บทที่ 1979+1980

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1979 ค้นหาต่อไป 5

หลังจากแยกย้ายกับเสินเนี่ยนโม่ เธอใช้ยันต์ถ่ายทอดเสียงติดต่อเขาแล้วครั้งหนึ่ง แถมครั้งนั้นยังมีบรรยากาศมาคุอีกด้วย

ครั้งนั้นหลังจากเธอติดต่อหาเขา เธอได้เอ่ยขอบคุณเขา ขอบคุณสำหรับนกเจิ้นของเขา พูดไปกว่าสิบประโยคเต็มๆ เสินเนี่ยนโม่ที่อยู่ฝั่งนั้นกลับเงียบกริบอยู่ตลอด หลังจากฟังเธอพูดจบ เขาถึงได้หัวเราะ ‘หึๆ’ เบาๆ คราหนึ่ง ไม่ได้พูดอย่างอื่นอีก ตัดสายกระแสเสียงของเธอไปเลย

ต่อมากู้ซีจิ่วติดต่อหาเขาอีก เขาก็ไม่รับแล้ว

ครั้งนี้ก็เช่นกัน ยันต์ส่งกระแสเสียงในมือเธอส่องแสงกะพริบอยู่กว่าสิบครั้ง ฝั่งนั้นยังคงไม่มีผู้ใดตอบรับ

คงไม่ใช่ว่าไอ้เด็กแสบคนนั้นโยนยันต์ถ่ายทอดเสียงของเธอทิ้งไปแล้วกระมัง?!

กู้ซีจิ่วสงสัยในความเป็นไปได้ข้อนี้ยิ่งนัก

เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็มุ่งหน้าสู่หุบเขาไร้พันธะสถานที่บำเพ็ญของอวี่หังเจินเหรินเสีย นี่ก็เป็นเรื่องที่เธอรับปากอวี่หังเจินเหรินเอาไว้ก่อนหน้านี้

เธอยังแปลงกายให้อยู่ในรูปลักษณ์อายุสิบสองสิบสามเช่นเดิม แจ้งนามเริ่นจ้งเซิงของตนที่ด้านล่างหุบเขาไร้พันธะ ศิษย์น้อยที่เฝ้าประตูที่นี่ย่อมได้รับคำสั่งไว้ล่วงหน้าแล้ว รีบเชื้อเชิญเธอเข้าหุบเขาไปอย่างยินดียิ่งนักทันที ปากก็เรียกขานเธอว่าศิษย์พี่หญิง

กู้ซีจิ่วถือโอกาสสอบถามประโยคหนึ่ง “ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้ากลับมาหรือยัง?”

“เมื่อวานกลับมารอบหนึ่งแล้วขอรับ เพียงแต่ เช้าวันนี้จากไปอีกแล้ว”

ฝีเท้ากู้ซีจิ่วชะงักไปเล็กน้อย เสินเนี่ยนโม่ไม่อยู่บนเขา แล้วเธอจะไปทำไมอีกล่ะ?

“เขาไปไหน?”

ศิษย์น้อยผู้นั้นมองกู้ซีจิ่วอย่างระมัดระวัง “ศิษย์พี่หญิง…ก็ชอบศิษย์พี่ใหญ่หรือ”

กู้ซีจิ่วตอบไปส่งๆ “ชอบสิ เขาน่ารักมาก”

ศิษย์น้อยผู้นั้นฉงนเล็กน้อย เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคนใช้คำว่า ‘น่ารัก’ มาบรรยายถึงศิษย์พี่ใหญ่ เขารู้สึกว่าหาได้ยากยิ่งนัก เขาจึงสนอกสนใจขึ้นมา “ศิษย์พี่หญิง มีคนชอบศิษย์พี่ใหญ่เยอะแยะเลยนะ มีเหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องหญิงลอบแข่งขันประชันกัน เนื่องจากหึงหวงเขาอยู่บ่อยๆ…”

