากนิกายไป หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็ถูกจับโดยนิกายและถูกนำตัวมาลงโทษ แต่ในระหว่างทางกลับ ซ่งเซียงถูกหลินซ่งหยูฆ่าตายอย่างไม่ได้ตั้งใจ ส่วนหลินซ่งหยู่ถูกขังอยู่ในคุกของนิกายดาบสวรรค์ การชันสูตรศพได้บ่งบอกว่าซ่งเซียงเพิ่งให้กำเนิดทารกไป ซึ่งหมายความว่าพวกเขายังคงมีลูกอยู่ที่ไหนสักแห่ง และจากการสืบลึกลงไป เด็กคนนี้ก็คือหลินหลี่นั่นเอง แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความสามารถของตระกูลหลิน ไม่มีเหตุผลใดที่พวกเขาจะตามหาหลินหลี่ไม่พบ มันต้องมีอะไรสักอย่าง!?”

(หมายเหตุ: หลินซ่งหยู่และหลินซ่งหยูเป็นคนล่ะคนกัน … ชื่อของพวกเขาดูจะคล้ายๆกัน)

“มันต้องมีข้อตกลงลับบางอย่าง เพราะมันเกี่ยวข้องกับเชื้อสายของสายเลือดตระกูลหลิน” เย่ฉางหายใจเข้าลึกๆ “เทียนน้อย ไปตามหลินหลี่มาที่นี่หน่อย”

เย่เทียนลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง “คุณพ่อคะ อย่าบอกนะว่าพ่อต้องการที่จะ…”

เย่ฉางบกมือให้เธอออกไป เย่เทียนจึงเดินออกประตูเพื่อไปตามหลินหลี่

เย่ฉางเอารายงานให้หลินหลี่ดู หลินหลี่อ้าปากค้างเมื่อเห็นว่าแม่ของเขาได้ตายไปแล้ว และพ่อของเขาถูกคุมขังอยู่ ในที่สุดเขาก็สงบจิตใจลง แต่เขายังคงกำหมัดแน่นอยู่ เขารู้เรื่องสามนิกายใหญ่ของจีนจากฉินซานในก่อนหน้านี้มาแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือนิกายดาบสวรรค์

“หลินหลี่อยากจะไปหาพ่อไหม? ฉันสามารถพานายไปได้นะ…” เย่ฉางพูดอย่างใจเย็น

หลินหลี่ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ยิ้มให้เย่ฉางอย่างไร้เดียงสาทันที “ไม่ล่ะ! ในตอนนี้ผมมีความสุขมากๆแล้ว และผมก็มีความสุขมากยิ่งขึ้น เมื่อได้รับรู้ว่าพ่อแม่ของผม ท่านทั้งสองไม่ได้ตั้งใจทอดทิ้งผมไป”

เมื่อพูดจบ หลินหลี่ก็เดินกลับไปที่ห้องของเขา เย่ฉางมองด้านหลังหลินหลี่อย่างงงงวย ‘เขากลัวว่าคนอื่นจะเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้?’

หลังจากผ่านไปไม่กี่วันในเกม ทุกคนสังเกตเห็นว่าหลินหลี่มักจะไม่ค่อยพูดและมีท่าทางเหม่อลอยอยู่บ่อยๆ เขามักจะจ้องมองออกไปในท้องฟ้าและไม่ค่อยร่าเริงเหมือนเก่า ขนาด SpyingBlade ก็ยังรู้เลยว่ามันแปลกๆ ‘ปกติแล้ว หลินหลี่เป็นคนช่างพูดและร่าเริงมากที่สุด มันเกิดอะไรขึ้น?’

เย่ฉางพบมนุษย์ปลาที่มีพรสวรรค์เพียงไม่กี่คนและเริ่มสอนพวกเขา เขาใช้เวลาเพียงไม่กี่วันในการจัดการสิ่งต่างๆ

ก่อนที่จะขึ้นเรือ เย่ฉางก็เริ่มนับจำนวนคน ‘หลินหลี่ไม่อยู่ เขาไปที่ไหน?’ เขาจำได้ว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน หลินหลี่บอกกับเขาว่ากำลังจะออกไปรับซงซิน และจะกลับมาภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง เย่ฉางรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ เขาจึงรีบออกจากเกมและโทรหาซงซินทันที “หลินหลี่อยู่กับเธอไหม!?”

