หลินหลี่มองไปยังแผนที่ที่ได้มาจากฉินซาน เขานั่งอยู่บนรถไฟพร้อมกับกำหมัดแน่น จากนั้นเขาหยิบรูปภาพของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูเหมือนตัวเองมากๆขึ้นมาดู “คุณพ่อ ผมมาช่วยพ่อแล้ว!”

เย่ฉางกำลังขึ้นรถไฟขบวนที่สองเพื่อไปยังเมืองซินหยุน

หลินหลี่เดินผ่านตัวเมืองซินหยุน และมุ่งหน้าไปยังภูเขาแสงดาว เขาเดินไปตามแผนที่และมาถึงป่าแห่งหนึ่ง มันดูเหมือนเป็นป่าธรรมดาทั่วๆไป แต่ตามสิ่งที่ฉินซานได้บอกไว้ว่า นิกายดาบสวรรค์ได้สร้างม่านพลังครอบที่นี่ไว้ ถ้าเกิดมีคนธรรมดาหลงเข้ามาในป่าแห่งนี้ สุดท้ายแล้วพวกเขาก็จะพบว่าตัวเองกำลังเดินออกไปจากภูเขา แทนที่จะสามารถเดินเข้าไปลึกๆในป่าได้ การผ่านม่านพลังจะไม่ยากสำหรับใครบางคนเช่นฉินซาน ผู้ซึ่งเชี่ยวชาญพลังหยินหยาง แต่สำหรับหลินหลี่ผู้มีพรสวรรค์ในการใช้พลังหยินหยาง ซึ่งทำให้ฉินซานตกใจมาแล้ว ม่านพลังแค่นี้ไม่น่าจะขวางกั้นเขาไว้ได้

ขณะที่หลินหลี่กำลังเดินเข้าไปในม่านพลัง ทันใดนั้น ก็มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาจับไหล่เขาจากด้านหลัง หลินหลี่หันมามองและเจอกับท่าทางที่สงบเยือกเย็นของเย่ฉาง เขารู้สึกมีความสุขมาก แต่ก็เต็มไปด้วยความสำนึกผิดเช่นกัน เขาพูดว่า “พี่ใหญ่ขาว…”

การที่หลินหลี่มีความสุขมาก เพราะเย่ฉางตามมาช่วยเขาจริงๆ แต่การที่เขารู้สึกผิด เพราะว่าเขาจะพาเย่ฉางไปพบกับอันตราย! นอกจากนี้ เขายังเห็นจางเจิ้งเฉียงกำลังวิ่งออกมาจากบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย

“หลินหลี่ พวกเราเป็นพี่น้องกัน ดังนั้นพ่อของนายก็คือพ่อของเราด้วยเช่นกัน ถ้านายต้องการจะช่วยเขา พวกเราก็ทำมันด้วยกันเถอะ …” เย่ฉางยกมือขึ้นและตบแรงๆไปที่ไหล่ของหลินหลี่

หลินหลี่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกมา บนใบหน้าของเขามีแต่ความเศร้าเท่านั้น “พี่ใหญ่ขาว มันอันตรายมาก ผมไม่ต้องการให้ …”

หลินหลี่ไม่ทันได้พูดจบ ก็โดนเย่ฉางเขกกระโหลกเสียก่อน เย่ฉางมองด้วยสีหน้าเศร้าโศกไปทางภูเขาที่อยู่ห่างไกลออกไป “นายนี่ไม่รู้จริงๆหรือว่า ฉันคนนี้นั้นแข็งแกร่งมากแค่ไหน? ขนาดฉันยังรู้สึกกลัวตัวเองเลย เมื่อตอนฉันใช้พลัง …”

