ตอนที่ 61-1 ความลับที่ไม่ลับ

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

ทุกการพบเจอกันมันเป็นความลับ เพื่อหลีกเลี่ยงหูตามากมายในพระราชวังที่กว้างใหญ่นี้ จึงต้องเลือกช่วงเวลาดึกสงัดหรือเช้ามืดที่ความมืดยังไม่จางหายไป ซอยแคบๆ หลังพระราชวังหรือปากทางนอกพระราชวังคือสถานที่นัดพบกันอย่างลับๆ ต้องคอยมองดูรอบๆ แล้วห้ามส่งเสียงฝีเท้า จัดเสื้อให้เรียบร้อยแล้วลดเสียงลง

 

 

ทว่ากลับมีเงาหนึ่งซ่อนอยู่ในช่องลึกที่แคบระหว่างต้นไม้ใหญ่และกำแพง

 

 

“ไม่มีใครอยู่ใช่หรือไม่”

 

 

“ไม่มี คงไม่มีใครเห็นในที่แบบนี้” ขณะที่กำลังคุยกระซิบด้วยเสียงที่เบามากที่สุด

 

 

“คิก”

 

 

เงาเล็กๆ หัวเราะขึ้นเบาๆ ไหล่เล็กๆ หดลงแล้วยกมือสองข้างมาไว้ด้านหน้า ร่างกายสั่นเครือเสียงหัวเราะเงียบๆ เล็ดลอดออกมา เงาใหญ่ที่ยืนอยู่จนอกแทบติดกันกอดไหล่ของเงาเล็กด้วยความงงงัน

 

 

“เหมือนเล่นซ่อนหากันเลย ราวกับว่าเรากำลังเป็นผู้สอดแนม”

 

 

“สนุกหรือไม่”

 

 

ผู้สอดแนมและการเล่นซ่อนหาอย่างนั้นหรือ เป็นการเปรียบเทียบที่แปลกประหลาดนัก และแม้จะสับสนงงงวยแต่เขาก็ยิ้มออกมา เงาอันใหญ่นั้นทนไม่ไหวจนดึงเงาเล็กนั้นเข้ามากอด ตอนนี้เงาที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียวนั้นขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวเล็กน้อย เงาเล็กๆ นั้นรู้สึกเขินอายและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร

 

 

“รู รูแฮ”

 

 

“ข้ารู้สึกขอโทษที่เวลาเจอกับกโยซึลทุกครั้งต้องเจอกันเงียบๆ แบบนี้ แต่เมื่อกโยซึลพูดอย่างนั้นก็เบาใจ แต่ก็ยังรู้สึกขอโทษมากขึ้นไปอีก”

 

 

นี่คือการลอบพบกันของรูแฮกับกโยซึล รูแฮรู้สึกผิดต่อกโยซึลที่ต้องเลือกสถานที่นัดเจอกันที่อยู่ลึกเพื่อหลบเลี่ยงสายตาผู้คน แต่กโยซึลก็จินตนาการอย่างน่าเอ็นดู แล้วหัวเราะออกมา แม้จะรู้สึกโล่งใจแต่ก็แอบเสียใจ และก็รู้สึกขอบคุณ

 

 

“อะไรกัน รูแฮขอโทษเรื่องใด”

 

 

“ข้ามีใจที่ต้องการจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับกโยซึล แต่ว่าไม่สามารถทำได้จึงรู้สึกเสียใจ”

 

 

“การมาพบกันในที่แบบนี้ก็สนุกดีเช่นกัน”

 

 

“สนุกหรือ”

 

 