ในสมองของกู้ซีจิ่วปรากฏภาพของเสินเนี่ยนโม่ขึ้นมา ใบหน้าของเจ้าเด็กคนนั้นเป็นพักต์งามน้ำเคราะห์จริงๆ อายุแค่นี้ก็ดึงดูดดอกท้อได้กองใหญ่แล้ว

กู้ซีจิ่วฟังเรื่องซุบซิบเกี่ยวกับเสิ่นเนี่ยนโม่อยู่สักพัก ในที่สุดก็เอ่ยขัดศิษย์น้อยผู้นั้นที่เจื้อยแจ้วอยู่ไม่หยุด “เจ้ายังไม่ได้บอกเลยว่าศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าไปไหนกัน?”

ศิษย์น้อยผู้นั้นละอายอยู่บ้าง “เรื่องนี้ผู้น้องเองก็ไม่ทราบ ศิษย์พี่ใหญ่กระทำการลึกลับซับซ้อนเสมอมา สองปีมานี้โอกาสที่เขาจะกลับเขามาก็ไม่นับว่ามาก เพียงแต่อาจารย์ย่อมทราบแน่นอน ท่านเข้าหุบเขาไปแล้วก็สอบถามอาจารย์ดูเถิด”

กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก

เอาเถอะ เช่นนั้นเธอจะไปพบอวี่หังเจินเหรินดู ถึงอย่างไรตอนนี้เธอก็ขึ้นชื่อว่าเป็นศิษย์ของเจินเหรินผู้นี้แล้ว…

ศิษย์น้อยผู้นั้นนำทางเธอเข้าประตูหุบเขาไป สิ่งที่โผล่เข้ามาในครรลองสายตามีเพียงศาลาพลับพลามากมายที่สร้างขึ้นบนเนินเขา เร้นอยู่ท่ามกลางดงต้นอู่ถง ใต้เท้าคือเส้นทางศิลาเขียว มีละอองพิรุณพร่างพรม มีกลิ่นอายความสันโดษยิ่งนัก

กู้ซีจิ่วเหยียบย่างบันไดขึ้นไป เมื่อเดินขึ้นไปถึงด้านบนสุด เงยเหน้าขึ้นก็เห็นเด็กหนุ่มในชุดเขียวคนหนึ่งโผล่ออกมา ทันทีที่เห็นเธอ ดวงตาของเด็กหนุ่มคนนั้นพลันเปล่งประกาย พุ่งทะยานเข้ามา “ศิษย์พี่หญิงจ้งเซิง!”

เด็กหนุ่มคนนั้นก็คือซือชิง เห็นเขากระโดดโลดเต้นได้ แสดงว่าพิษถูกขจัดแล้ว

เมื่อซือชิงเห็นเธอมาย่อมดีใจยิ่งนัก ดวงตาส่องประกายขึ้นมารีบนำทางเธอไปยังโถงรับรองแขก

กู้ซีจิ่วได้พบอวี่หังเจินเหรินที่โถงรับรองแขกของหุบเขาไร้พันธะ จึงประสานมือคารวะ

สีหน้าอวี่หังเจินเหรินเบิกบานยินดี “จ้งเซิง ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว วิธีนั้นของเจ้าได้ผลอย่างยิ่ง ยาถอนพิษที่จัดเตรียมก็มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง ซือชิงกับชิงหลัวกินเข้าไปคนละเม็ด รักษาอยู่ครึ่งวันก็หายดีแล้ว!”

กู้ซีจิ่วหยักมุมปากเล็กน้อย เธอย่อมรู้ประสิทธิภาพของยาเธออยู่แล้ว…

“เจินเหริน เนี่ยนโม่เล่า?” กู้ซีจิ่วสนทนาปราศรัยกับอวี่หังเจินเหรินอยู่สองประโยค ก็เข้าประเด็นเลย

————————————————————————————-

บทที่ 1980 ข้าต้องตาพรสวรรค์เขาตั้งแต่แรกพบ

อวี่หังเจินเหรินผงะไปแวบหนึ่ง มองดวงหน้าพริ้มเพราของนาง แววตาค่อนข้างซับซ้อน “เจ้า…เจ้าก็มาเพราะเขาใช่ไหม?”

