บทที่ 364 ทำไมถึงแท้งได

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

“งั้นก็ลำบากท่านผู้อำนวยการด้วยครับ….” ฉันทัชฉีกยิ้มขึ้นอย่างจางๆด้วยความมีมารยาท

ผู้อำนวยการตามไปด้วยตลอดทาง จนกระทั่งมาส่งฉันทัชที่นอกโรงพยาบาลแล้วถึงหยุดลง

เบนลีย์คันสีดำจอดอยู่ที่ด้านนอกของโรงพยาบาล โก๋เปิดประตู คิ้วขมวด เขาเหมือนมีอะไรจะพูดแต่ไม่ได้พูดออกมา

“มีอะไรหรอ?” ฉันทัชขมวดคิ้ว ชำเลืองมองเขา

โก๋ชี้ไปยังที่นั่งฝั่งข้างคนขับ ตรงนั้นมีเลือดเปื้อนอยู่

เชอร์รีนกับนาโนก็มาถึงปากประตูทางเข้าของโรงพยาบาลพอดี เห็นร่างที่สูงยาวนั้น นาโนก็เดินเข้ามา พอเห็นเลือดอยู่ตรงนั้น เธอก็ถามอย่างตกใจ “เกิดอะไรขึ้นคะ?”

“เป็นรอยเลือดของคุณยู่ยี่ครับ” โก๋พูดขึ้นอย่างร้อนรน ทนไม่ได้ที่จะเห็นคนข้างๆใช้สายตามองคุณฉันทัชอย่างแปลกๆ

คุณยู่ยี่ ไม่มียู่ยี่ไหนแล้วล่ะ นอกจากยู่ยี่นี่แล้วยังมีใครที่ไหน?

ได้ยินดังนั้น เชอร์รีนกับนาโนก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป รีบร้อนและกังวลใจอย่างมาก ในใจกลับเกลียดหัสดินเข้ากระดูกดำ!

“เธอพ้นขีดอันตรายแล้ว จากห้องผ่าตัดย้ายไปที่ห้องผู้ป่วยแล้วครับ…..” สีหน้าของคนทั้งสองสัมผัสเข้ามาที่ม่านตา ฉันทัชบอกนิ่งๆ

โก๋หันไปมองยังที่นั่งข้างคนขับอีก “ คุณฉันทัชไม่งั้นคุณรออยู่ที่นี่สักครู่ ผมจะเอารถไปทำความสะอาดก่อนนะครับ”

“ไม่เป็นไร….” ในระหว่างที่พูด เขาหันไปพยักหน้าให้กับเชอร์รีนและนาโน แล้วก้าวขายาวเข้าไปนั่งด้านหลังคนขับ

โก๋รู้สึกเห็นใจคุณฉันทัช แต่คุณฉันทัชไม่ถือสาอะไร เขาก็ไม่ได้พูดต่อ รีบขึ้นรถ สตาร์ทมันแล้วขับออกไป

นาโนหันกลับมา แล้วถอนหายใจอย่างช้าๆ เป็นเทพบุตรในใจของเธอจริงๆ ทำได้แค่มองอยู่ไกลๆ แต่ไม่สามารถเชยชมได้

ขณะที่คนทั้งสองรีบเข้ามาในห้องผู้ป่วย ยู่ยี่ยังไม่ฟื้น ชฎารัตน์นั่งอยู่ข้างๆ หัสดินไม่ได้อยู่ด้วย นาโนรีบกัดฟันพูดทันทีว่า “ฉันจะฆ่าหัสดิน!”

เชอร์รีนนั่งอยู่ข้างเตียง ลูบข้างแก้มของเธอเบาๆ บริเวณรอบตาอดไม่ได้ที่จะมีน้ำตาออกมา

ในขณะนั้นเอง ตาของยู่ยี่ก็ค่อยๆลืมอย่างช้าๆ มือของเธอลูบที่ท้องตามสัญชาตญาณ สีหน้าแข็งทื่อ ปากสั่นเทา

ตรงนั้นไม่นูนกลมอีกต่อไป แต่กลับราบเรียบ นี่จึงอธิบายได้ว่า ลูกของเธอ…..