กโยซึลกระซิบกระซาบด้วยน้ำเสียงขี้เล่น เมื่อเห็นดวงตาของนางเปล่งประกายและแก้มของนางกลายเป็นสีแดงแล้วคำพูดนั้นก็ไม่ใช่เพียงแค่คำพูดแต่มันดูตื่นเต้นอย่างแท้จริง กโยซึลยืนเขย่งปลายเท้าเอามือวางไว้บนไหล่รูแฮ เอาร่างกายไปพาดพิงไว้ใกล้ๆ เขา นางพยายามที่จะหน้าออกไปเพื่อจะสัมผัสใบหูของเขา ทุกการกระทำแผ่วเบานั้นทำให้รูแฮหวั่นไหว กโยซึลเข้ามากระซิบหวานหูราวกับสายลมที่พัดเข้ามาเบาๆ

 

 

“รู้สึกตื่นเต้น และรู้สึกกระวนกระวายใจไปในที ที่ต้องมาพบเจอกันอย่างลับๆ ไม่ให้คนในราชสำนักรู้ การที่ต้องแอบเคลื่อนไหว ห้ามให้ใครเห็นนั้นมันเหมือนกับตอนที่อยู่ที่ฮวากุก อา เราเคยเล่าหรือไม่ว่าตอนที่เราอยู่ฮวากุกนั้น เราแก่นแก้มพอสมควร ชอบเร่ร่อนไปมาตามตรอกซอกซอยแบบนี้ ซ่อนตัวไม่ให้คนในวังเห็น วันเหล่านั้นมันเป็นความทรงจำไปหมดแล้ว ทว่าช่วงนี้เองก็มักจะนึกถึงเวลานั้นด้วยเช่นกัน มันสนุกมากจริงๆ”

 

 

กโยซึลพูดออกมาด้วยแววตาที่สดใส ความตื่นเต้นของนางแฝงอยู่ในคำพูดที่ไหลออกมาเหมือนน้ำตกอย่างไม่หายใจ

 

 

“กโยซึลช่างแปลกเสียจริง” มือของรูแฮโอบกอดเอวกโยซึลไว้ “ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยากเพียงใดกโยซึลก็ดูไม่กังวลเลย ดูเหมือนรู้วิธีใช้ชีวิตอย่างสนุกมากกว่าผู้อื่น”

 

 

“วิธีใช้ชีวิตอย่างสนุกหรือ”

 

 

“ไม่รู้หรือว่าแม้แต่ตอนนี้กโยซึลก็ยิ้มอยู่”

 

 

“ก็มันทำให้นึกถึงตอนที่เที่ยวเล่นอยู่ที่ฮวากุก เราจึงยิ้มออกมา” กโยซึลชี้แจงอย่างเขินอาย

 

 

“ท่าทีที่ดูสนุกสนานไม่บ่นอะไรนั้นช่างน่าทึ่งนัก มันไม่ง่ายเลย การบ่นและโทษคนอื่นนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายเสียยิ่งกว่า” นิ้วของรูแฮแอบลูบไล้ใบหน้าของกโยซึล รูแฮโอบกอดนางด้วยสายตาที่นุ่มนวลดุจสายลมและอบอุ่นยิ่งกว่าแสงอาทิตย์

 

 

“มักจะมอบรอยยิ้มให้ก่อนเสมอ ยื่นความอบอุ่นให้ก่อนเสมอ ไม่ว่าจะในยามที่สดใส หรือยามที่อึดอัดใจ ก็มักจะแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา นั่นคือกโยซึล”

 

 

“มันไม่ใช่เรื่องที่น่าชื่นชมอะไรถึงเพียงนั้น” กโยซึลก้มหน้าลงกับคำชื่นชมของรูแฮ นางมุดหน้าไปที่หน้าอกของเขาเพื่อซ่อนใบหน้าที่ร้อนวูบวาบ รูแฮค่อยๆ มองกโยซึล แค่ในแววตาก็เต็มไปด้วยความรัก

 

 

หรือจะเป็นเพราะเหตุผลนี้ ที่ทำให้ตนหลงใหลในตัวนางอย่างไม่คิดถึงสิ่งใด เหตุผลที่ปรารถนาในตัวใครสักคนเป็นครั้งแรก ความซื่อตรงเช่นนี้ของนาง ความสบายใจ หน้าตาอันสดใสที่ไม่ต้องตกแต่ง แม้แต่รอยยิ้มอันสดใสที่หาได้ยากในพระราชวังแห่งนี้