ไร้สาระ ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กคนนั้น เธอจะกราบอวี่หังเจินเหรินเป็นอาจารย์ได้อย่างไร?

ถึงอย่างไรวรยุทธ์ของเธอก็ไม่ด้อยไปกว่าอวี่หังเจินเหรินเลย…

กู้ซีจิ่วไม่ได้ตอบกลับ อดทนรอคอยคำตอบจากอวี่หังเจินเหริน นึกไม่ถึงว่าอวี่หังเจินเหรินจะเอ่ยอย่างจริงจังว่า “จ้งเซิง เจ้าอายุยังน้อยก็ประสบความสำเร็จเช่นนี้แล้ว นับเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง เจ้ายังเด็ก อารมณ์รักใคร่ชายหญิงเหล่านั้นละวางไปก่อนเถิด สมควรมุ่งมั่นฝึกฝนบำเพ็ญ เมื่อเวลาล่วงเลยไป จะได้กลายเป็นยอดยุทธ์…”

กู้ซีจิ่วนิ่งไป ดูเหมือนอวี่หังเจินเหรินจะมองเธอเป็นแฟนคลับของเสินเนี่ยนโม่ไปเสียแล้ว…

อวี่หังเจินเหรินกล่าวต่อไป “ถึงแม้รูปลักษณ์ของเนี่ยนโม่จะเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ความจริงแล้วเขายังเป็นเพียงเด็กน้อยวัยหกขวบคนหนึ่ง ไม่เหมาะจะพัวพันกับอารมณ์รักใคร่ชายหญิงเหล่านั้นจริงๆ จ้งเซิง เจ้าเป็นเด็กฉลาดคนหนึ่ง อาจารย์หวังว่าเจ้าจะให้ความสำคัญกับภาพรวม…”

กู้ซีจิ่วนวดหว่างคิ้ว เอ่ยขัดบทเทศนาของเขา “เจินเหริน ท่านเข้าใจผิดแล้ว ระหว่างข้ากับเขาไร้ความสัมพันธ์ของหนุ่มสาว เขายังเป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง ข้าจะไปมีความคิดเช่นนั้นกับเขาได้ยังไง…” เธอไม่ได้จะก่อกรรมทำเข็ญเช่นนี้เสียหน่อย!

กู้ซีจิ่วเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง “ข้าถูกความสามารถของเขาสั่นสะเทือนจิตใจเข้า คิดจะช่วยเขาฝึกบำเพ็ญ ทำให้วรยุทธ์ของเขาก้าวหน้าไปอีกขั้น”

อวี่หังเจินเหรินมีสีหน้าคลางแคลง “เจ้าจะช่วยเขาฝึกฝนรึ? ช่วยอย่างไรเล่า? เจ้าไปเอาความคิดเช่นนี้มาจากไหนกัน? ฟังจากคำพูดของเจ้ากับเขาในวันนั้น ดูเหมือนพวกเจ้าจะพบกันเป็นครั้งแรกในยามนั้น เมื่อก่อนไม่เคยได้ยินเนี่ยนโม่เอ่ยถึงเจ้าเลยนะ”

สาวน้อยผู้นี้วรยุทธ์เลิศล้ำปานนี้ ความสามารถล้นเหลือเช่นนี้ หากว่าเสินเนี่ยนโม่รู้จักนางมาก่อน จะต้องเอ่ยถึงสักครั้งแน่นอน

คำถามของอวี่หังเจินเหรินมากันเป็นขบวนโดยแท้ กู้ซีจิ่วตอบเพียงสั้นๆ เท่านั้นว่า “ข้าต้องตาพรสวรรค์เขาตั้งแต่แรกพบ”