หลินหลี่หลั่งเหงื่อเย็นออกมาไม่หยุด

“เอาล่ะ รีบไปกันเถอะ …” เย่ฉางเดินนำไปข้างหน้า

เย่ฉางนำทุกคนเดินเข้าไปในป่า แต่เขาก็ไม่สามารถเข้าไปถึงภูเขาด้านในได้ พวกเขาเดินวนในป่าแห่งนี้มาตั้งสองสามรอบแล้ว! เย่ฉางรู้สึกอับอายมากและเต็มไปด้วยความโกรธ เขาจึงคิดที่จะทำลายป่าแห่งนี้ทิ้งไปซะ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเข้าไปได้ แต่สถานที่แห่งนี้ก็จะต้องตอบแทนด้วยการกลายเป็นทะเลแห่งเปลวเพลิงไปซะ! จางเจิ้งเฉียงรีบห้ามเขาไว้อย่างรวดเร็ว และแนะนำให้เขาทำตามหลินหลี่ เย่ฉางพยักหน้าอย่างอารมณ์เสีย ในที่สุดหลินหลี่ก็เป็นคนนำทาง หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ผ่านพ้นป่าแห่งนี้มาได้ พวกเขาทำมันได้จริงๆ!

เย่ฉางเห็นข้างหน้ามีเสาหินสูงอยู่ทั้งสองด้าน ตรงกลางเป็นบันไดขึ้นไปบนภูเขา เมฆและหมอกล่องลอยอยู่ทั่วทุกแห่ง มีดอกไม้จำนวนมากอยู่ตามรายทาง มันให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บนสรวงสวรรค์ชัดๆ!

ทันใดนั้น มีชายและหญิงปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา ชายคนนั้นมีใบหน้าที่หล่อเหลา ในขณะที่ผู้หญิงก็มีหน้าตาสะสวย พวกเขายืนกอดอกอย่างภาคภูมิใจอยู่หน้าก้อนใหญ่ยักษ์ และพูดออกมาว่า “พวกคนแปลกหน้า …”

ก่อนที่พวกเขาจะทันพูดจบ ทั้งสองคนก็รู้สึกว่ามีร่างปีศาจผมขาวที่ชั่วร้ายพุ่งผ่านพวกเขาไป พวกเขาไม่สามารถตอบสนองได้ ขณะที่พวกเขารู้สึกเจ็บปวดบนหลังของพวกเขา และพวกเขาก็ล้มลงกับพื้นดินและหมดสติไป

เย่ฉางเอาดาบมาเหน็บไว้ที่เอว ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ล้วงกระเป๋ากางเกง เขาเดินขึ้นบันไดไป และพูดอย่างใจเย็นว่า “ไปกันเถอะ”

เมื่อหลินหลี่เดินผ่านสองคนที่นอนสลบอยู่ เขาก็ไม่ลืมที่จะเตะออกไปสองสามครั้ง ก่อนที่จะเดินตามเย่ฉางไป

ขณะที่ทั้งสามคนเดินขึ้นบันไดไป เหล่าสาวกนิกายดาบสวรรค์ก็วิ่งลงมา แต่ก่อนที่พวกเขาจะทันพูดอะไร พวกเขาทั้งหมดก็ถูกทำให้สลบไปโดยเย่ฉาง เย่ฉางไม่ชะลอการเดินลงแม้แต่น้อย ทุกอย่างที่ขวางหน้า ถูกเขาจัดการจนหมด จางเจิ้งเฉียงยิ้มอย่างขมขื่น ก่อนที่เขาและหลินหลี่จะลงมือโจมตี เพื่อนของเขาคนนี้ก็กวาดศัตรูทิ้งไปหมดแล้ว!

ทั้งสามคนฝ่าขึ้นมาถึงด้านบน และเบื้องหน้าของพวกเขาก็คือห้องโถงขนาดใหญ่ที่ดูเรียบง่ายทันใดนั้น ประตูห้องโถงก็เปิดออกมา ในเวลาเดียวกัน สาวกของนิกายดาบสวรรค์กว่า 1000 คน ก็พุ่งออกมาและยืนจัดแถวกันอยู่เบื้องหน้าพวกเขา

“ฉันเป็นผู้อาวุโสของนิกายดาบสวรรค์ชื่อว่า หลินซ่งเทียน! พวกนายทั้งสามจะอธิบายได้ไหมว่า ทำไมถึงมาบุกรุกที่นี่ …” ชายวัยกลางคนสวมแจ็กเก็ตสีดำอ่อนเดินออกมา ถึงแม้เขาจะไม่มีดาบก็ตาม แต่เมื่อมองดูเขาแล้ว ก็รู้สึกได้ว่าทั้งตัวของเขาเป็นดาบที่คมกริบอย่างน่าเหลือเชื่อ!

