บทที่ 363 เป็นเด็กชายตัวเล็กๆ

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

ฉันทัชเสียงทุ้มต่ำ แล้วเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า “อื้ม ขับรถดีๆ….”

“รับทราบครับ คุณฉันทัช” โก๋ชอบคุณฉันทัชที่ชอบยิ่งไปกว่านั้นคือการปฏิบัติตัวต่อผู้อื่นของคุณฉันทัชที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น

……

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สายตาของยู่ยี่ตกไปอยู่ที่เตียง เป็นเบอร์แปลก เธอไม่รับสาย แต่เสียงโทรเข้านั้นไม่มีวี่แววว่าจะหยุด

หลังจากที่รอให้มันดังอยู่นาน เธอจึงรับแล้วไม่ได้พูดว่าอะไร

อีกฝั่งเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “พี่ยู่ยี่….”

ยู่ยี่ได้ยินเสียงนี้ก็ให้มีความรู้สึกสะอิดสะเอียน เธอคิดอยากที่จะวางสายทิ้ง

“เดี๋ยวก่อน….”

เสียงของเรนนี่ได้ดังขึ้นมาอีก แฝงไปด้วยความภาคภูมิใจและการเยาะเย้ยน้อยๆ เสียงใสเหมือนนกขมิ้น “ฉันยังมีเรื่องที่จะพูด ตอนที่คุยกันเมื่อตอนเย็นฉันเหมือนลืมพูดบางเรื่องไป พวกเราคบกันมานานแล้ว นานกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีก แล้วก็ฮีทนาร์ไม่เลวเลยนะ พวกเราใช้ชีวิตที่นั่นในช่วงวันหยุดอย่างงดงาม ถ่ายรูปไว้เยอะ แล้วก็ยังไป宁夏ไปขี่ม้า เหมือนอย่างกับได้ฮันนีมูนเลย….”

ยู่ยี่กำโทรศัพท์แน่น เธอหนาวเหมือนว่าตัวอยู่ในอุโมงค์น้ำแข็ง เยือกเย็น ลมหายใจที่ส่งออกมาก็มีความหนาวเหน็บออกมาด้วย

“ตอนที่อยู่ด้วยกัน เขาให้ฉันเรียกเขาว่าพี่ ตอนนี้เขายังไม่กลับบ้านใช่ไหม ฉันอยากกินเค้กน่ะ เขาก็เลยไปช่วยฉันซื้อ…”

มีเลือดไหลออกมา ใจเจ็บอย่างที่สุด ยู่ยี่โยนโทรศัพท์ลงไปที่พื้น เสียงที่น่าสะอิดสะเอียนของเรนนี่กลับไม่หายไป เพราะเธอได้เปิดเสียงลำโพงไว้

“จริงๆไม่จำเป็นต้องให้ฉันพูด เธอก็น่าจะรู้ได้ด้วยตัวเองอยู่แล้วว่า นับวันเขายิ่งจะรำคาญเธอมากขึ้น ไม่เอาใจใส่ หรืออาจจะพูดไปกว่านั้นว่าตอนนี้เขาเกิดความรังเกียจกับเธอแล้ว…..”

เสียงนั้นดังอยู่ที่ข้างหู ยู่ยี่รู้สึกว่าหัวใกล้จะระเบิด เธอใช้สองมือกำหัว หายใจอย่างเจ็บปวด

ไฟที่อยู่ในห้องไม่ได้เปิดจึงเต็มไปด้วยความมืด แต่เธอกลับเดินไปข้างหน้าอย่างเลื่อนลอยในความมืด อยากที่จะเอาโทรศัพท์โยนออกไปให้ไกลๆ

แต่ว่าห้องนั้นมืดเกินไป บวกกับผ้านม่านนั้นก็ได้ถูกปิดไว้ เธอมองไม่เห็นช่วงเท้าของตัวเองเลย และเท้าก็ได้สะดุดเก้าอี้