“ไม่นะ! มีอะไรหรือ?” ซงซินถามอย่างสงสัย

เย่ฉางรีบวิ่งเข้าไปดูที่ห้องหลินหลี่ แต่ก็ไม่เจอเขา แต่บนโต๊ะกลับมีกระดาษโน๊ตวางไว้อยู่ สถานการณ์แบบนี้ทำให้เขานึกถึงวันที่ซินหยู่เสียชีวิต เขาค่อยๆเดินเข้าไปหยิบกระดาษโน๊ตขึ้นมา และอ่านตัวอักษรที่เขียนคดเคี้ยวไปมา

“พี่ใหญ่ขาว ผมจะไปช่วยพ่อ ขอบคุณสำหรับความหวังดีของพี่ แต่นี่เป็นปัญหาของผมคนเดียว ผมไม่อยากให้พวกพี่ต้องมาลำบากเพราะผม ไม่ว่าผมจะมีชีวิตหรือตายไป ผมก็อยากไปช่วยพ่อให้ได้ สุดท้ายนี้ … ผมขอขอบคุณพี่ใหญ่ขาวและพี่ใหญ่เฉียงที่คอยดูแลผมเป็นอย่างดีมาโดยตลอด พวกพี่เป็นครอบครัวที่ผมรักมากที่สุด ฮิ ฮิ ถ้าเกิดว่าผมไม่ได้กลับมาแล้ว พี่ใหญ่ขาวช่วยบอกอาซินด้วยว่า … ผมมีภารกิจไปกอบกู้โลก และได้แต่งงานกับเซเลอร์จูปิเตอร์ไปแล้ว”

เย่ฉางถือกระดาษโน๊ตแน่นและสั่น เขากลับเข้าไปในห้องของเขาและดึงกระเป๋าสีดำยาวออกมา จากนั้นเขาก็หายตัวไปเหมือนสายฟ้าฟาด จางเจิ้งเฉียงรีบวิ่งไปตามทิศทางของเย่ฉาง SpyingBlade และคนอื่นๆก็วิ่งตามหลังจางเจิ้งเฉียงไป

เย่ฉางหันหลังกลับมาและมองไปที่ทุกคน “พวกนายไม่ต้องตามมา รออยู่ที่บ้านนี่แหละ ฉันจะพาหลินหลี่กลับมาเอง…”

จางเจิ้งเฉียงเห็นกระดาษโน๊ต เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับพี่สาวของเขาจากเย่เทียนมาแล้ว เขาหันมาเผชิญหน้ากับคนอื่นๆและพูดว่า “ทุกคนรออยู่ที่นี่แหละ”

SpyingBlade ยกคิ้วขึ้น โดยไม่ต้องพูดอะไรมาก เขาพาฟางชิที่ไม่เต็มใจและ FrozenCloud ที่กำลังสับสนกลับไปที่บ้าน

“เพื่อน หลินหลี่เรียกฉันว่าพี่ใหญ่เฉียง พวกเราเป็นพี่น้องกันนะ เมื่อน้องชายของฉันกำลังเดือดร้อน ฉันจะกลับบ้านได้อย่างไรกัน!” จางเจิ้งเฉียงพูดอย่างจริงจัง

เย่ฉางลังเลใจและยิ้มขึ้นมา ‘ซินหยูเห็นหรือไม่? ในตอนนี้อาเฉียงได้กลายเป็นคนที่สามารถพึ่งพาได้แล้ว’ เขาหันไปทางเย่เทียน “เทียนน้อย ​​เธอกลับไปดูแลคนอื่นๆซะ”

“คุณพ่อ … หนู …” เย่เทียนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเธอได้เห็นการแสดงออกอย่างจริงจังของเย่ฉาง เธอก็ถอนหายใจและหันหลังกลับไปทันที

“อาเฉียง ครั้งนี้มันอันตรายจริงๆนะ ขนาดฉันก็ยังไม่มั่นใจเลยว่า จะเดินออกจากนิกายดาบสวรรค์โดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บไหม! นายแน่ใจหรือว่าต้องการมาด้วย?” เย่ฉางถาม

“ทำไมนายถึงต้องถามอะไรแบบนี้ด้วย?” จางเจิ้งเฉียงยิ้มกว้าง

“เพราะฉันสัญญากับพี่สาวของนายไว้ว่า ฉันจะไม่ปล่อยให้นายตายก่อนฉัน … ตราบเท่าที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ นายจะต้องไม่ตาย” เย่ฉางพูดอย่างมั่นใจ แล้วก็วิ่งไปที่สถานีรถไฟเพื่อไปเมืองซินหยุน

จางเจิ้งเฉียงยิ้มมุมปากและมองดูหลังของเย่ฉาง เขาจำได้ว่าพี่สาวของเขาเชื่อมั่นในแผ่นหลังบางๆของผู้ชายคนนี้มากขนาดไหน เขายิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดว่า “นั่นคือแผ่นหลังของลูกผู้ชายตัวจริง …”