มือและเท้าเย็นอย่างที่สุด เหมือนเป็นน้ำที่อยู่ในช่วงเยือกเย็นที่สุดของเดือนจับตัวกันจนหนาวแข็ง เธอหลับตาลงอย่างช้าๆ พูดด้วยเสียงที่แหบแห้ง “เขาไปแล้วใช่ไหม?”

เชอร์รีนรู้ว่าสิ่งที่ถามถึงคือเด็กที่อยู่ในท้อง จับมือเธอไว้แน่น เธอเอ่ยปากพูด น้ำตาไหลทะลักออกมา “เขาไปแล้ว….”

“เขาเป็นเด็กดี….” เสียงของเธอล่องลอย ทำให้คนที่ได้ฟังกลับมีความรู้สึกอยากที่จะร้องไห้

เชอร์รีนไม่ได้พูดว่าอะไร นาโนที่อยู่ข้างๆก็ไม่ได้พูดว่าอะไร

“ฉันสัมผัสได้ถึงการกระโดดของเขา ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะลาจากฉันไป เขาอยู่กับฉันมานาน ฉันไม่คิดจริงๆว่าเขาจะลาจากฉันไป…..”

เชอร์รีนนึกว่าหลังจากที่เธอฟื้นและได้รับการโจมตีอย่างนี้จะรับไม่ไหว อารมณ์จะเปลี่ยนเป็นหวั่นไหวเสียการควบคุม แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะสงบถึงเพียงนี้

แต่ว่ายิ่งสงบอย่างนี้ยิ่งทำให้รู้สึกกังวลใจ

สายตาก้มต่ำลง นาโนเห็นมือที่อยู่ข้างกายของยู่ยี่จิกเข้าไปกลางฝ่ามือ จนทำให้ตรงนั้นเป็นรอยสีเขียวช้ำ

“เธอบ้าไปแล้วหรอ!” เธอเดินเข้าไป ใช้แรงที่ตัวเองมีทั้งหมดง้างมือของยู่ยี่ออก ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไป มือของเธอก็จะมีเลือดออก

ไม่อยากที่จะพูดเยอะอีก ยู่ยี่ค่อยๆหลับตาลง ท่าทางดูเหมือนอ่อนแอ ไร้เรี่ยวแรง

ชฎารัตน์ยังคงโทรหาหัสดิน เห็นดังนั้นแล้วนาโนก็หัวเราะหึๆ ด่าหัสดินอย่างถึงพริกถึงขิง

เรื่องที่หัสดินนอกใจ ชฎารัตน์ยังไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลัง ในตอนนี้ได้ยินจากปากของนาโนและเชอร์รีน เธอก็ให้โกรธอย่างสุดๆ

ผู้ป่วยยังคงต้องการความสงบ ผ่านไปสองชั่วโมง นาโนและเชอร์รีนก็กลับ ชฎารัตน์เฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาล

“แม่ กลับไปเถอะค่ะ หนูอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ แม่ให้แม่บ้านมาก็พอแล้วค่ะ หนูแค่อยากอยู่ที่นี่คนเดียว”

ชฎารัตน์ไม่อาจเปลี่ยนใจยู่ยี่ได้เลยกลับ แม่บ้านก็รออยู่ประตูด้านนอกห้องผู้ป่วย ตายู่ยี่มองไปนอกหน้าต่างอย่างเลื่อนลอย เธอมองใบไม้ที่ร่วงหล่นจากต้นใบทีละใบๆ

เธอสงบเงียบ สงบเงียบจริงๆ ก็ขนาดการเต้นของหัวใจยังสงบเงียบอย่างนี้ เหมือนคนตายก็ไม่ปานนัก

บนโลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นของคุณได้ตลอดไป

ตอนแรกเธอคิดว่าหัสดินจะเป็นของเธอตลอดไป แต่กลับไม่ใช่ เธอคิดว่าเด็กคนนั้นจะอยู่ข้างกายของเธอ ไม่มีวันลาจาก แต่เขา…..

