ตอนที่ 61-2 ความลับที่ไม่ลับ

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

กโยซึลพูดเป็นนัยๆ ถึงดอกไม้สีฟ้าที่หน้าต่างในทุกๆ เช้า แต่ว่ารูแฮดูไม่มีการตอบสนองใด ได้แต่ถามว่าอย่างนั้นหรือแล้วก็พยักหน้า กโยซึลถลึงตามองรูแฮ การแกล้งทำเป็นไม่รู้ของรูแฮที่ดูเหมือนจะจริงและไม่จริงนั้นมันช่างน่าทึ่ง 

 

 

ดูเหมือนจะไม่รู้จริงๆ แม้แต่นางยังสับสน กโยซึลปล่อยผ่านไปแม้มันจะงงงวยอยู่บ้างแต่ก็สนุกไม่น้อย 

 

 

ทั้งสองคนเดินหาที่ที่ยังไม่เคยย่างเท้าก้าวเข้าไป แม้จะทำให้ฝุ่นเกาะที่ชายเสื้อ แต่คู่รักคู่นี้ก็มีความสุข เพียงแค่สามารถอยู่ด้วยกันได้ก็ไม่หวังอะไรอีกแล้ว แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ทั้งคู่ต่างรู้สึกขอบคุณ และมีความสุขนัก โดยที่ไม่ได้นึกถึงความยากลำบากใดเลย  

 

 

แน่นอนว่าทั้งคู่ไม่ได้พบเจอกันแต่ในที่แคบและมืดเท่านั้น สวนหลังวังฝ่ายนอกก็เป็นที่นัดพบกันอย่างลับๆ ของทั้งคู่ หากตอนกลางวันคิดถึงกันและกันก็จะไปเจอกันที่สวนหลังวังฝ่ายนอก เพียงแค่คิดถึงอีกฝ่ายก็จะไปสวนหลังวังฝ่ายนอกทันทีโดยไม่ต้องนัดหมายกันก่อน แม้ว่าไปถึงแล้วจะไม่พบอีกฝ่ายจนต้องกลับมาก็ตาม และหากบางเอิญไปที่นั่นพร้อมกัน การที่ได้ใช้เวลาที่แสนมีความสุขร่วมกันนั้นก็ถือว่าดีมากแล้ว 

 

 

“ดูท่าที่พักของกโยซึลนั้นจะไม่ใช่ตำหนักดงบี แต่เป็นพระราชวังฝ่ายนอก” 

 

 

“ว่าอย่างไรนะ” 

 

 

“เพราะมาที่สวนแห่งนี้ทีไรก็มักจะเจอกโยซึลอยู่เสมอ” 

 

 

“เราก็มาบ่อยๆ ก็เพราะคิดถึงรูแฮ เพราะอย่างนี้ทำให้สนมซาต้องไปที่ตำหนักดงบีอย่างเสียเที่ยวอยู่ทุกครั้ง เรารู้สึกผิดต่อนางเล็กน้อย แต่ว่าจะทำอย่างไรได้ พอมีเวลาว่างนิดหน่อยก็มักจะมาที่วังฝ่ายนอกเสมอ” 

 

 

คำพูดของรูแฮทำให้สีหน้าของรูแฮหม่นลง เขาเปลี่ยนเรื่องพูดคุยอย่างระมัดระวังทันที 

 

 

“ครั้งก่อน พระชายาฮวางเซจาทรงไปที่ตำหนักดงบี” 

 

 

กโยซึลตัวแข็งทื่อ ไม่นานมานี้ยอมินได้มาหากโยซึลแล้วพูดขอร้องที่เหมือนคำสั่งเกี่ยวกับรูแฮ แม้จะมีใครหลายคนขัดขวางไม่ให้ยอมินไปที่ห้องของกโยซึลแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครเคยบอกกโยซึลเลย และแน่นอนว่ารูแฮกับกโยซึลก็ไม่เคยคุยกันถึงเรื่องยอมิน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเชื่อมโยงกับการมีตัวตนอยู่ของยอมิน และรูแฮตั้งใจที่จะเมินเฉยต่อความสัมพันธ์ที่แท้จริงของเขาและนาง 