ร่างของเธอล้มลงไปอย่างไม่มั่นคง ด้านตรงข้ามนั้นเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง ช่วงท้องไปกระแทกขอบข้างโต๊ะเครื่องแป้งพอดี ขณะนั้นเธอเจ็บจนทรุดตัวลงกับพื้น เลือดไหลออกมา ช่วงท้องร้อนและเจ็บ ทำให้เธอนั้นหายใจไม่ออก ความรู้สึกเดียวในตอนนี้ของเธอก็คือความเจ็บ นอกจากความเจ็บก็คือความเจ็บ

เหมือนมีของร้อนอะไรไหลออกมาจากเท้าทั้งสอง ไม่สบายอย่างมาก อยากที่จะลุกขึ้นยืนแต่กลับไม่สามารถทำได้

เธอนอนขดตัวอยู่ที่พื้น ใช้สองมือกอดที่ท้อง สีหน้าเจ็บปวดอย่างมาก

โทรศัพท์ไม่รู้ว่าไปตกอยู่ที่ไหน ไฟที่อยู่ในห้องยังคงมืด แม่บ้านก็ไม่อยู่ เธอเรียกไป ใครจะมาช่วยเธอได้?

โก๋อยู่ที่ประตูห้องของอพาร์ทเม้นท์ ยกมือขึ้นกดกริ่ง แต่กลับไม่มีเสียงอะไรเลย แต่ประตูของอพาร์ทเม้นท์ได้ถูกแง้มๆไว้

เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นก็ผลักเข้าไป เดินไปพลางส่งเสียงเรียกไป “คุณยู่ยี่ อยู่ไหมครับ?”

ประตูของห้องนอนไม่ได้ปิด เสียงของโก๋รอดเสียงช่องประตูที่แง้มเอาไว้เข้ามา ยู่ยี่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ยื่นมือเคาะพื้นอิฐ เพื่อให้เป็นเสียงที่กระตุ้นความสนใจ

โก๋ได้ยินขึ้นมาจริงๆ เขาผลักประตูเข้าไปในห้องนอนตามเสียง ใช้ไฟฉายที่อยู่ในโทรศัพท์ส่องเพื่อเปิดไฟ

ยู่ยี่ที่นอนจนตรอกอย่างไม่น่าดูอยู่ที่พื้นก็มาสัมผัสเข้ากับม่านตา เขาเห็นเลือดสดๆระหว่างสองขาของเธออย่างชัดเจน โก๋ตกใจรีบเดินเข้าไปหา “คุณยู่ยี่!”

“ปวดท้อง…..ปวดเหลือเกิน” ยู่ยี่สูดหายใจอย่างเย็นเยือก ปลายนิ้วกำปลายเสื้อของโก๋แน่น เหมือนได้คว้าไม้ท่อนสุดท้ายไว้

โก๋ตื่นเต้นไม่หยุด โทรหาคุณฉันทัช เขารับสายแล้วก็รีบพูดว่า “ คุณฉันทัชตอนนี้คุณยู่ยี่กำลังตกเลือดครับ”

“นายรีบเอาตัวเธอส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด แล้วก็อย่าลืมโทรเรียกหน่วยฉุกเฉิน เดี๋ยวฉันตามไป…..”เสียงของฉันทัชทุ้มต่ำและสุขุม

รถจอดอยู่ที่ชั้นล่าง พวกเขาลงลิฟท์ไปชั้นล่างเลย โก๋เอาเธอที่สลบไสลวางไว้ที่นั่งข้างคนขับแล้วคาดเข็มขัดนิรภัยและรีบขับรถไปโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้

ยู่ยี่ถูกเข็นตัวเข้าไปในโรงพยาบาล ฉันทัชรีบตามมาอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัด เสื้อคลุมสีดำของเขาพลาดไว้ที่แขนอย่างสบายๆเสื้อเชิ้ตสีขาวถูกพับขึ้น ท่าทางดูสง่า

โก๋ล้างมือ เอาเลือดที่เปื้อนอยู่บนมือล้างออก “คุณฉันทัช”

“ติดต่อญาติของเธอ…” ฉันทัชกระดกคิ้วขึ้น แล้วเอ่ยออกมา

ผู้อำนวยการและหัวหน้าหมอได้พบกับเขาแล้ว บอกว่าอาการของคนไข้ไม่สู้ดี มีความเป็นไปได้ที่จะแท้ง

เขาพยักหน้า โก๋เดินมาถึงมุมๆนึง ก็โทรหาบ้านตระกูลภูษาธร คนที่รับสายคือชฎารัตน์เธอบอกว่าเดี๋ยวจะตามมา

เขาให้โก๋รออยู่ที่ด้านนอกของห้องฉุกเฉิน หลังจากนั้นฉันทัชนั่งอยู่ที่ห้องทำงานของหัวหน้าหมอ บนโต๊ะวางแก้วน้ำชา สามารถเห็นสถานการณ์ของห้องฉุกเฉินที่อยู่ด้านนอกได้

เขาไม่อยากที่จะพูดคุยติดต่อกับสามีของเธอ….