“หลินหลี่บอกเหตุผลเขาไปสิ” เย่ฉางบอกให้หลินหลี่เป็นคนพูด ขณะที่มือขวาของเขาจับดาบและมองหลินซ่งเทียนอย่างไม่เกรงกลัว

“พวกแกมันเป็นคนชั่วร้าย! ปล่อยพ่อฉันออกมาซะ!” หลินหลี่กระโดดไปข้างหน้าและตะโกนด่า

เมื่อหลินซ่งเทียนได้เห็นรูปลักษณ์ของหลินหลี่ เขาก็อ้าปากค้าง เขาขมวดคิ้วขึ้นและตะโกนว่า “เจ้าสัตว์ประหลาด! เพียงเพราะพ่อของแกทั้งขอร้องและยืนยันกับเหล่าอาวุโสด้วยชีวิตว่า แกเป็นสายเลือดตระกูลหลิน ดังนั้นเราจึงปล่อยให้แกมีชีวิตรอดอยู่ในโลกใบนี้ได้ แต่ตอนนี้แกยังไม่สำนึกผิดและยังกล้ามาสร้างปัญหาที่นี่อีก! รนหาที่ตายชัดๆ! จัดตั้งค่ายกล!!”

ขณะที่เขาพูดจบ ร่างเย่ฉางก็กระพริบไปมา สาวกทั้งหมดที่กำลังจัดตั้งค่ายกล ต่างก็พากันล้มลงไปที่พื้นและหมดสติไป เย่ฉางมองไปที่หลินซ่งเทียนและพูดอย่างเย็นชาว่า “จะเป็นการดีกว่า ถ้านายอยู่ห่างๆฉันเข้าไว้ ดีนะที่ฉันแค่มาช่วยคน ถ้านี่เป็นภารกิจการกำจัดแล้วล่ะก็ …”

หลินซ่งเทียนที่กำลังจะลงมือโจมตี แต่เย่ฉางได้พุ่งผ่านเขาไปแล้ว มือของเขากดลงบนไหล่ของหลินซ่งเทียน และพูดด้วยเสียงที่เย็นชาข้างหูเขาว่า “อย่าทำอะไรโง่ๆ ไม่งั้นฉันจะไม่ออมมือแล้วนะ …”

ฉากนี้ทำให้จางเจิ้งเฉียงและหลินหลี่ตกตะลึง และแล้วพวกเขาก็สามารถเข้าไปในห้องโถงดาบได้

หลินซ่งเทียนหลั่งเหงื่อเย็นออกมา ‘ความเร็วอะไรกันนี่?’ เขาไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวอะไร เพราะเขารู้ดีว่า ถ้าขืนเขาทำแบบนั้น หัวของเขาอาจจะหลุดออกจากบ่าได้! ความแข็งแกร่งของผู้ชายผิวขาวคนนี้ มันช่างน่ากลัวจริงๆ … หลินซ่งเทียนลดศีรษะลง และสังเกตเห็นว่ามือของเขาอยู่บนพื้นและเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย หัวใจของเขาดูเหมือนจะถูกแช่แข็งไปแล้ว!

ทั้งสามคนเดินเข้าไปในห้องโถงที่กว้างขวาง ทันใดนั้น มีสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ขัดขวางเส้นทางของพวกเขาไว้ มันเป็นลิงขนาดใหญ่เกือบ 40 เมตร เย่ฉางค่อยๆเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาของเขาทั้งเย็นชาและดุร้ายเหมือนเจ้านรก ลิงยักษ์ค่อยๆถอยกลับไปทางด้านข้าง โดยเปิดเส้นทางให้พวกเขาทันที เพราะมันสามารถรับรู้ได้ว่า มันรู้สึกเห็นฉากของสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์จำนวนนับไม่ถ้วน ที่ถูกตัดเป็นก้อนเนื้อโดยชายคนนี้