 

 

“รู้อยู่แล้วหรือ” กโยซึลยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่ เมื่อรู้ว่ารูแฮรู้ว่ายอมินมาหาตน เพราะนางตั้งใจที่จะไม่บอกเรื่องนี้กับรูแฮ 

 

 

“ความจริงแล้ว ข้าเจอชายาฮวางเซจาก่อนหน้านั้น” 

 

 

“แล้วพระชายาฮวางเซจาก็ทรงมาหาเราอย่างนั้นหรือ” 

 

 

“ไม่ใช่ ข้าได้ขัดขวางไม่ให้ชายาฮวางเซจาไปหากโยซึลแล้ว” รูแฮหยุดพูด เขาคิดหนักว่าจะพูดคำนี้กับ 

 

 

กโยซึลได้หรือไม่ ต้องพูดหรือไม่ แต่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของทั้งคู่ นางก็ควรจะได้รู้ด้วยไม่ใช่หรือ 

 

 

“สนมซาทรงมาบอกข้าว่าพระชายาฮวางเซจามาหากโยซึล” 

 

 

“พระสนมซาอย่างนั้นหรือ” กโยซึลอึ้งไปในตอนที่ถาม  

 

 

ไม่ต้องสงสัยว่าเหราะเหตุใด ก็รู้คำตอบชัดแจ้งดีอยู่แล้ว แน่นอนว่าสนมซานั้นรู้อยู่แล้ว กโยซึลหน้าซีด รูแฮก็รู้ว่านางเองก็รู้ทุกอย่างเป็นอย่างดี ริมฝีปากที่สั่นเครือของกโยซึลเปิดออก 

 

 

“แต่ว่า แต่ว่าสนมซาไม่เคยบอกเราเลยแม้แต่ครั้งเดียว” 

 

 

“สนมซาทรงไปห้ามชายาฮวางเซจาไว้ แล้วพูดคุยกับนางเพื่อไม่ให้นางไปพูดจาหยาบคายกับกโยซึลได้ และให้นางจัดการกับใจของตัวเองให้ได้” 

 

 

กโยซึลไม่มีคำพูดใด นางรู้สึกมึนงง การมาพบกับรูแฮนั้นเป็นความลับ มันจะต้องเป็นเพียงความลับเท่านั้น แต่ก็หนีไม่พ้นที่ความลับถูกเปิดเผยแก่ยอมินชายาของเขา มันเป็นเรื่องที่จะให้ผู้ใดในพระราชวังนี้รู้ไม่ได้เป็นอันขาด แต่ยอมินกลับรู้ สนมซาก็รู้ แม้จะหลบซ่อนแต่สุดท้ายก็ปรากฏชัดอย่างนั้นหรือ เป็นเรื่องที่ไม่สามารถปิดบังได้อย่างนั้นหรือ 

 

 

“ตอนนี้ทุกคนรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเราแล้วหรือ” 

 

 

“แม้ทุกคนจะรู้อยู่แล้ว แต่จะต้องไม่มีใครรู้” กโยซึลมองรูแฮด้วยความสงสัย 

 

 

“แม้จะรู้ แต่ความสัมพันธ์นี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเปิดเผยได้โดยง่าย” 

 

 

“จริงด้วย” 

 

 

แม้จะลืมมันไปแล้วว่าความสัมพันธ์ที่ไม่ได้รับอนุญาตของรูแฮกับกโยซึลนั้นมันอันตราย แต่ทุกครั้งที่เป็นแบบนี้ก็มักจะนึกถึงมันขึ้นมาได้ แม้แต่รูแฮก็รู้สึกถึงอันตรายที่นางรับรู้ แม้ว่าเขาอยากจะบรรเทาความทุกข์ใจของกโยซึล แต่มันก็ยากนัก เพราะนี่ไม่ใช่ปัญหาที่จะแก้ไขได้ 