ช่วงเวลาที่ภรรยาของตัวเองท้องกลับไปข้องเกี่ยวกับผู้หญิงคนอื่น สำหรับผู้ชายประเภทนี้ เขาไม่เคยรู้สึกชอบพอเลย ก็เลยไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพบหน้ากัน

ชฎารัตน์สีหน้ารีบร้อน มาได้ทันท่วงที พอได้เห็นโก๋ก็พูดขอบคุณไม่หยุด

หมอได้เดินออกมาให้ชฎารัตน์เซ็นชื่อ

หลังจากที่เซ็นชื่อเรียบร้อยแล้ว ชฎารัตน์หน้านิ่งโทรหาหัสดิน โทรหากี่ครั้งกลับไม่มีคนรับสายเลย ในใจอดที่จะรู้สึกกระสับกระส่ายไม่ได้ ช่วงเวลาที่สำคัญอย่างนี้ หัสดินไปไหน?

การผ่าตัดใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ ไฟห้องฉุกเฉินได้ดับลง หัวหน้าหมอเดินออกมา ยื่นมือถอดแมสออก

“คุณหมอ ลูกสะใภ้ฉันเป็นไงบ้างคะ?” ชฎารัตน์รีบเอ่ยปากถาม

“ท้องของคนไข้ได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก เลยเป็นเหตุให้แท้ง คนเป็นแม่รอด ส่วนตัวเด็กไม่อยู่แล้วครับ” หมอถอนหายใจแล้วพูดว่า “เป็นเด็กผู้ชาย…..”

รับการโจมตีครั้งนี้ไม่ไหว ข้างหน้าของชฎารัตน์มืดมัว ขาทั้งสองข้างอ่อน แล้วก็ทรุดตัวลงอยู่ที่พื้น

โก๋ที่ยืนอยู่ข้างเธอเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปประคองร่างที่ทรุดลงกับพื้น

ทั่วร่างของชฎารัตน์อ่อนแรง เข้าขั้นสั่นเทา “เด็กกลับไม่อยู่แล้ว ไม่อยู่แล้ว…..”

ยู่ยี่ถูกพยาบาลเข็นเข้ามาที่ห้องผู้ป่วย เธอยังคงอยู่ในภาวะสลบสไสลยังไม่ฟื้น ฤทธิ์ของยาชายังไม่สร่าง สีหน้าของเธอซีดขาวเหมือนกระดาษ

ได้รู้ว่าเธอนั้นปลอดภัย ฉันทัชมือใหญ่ที่เห็นข้อกระดูกชัดเจนนั้นจัดแจงปกคอเสื้อ ลุกขึ้นยืน ขณะที่จะเตรียมตัวออก ผู้อำนวยการก็เดินเข้ามาใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “คุณฉันทัช”

ฉันทัชพยักหน้ารับนิ่งๆ พูดทักทาย ท่าทางที่หยิ่งแต่กลับไม่ได้ทำให้คนรู้สึกทะนงองอาจ “สวัสดีครับ”

“สวัสดีครับคุณฉันทัช” ผู้อำนวยการรู้สึกไม่เป็นสุข “คุณฉันทัชมาที่นี่เพื่อ…..”

“เยี่ยมเพื่อนครับ….” เขาฉีกยิ้ม พูดอย่างสบายๆ น้ำเสียงทุ้มต่ำ

“งั้นผมจะดูแลอย่างดี คุณฉันทัชไว้ใจได้ครับ” ผู้อำนวยการรีบพูดอย่างรวดเร็ว ในคำพูดแฝงไปด้วยความประจบ