อวี่หังเจินเหรินทึ่มทื่อไปแล้ว

“ต้องตาพรสวรรค์แรกพบอันใดกัน? ข้าว่าเป็นรักแรกพบชัดๆ! หึ!” ชิงหลัวที่อยู่ด้านข้างตลอดมาเอ่ยขึ้นอย่างอดไว้ไม่อยู่

สายตากู้ซีจิ่วหันเหไปที่ร่างชิงหลัว แม่นางน้อยช่างเป็นเดือดเป็นร้อนนัก ใบหน้าแดงก่ำไปหมด

ชัดเจนว่านางมองกู้ซีจิ่วเป็นศัตรูหัวใจไปแล้ว

เมื่อแม่นางน้อยหึงหวงขึ้นมาเหตุผลใดก็ไม่เข้าใจทั้งนั้น ถึงขั้นที่เนรคุณบุญคุณช่วยชีวิตด้วย…

กู้ซีจิ่วยิ้มแล้ว บนดวงหน้าพริ้มเพราปรากฏลักยิ้มสองข้างแก้ม “ตายแล้ว เจ้าพูดถูก ข้ารักเขาตั้งแต่แรกพบจริงๆ เขาคือยอดดวงใจของข้า เป็นแสงจันทร์ขาวของข้า เป็นดอกกุหลาบแดงของข้า…” กล่าวมาถึงตรงนี้ก็ปานถูกฟ้าผ่าใส่ร่างตน

ศิษย์คนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องโถงก็ปานถูกฟ้าผ่าเช่นกัน

ชิงหลัวตะลึงงัน แม่นางน้อยโกรธจนหน้าซีดขาวแล้ว!

“เฮอะ! เจ้าชอบเขาไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาไม่ชอบเจ้าหรอก! เขารู้ว่าเจ้าจะมาตอแยเขา เขาจึงหนีไปแล้ว! แถมยังจากไปพร้อมกับพี่จิ่นหวาด้วย วิชาแพทย์ของพี่จิ่นหวาดีกว่าเจ้าเป็นพันเท่า! วิชาแพทย์ของอาจารย์นางยิ่งเหนือกว่าเจ้าเป็นหมื่นเท่า! ศิษย์พี่ใหญ่ไม่มีทางใช้เจ้ามาช่วยเขาฝึกฝนหรอก เขามีอาจารย์ท่านอื่นๆ คอยสอนเขาอยู่แล้ว!”

กู้ซีจิ่วมองไปที่อวี่หังเจินเหริน “มิใช่ว่าเนี่ยนโม่ควรศึกษาอยู่ในสำนักของท่านสิบปีหรอกหรือ ตอนนี้ไปกราบเข้าสำนักอาจารย์ท่านอื่นแล้ว?”

อวี่หังเจินเหรินถอนหายใจ “เนี่ยนโม่เป็นอัจฉริยะผู้เลิศล้ำ สามารถเรียนรู้ทักษะยุทธ์ก้นกรุทั้งหมดของข้าได้ภายในห้าปี ที่เขากลับมาครั้งนี้ก็เพื่อมาบอกลา เมื่อวานก่วนจิ่นหวาศิษย์ของเฟิงชิงซ่างเหรินมารับเขาไปแล้ว เมื่อวานตอนเที่ยงหลังจากเลี้ยงอำลา เขาก็จากไปพร้อมกับก่วนจิ่นหวาเลย”

กู้ซีจิ่วตะลึงนิดๆ

เธอถูกไอ้เด็กแสบนั้นเล่นงานแล้ว! ทำให้เธอต้องกราบอาจารย์คนหนึ่งไปอย่างเสียเปล่า…

หลังทอดถอนใจคราหนึ่ง เธอก็หันหลังหมายจะจากไป

————————————————–