เธอได้ยินมาว่าเป็นเด็กผู้ชาย ปกติเด็กผู้ชายจะซุกซนแต่เขากลับว่านอนสอนง่าย จะเตะท้องของเธอก็ในบางครั้ง ทำให้เธอมีความทรมานน้อยมาก

เธอรอและรอ รอการเกิดมาของเขา คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่ได้เฝ้ารอกลับเป็นข่าวร้าย

เธอมองไปนอกหน้าต่างอย่างเลื่อนลอยและสงบอยู่นั้น น้ำตาก็ไหลออกมาจากหางตาอย่างช้าๆโดยไม่มีเสียง ไหลมาที่กลางริมฝีปาก มันทั้งขื่นทั้งขม

ข้างนอกห้องผู้ป่วยเสียงฝีเท้าดังขึ้น หลังจากนั้นห้องผู้ป่วยก็ได้ถูกเปิดออก หัสดินเดินเข้ามา

สีหน้าของเขากลัดกลุ้ม กดดัน และยังมีความเจ็บปวด สำหรับเด็กคนนั้นเขาเฝ้ารอการมาของเขา!

ตอนที่ตั้งท้องสามเดือนก่อน เขาดีใจ ตื่นเต้น รู้สึกถึงความมหัศจรรย์ จัดซื้อเสื้อผ้า ห้อง และรถของเด็ก

แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เกรงว่าตัวเขาเองไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำ เขาค่อยๆห่างเหินกับเด็กคนนี้ ตอนที่ได้ยินว่าเด็กนั้นแท้งแล้ว ร่างของเขาสั่น ตกใจ และให้นึกเสียใจสิ่งที่ตัวเองได้ละเลย

สายตาที่สงบเงียบมองไปที่หัสดิน สีหน้าของยู่ยี่เหมือนคนที่ตายแล้ว เธอกรีดร้องว่า “ไสหัวไป”

เธอไม่อยากที่จะเจอเขาอีก ไม่อยากมองเสียด้วยซ้ำ….

“ทำไมถึงแท้งเด็ก?” หัสดินไม่ได้สนใจท่าทางของเธอ แต่ถามคำถามนี้ขึ้นมา

“อยากจะรู้จริงๆหรอ?” ยู่ยี่สงบเงียบมองเขาด้วยสายตาเยือกเย็น “งั้นฉันก็จะบอกคุณว่าเรนนี่เป็นตัวการสำคัญ”

เลือดเนื้อไหลนองบวกกับเกลือที่โปรยลงมาก็คล้ายความรู้สึกในเวลานี้ เจ็บจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ขนาดหายใจยังอยากลำบากเลย

ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ยังมีความจำเป็นที่จะต้องอธิบายไหม?

ตอนนี้เธอรู้สึกแค่ว่าการเอ่ยปากอธิบายจะเป็นอัปมงคลกับปากของเธอ และเปลืองน้ำลายเปล่าๆ

เขาไม่มีความคิดที่จะไปฟังเธอว่าทำไมถึงได้พูดอย่างนี้ แต่กัดฟันยืนยันพูดว่าไม่ใช่ความผิดของเรนนี่ เธอรู้สึกว่าทั่วร่างหนาวมาก

“ผมต้องการรู้ความจริงว่าแท้งเด็กเพราะอะไรกันแน่?” สีหน้าของหัสดินมีความเจ็บปวด

ยู่ยี่ไม่อยากมองเขาแม้สักวินาทีเดียว ชี้ไปทางประตู “คุณมีสองทางเลือกนะ คุณจะออกไปหรือให้ฉันออกไป”

หัสดินยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ มือนึงของยู่ยี่ถอดสายน้ำเกลือ เท้ากำลังจะสัมผัสที่พื้น ขมวดคิ้ว หัสดินเลยทำได้แค่เดินออกไป

ห้องผู้ป่วยก็กลับมาเงียบสงบไม่มีเสียง มีแค่เสียงลมหายใจของยู่ยี่ที่สะท้อนกลับอยู่ในห้องผู้ป่วยอย่างอ้างว้างและเจ็บปวด

……

โก๋ทำความสะอาดเก้าอี้เสร็จก็กลับบ้าน มือใหญ่ที่ข้อกระดูกชัดกำลังเคาะคีย์บอร์ดโน้ตบุ๊คอยู่