 

 

“หวาดกลัวหรือ” 

 

 

“เรากังวลเลยแสดงความรู้สึกออกไปโดยไม่รู้ตัว สนมซาก็ทรงรู้เรื่องนี้อยู่ด้วยอีก” 

 

 

“โล่งอกไปที่เป็นสนมซา ข้าบอกไปแล้วมิใช่หรือว่าสนมซาทำเพื่อกโยซึล บอกไปแล้วว่าสนมซาทรงขัดขวางพระชายาฮวางเซจา” 

 

 

“จริงด้วย รู้สึกขอบคุณนางนัก” กโยซึลดูเหมือนพยามดึงมุมปากขึ้น เพื่อที่จะยิ้มแต่ว่าใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลนั้นไม่ยอมขยับ 

 

 

“ขออภัย” รูแฮลูบปากกโยซึลด้วยสีหน้าสลดใจ การที่ทำให้นางมีรอยยิ้มแบบนี้ในฐานะคนรักนั้นช่างเป็นไม่เอาไหนเอาเสียเลย “ที่เราต้องมาเจอกันอย่างนี้” 

 

 

“ขอบใจ” กโยซึลส่ายหน้าไปมา แล้วพูดต่ออย่างระมัดระวัง “ขอบใจที่อยู่เคียงข้างกัน” 

 

 

ถ้าไม่มีรูแฮตนก็คงจะเหงาและหนาวเหน็บมากกว่านี้ ในความสัมพันธ์ที่อันตรายเช่นนี้ ทว่ารูแฮกลับเป็นคนเข้าหาตนก่อน เพราะสิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัวนางมาตลอดจึงทำให้นางมีความกล้าขึ้น 

 

 

“ข้าจะต้องอยู่เคียงข้างเจ้าอยู่แล้ว เพราะในฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา เจ้ากำลังร่ำไห้อยู่มิใช่หรือ” 

 

 

ตนอยากจะเช็ดน้ำตานั้น อยากให้ใบหน้าที่น่ารักของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ทว่าเหตุใดเจ้าถึงมีใจให้ข้ากัน หากเทียบกันแล้ว ความเด็ดเดี่ยวในฐานะบุรุษเพศนั้นข้าเทียบกับเขาไม่ได้สักนิด” 

 

 

รูแฮพูดถึงคุณสมบัติที่น่าอับอายของตน หากมองข้อเท็จจริงแล้วรูแฮนั้นไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าบีพาอันเลย แม้จะเป็นอย่างนั้นกโยซึลก็ยังคงรักรูแฮมากกว่าบีพาอัน นี่เป็นสิ่งที่เขาหวังจะให้เป็น ทว่าก็ยังคงสงสัยว่าเหตุใดนางถึงเลือกตน 

 

 

“เราต้องรักท่านอยู่แล้ว เพราะในฤดูใบไม้ผลินั้น ท่านยิ้มให้กับเรา” 

 

 

กโยซึลสารภาพตามรูแฮ มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ตั้งแต่ช่วงเวลาที่สายตาของทั้งคู่สบกัน มันเป็นชะตาฟ้าลิขิต เป็นลำดับขั้นตอนที่ถูกกำหนดไว้แล้ว จึงทำให้ทั้งคู่ตกหลุมรักกันและกัน เป็นช่วงเวลาที่ซาบซึ้งใจที่ทั้งคู่ได้เอ่ยความในใจ บอกรักซึ่งกันและกันอีกครั้งหนึ่ง แต่สายตาที่มองพวกเขาอยู่นั้นช่างเยือกเย็น 

 

 

พึ่บ 

 

 

ฝีเท้าที่เบาและรวดเร็วหายไปทางทิศตะวันตกอย่างรวดเร็ว