เมื่อพวกเขาเข้ามาข้างในสุด เย่ฉางเห็นว่าไม่มีใครนั่งอยู่บนที่นั่งผู้นำนิกาย สถานที่นี้ทั้งหมดว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง พวกเขาจึงเดินออกมาข้างนอก นอกจากห้องโถงดาบของนิกายแล้ว พวกเขายังเจอสถานที่ที่มีเสารูปดาบไขว้กันอีกด้วย นั่นควรจะเป็นตำหนักดาบ!? เขาจึงพาทั้งสองคนเดินไปยังตำหนักดาบทันที

“นายพอรู้ไหมว่า ชายผิวขาวคนนี้เป็นใครกัน?” ที่ด้านบนของตำหนักดาบ ชายผิวดำคล้ำคนหนึ่งที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดพูดขึ้นมา นี่คือผู้นำนิกายดาบสวรรค์ – หลินซ่งหยู

“ฉันไม่รู้จัก แต่อาจจะเป็น Silver Devil แห่ง 10 บทบัญญัติ …” ชายชราคนหนึ่งพูดขึ้นมา

“เขามีสมองหรือไม่!? เพียงแค่ 10 บทบัญญัติ แต่ยังกล้าจะมาช่วยเด็กบ้าคนนั้นต่อต้านนิกายดาบสวรรค์ของเรา แล้วพวกผู้อาวุโสคนอื่นๆพูดอะไรบ้าง” แม้ว่าหลินซ่งหยูจะยังคงพูดเช่นนั้น แต่เขาก็รู้สึกหวาดกลัวในความแข็งแกร่งของเย่ฉางมาก แม้แต่หลินซ่งเทียนที่มีความแข็งแกร่งพอๆกับเขา ก็ยังพ่ายแพ้ผู้ชายคนนี้! คงมีเฉพาะพวกอาวุโสเท่านั้น ที่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้

ในคุกบางแห่งของนิกายดาบสวรรค์

“ซ่งหยู่ ลูกชายของนายมาตามหานายแล้วนะ เขาใช้กำลังผ่านห้องโถงดาบเข้ามาได้ และยังทำให้หลินซ่งหยู ต้องหลบหนีไปยังตำหนักดาบ และขอความช่วยเหลือจากพวกอาวุโสเก่าแก่” ผู้หญิงที่มีผมสีขาวเหมือนขนหงส์ นั่งอยู่หน้าโต๊ะที่เต็มไปด้วยฝุ่น คิ้วอันงดงามและใบหน้าอันสวยงามของเธอ ได้ยิ้มให้กับชายผิวขาวที่ใส่กุญแจมือที่สร้างมาจากแร่อุกกาบาต

“หลินหลี่ …” ดวงตาของผู้ชายคนนี้ดูเหมือนจะเปล่งประกายขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขามีความสุขแบบนี้ จากนั้นเขาก็กลับมารู้สึกหมดหวังและเสียใจอีกครั้ง เขามองไปที่หญิงสาวผมสีขาวและขอร้องว่า “อาวุโสสาม ฉันขอร้องท่านให้ช่วยชีวิตหลินหลี่ด้วย”

“ฉันต้องช่วยเขาอยู่แล้ว นายเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของพี่สาวฉัน ส่วนเขาก็เป็นหลานชายคนเดียวของพี่สาวฉัน ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยชีวิตเขา ซ่งหยู นายและลูกนี่ช่างเหมือนกับพี่สาวฉันจริงๆเลย เพื่อช่วยคนที่ตัวเองรักแล้ว แม้จะต้องถูกต่อต้านจากคนอื่นๆ พวกนายก็ไม่หวั่นที่จะทำ” หญิงสาวผิวขาวพูดจบแล้วก็หันจากไป ที่แห่งนี้ยังมีคนอื่นๆที่ถูกขังอยู่อีก หนึ่งในนั้นเป็นเหมือนนักวิชาการที่มีเคราแพะ ซึ่งถูกขังในห้องติดกับหลินซ่งหยู่ เขาลุกขึ้นยืนและเผชิญหน้ากับหญิงสาวผิวขาวอย่างเย้ยหยัน “แล้วเจอกันข้างนอกนะ …”

“มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก? หยุนหลาง” หญิงสาวผิวขาวไม่ได้หันกลับมามอง ขณะที่เธอเดินจากไป