 

 

“โอ๊ะ นี่มัน”

 

 

มีบางสิ่งที่คุ้นเคยเข้ามาในสายตาของกโยซึลที่กำลังก้มหน้าเขินอายอยู่ เนื่องจากนางเอาแต่มองหน้ารูแฮอยู่เลยไม่รู้ว่าใกล้ๆ กำแพงนั้นมีดอกไม้เล็กๆ บานอยู่ ดอกไม้สีฟ้าที่มีกลีบดอกที่เล็กกว่าเล็บรวมกันอยู่ มันคือดอกไม้ที่วางไว้ที่หน้าต่างของกโยซึลในทุกๆ เช้า นางดีใจที่ได้เจอดอกไม้นี้จึงย่อตัวลง

 

 

“รูแฮ ดอกไม้นี้กำลังบานอยู่”

 

 

รูแฮก้มตัวไปดูตามกโยซึล เขามองกโยซึลที่กำลังชมดอกไม้อย่างมีความสุขด้วยสายตาแห่งความรักที่ไม่สิ้นสุด

 

 

“เป็นดอกไม้ที่ชอบหรือ”

 

 

“หือ?” กโยซึลมองรูแฮด้วยความงงงวย

 

 

รูแฮยังคงยิ้มอยู่อย่างอ่อนหวาน เขาไม่รู้หรือว่านี่คือดอกไม้ที่เขาส่งมาให้ในทุกเช้า ไม่สิ ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้ หรือจะทำเป็นไม่รู้เพราะว่าอายกันแน่ กโยซึลตีความการตอบสนองของรูแฮไปในแง่ดี

 

 

“ใช่ เราชอบมาก ช่วงนี้ยิ่งชอบเป็นพิเศษ”

 

 

นางพูดออกไปปนล้อเล่นนิดๆ เพื่อตั้งใจจะตามน้ำรูแฮ และเป็นการส่งสัญญานบางอย่างให้กับเขาด้วย แม้จะรู้สึกว่ากโยซึลต้องการจะบอกอะไร ทว่ารูแฮนั้นไม่เข้าใจเลยสักนิด เขาเฝ้ามองดอกไม้ที่อยู่ข้างกำแพง มันเป็นดอกไม้ที่น่ามองที่มีกลีบดอกเล็กๆ ห้อมล้อมเกสรสีเหลืองเป็นวงกลม เป็นดอกไม้ที่สวยและเล็ก แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่ามันพิเศษอย่างไร เขาพยายามคิดอย่างหนัก

 

 

“จะว่าไปแล้ว เห็นมีอยู่ที่พระราชวังตะวันออกมากมายนัก”

 

 

ดอกไม้สีฟ้าที่เห็นมีมากมายในพระราชวังตะวันออก กโยซึลยิ้มให้กับคำพูดของเขา มันสนุกที่ได้เก็บความลับที่รู้กันสองคนและทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกัน

 

 

“ดอกไม้นี้ชื่อว่าอะไรหรือ”

 

 

“แม้ข้าจะมีความรู้แตกฉานทางด้านวิชาการ แต่เรื่องดอกไม้นั้นไม่รู้เลย”

 

 

“แต่มันช่างเตะตาเหลือเกิน”

 

 

“เป็นเพราะดวงตาของกโยซึลนั้นสดใส” รูแฮเด็ดดอกไม้ไปทัดไว้ที่หูของกโยซึล “เข้ากันมาก ตอนที่เจอกันครั้งแรกข้าก็รู้ได้แล้วว่ากโยซึลต้องชอบดอกไม้มากแน่ๆ”

 

 

“ชอบ โดยเฉพาะดอกไม้ในทุกๆ เช้านั้นชอบมาก”

 

 

“อย่างนั้นหรือ”