ตอนที่ 1207 ถามตามตรง / ตอนที่ 1208 ใครกันที่โกหก

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ

ตอนที่ 1207 ถามตามตรง

 

 

ซูหลีที่รับฟังอยู่ด้านข้างถึงกับตะลึงงัน

 

 

เดิมฉินเย่หานสั่งให้องครักษ์ข้างกายไปจัดการเรื่องบางอย่าง…ก็ไม่รู้ว่าไปกระทำสิ่งใด อย่างไรซูหลีก็รู้สึกว่าการเดินทางมาพระราชวังน้ำพุร้อนครานี้ ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องธรรมดา

 

 

“กระหม่อมกำลังสงสัยว่า เรื่องครั้งนี้เกี่ยวข้องกับ…” จี้เหิงหรานพูดถึงตรงนี้พลันหยุดชะงักเสียดื้อๆ เขาเหลือบตามองไปที่ซูหลีด้วยอย่างลังเลปราดหนึ่ง

 

 

สายตาของเขาทำให้ซูหลีอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาทันใด

 

 

ซูหลีเอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็น “ไยใต้เท้าจี้ถึงไม่พูดต่อเล่า หรือเป็นเพราะจี้ฮูหยินจะเดินทางมาถึงในวันนี้ ใต้เท้าจี้จึงอารมณ์ดีจนลืมไปแล้วว่าตนจะพูดอะไรออกมา?”

 

 

“ซูหลี พูดจาก็เคารพกันด้วย!” จี้เหิงหรานแสดงสีหน้าเย็นชาทันที สีหน้าของเขาดูไม่น่าดูอย่างยิ่ง

 

 

ซูหลีเห็นดังนั้นมุมปากจึงโค้งขึ้น สีหน้ามีความเย็นยะเยียบอย่างบอกไม่ถูก

 

 

นางไม่สนใจจี้เหิงหราน เพียงเดินไปด้านหน้าก้าวหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยเสียงเบาว่า “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องต้องการกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

ฉินเย่หานชำเลืองมองนางครู่หน่ง หลังจากเกิดเรื่องเมื่อครู่นี้ ดูเหมือนว่าท่าทางโดยรวมของนางจะแปรเปลี่ยนไปไม่น้อย

 

 

“พูดเถอะ”

 

 

หลังจากได้รับคำอนุญาตจากฉินเย่หานแล้ว นางกลับไม่พูดอะไรออกมาในทันที แต่กลับเหลือบตาเพ่งเล็งไปทางจี้เหิงหรานที่อยู่ด้านข้างครู่หนึ่ง

 

 

จี้เหิงหรานถูกนางใช้สายตาเช่นนี้จ้องมอง ดูแล้วรู้สึกขุ่นเคืองใจเป็นอย่างยิ่ง ซูหลีผู้นี้ช่างเป็นคนที่ไม่รู้จักถอยให้กับผู้อื่นสักนิดโดยแท้ สายตาเช่นนี้ของนางเป็นการตอบโต้ท่าทางที่จี้เหิงหรานหยุดชะงักไปเมื่อครู่นั้น

 

 

“ฝ่าบาท กระหม่อมออกไปรอด้านนอกก่อนพ่ะย่ะค่ะ!” ในเมื่อนางไม่อยากเอ่ยต่อหน้าตน จี้เหิงหรานก็ไม่ได้อยากฟังถึงขนาดนั้น เขายกมือขึ้นในทันที จากนั้นเตรียมจะเดินออกไปจากหอเก็บตำรา เพื่อให้พวกเขาอยู่ที่นี่กันสองต่อสอง

 

 

“ใต้เท้าจี้ช้าก่อน” คาดไม่ถึงว่าเขาเพิ่งจะเอ่ยจบก็ถูกซูหลีเรียกไว้เสียก่อน

 

 

จี้เหิงหรานขมวดคิ้ว เขาจะออกไปก็ไม่ถูก จะอยู่ต่อก็ไม่ถูก นี่นางต้องการกระทำสิ่งใดกัน

 

 

นี่นางต้องการปะทะกันซึ่งๆหน้าหรือ

 

 

“ใต้เท้าซูมีอะไรจะสั่งสอนข้าหรือ” สีหน้าของจี้เหิงหรานเย็นชามาก เขาตวัดสายตามองซูหลีปราดหนึ่ง เอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา

 

 

“เรื่องสั่งสอนนั่นข้ามิกล้า เพียงแต่เมื่อเรื่องหนึ่งติดอยู่ก้นบึ้งหัวใจของซูหลี ข้าจึงถือโอกาสนี้ถามใต้เท้าจี้ต่อพระพักตร์ฝ่าบาท”

 

 

ทว่ากวาดสายตาดูสีหน้าของซูหลี พบว่าโดยรวมดูเคร่งเครียดและจริงจังเป็นอย่างยิ่ง

 

 

แม้แต่สีหน้าก็ดูแข็งกระด้าง

 

 

จี้เหิงหรานดูท่าทางของนางแล้วอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ แต่กลับเอ่ยว่า “เชิญใต้เท้าซูพูดเถิด”

 

 

ทว่าดวงตาของฉินเย่หานที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เข้มขึ้นครู่หนึ่ง และจ้องซูหลีตาไม่กะพริบ

 

 

“ที่นี่ก็มีเพียงฝ่าบาทและเขากับเจ้าอีกสองคนเท่านั้น ข้าก็ไม่อยากจะพูดอ้อมค้อม” ซูหลีหลับตาลง ฉินเย่หานยอมที่จะเชื่อใจนาง ถ้าอย่างนั้นนางก็จะเชื่อใจฉินเย่หานครั้งหนึ่ง

 

 

ใช่หรือไม่ใช่ ขอเพียงฉินเย่หานเอ่ยปาก นางก็ยอมที่จะเชื่อใจเขาแล้ว!

 

 

จี้เหิงหรานมองนางด้วยสีหน้าแปลกประหลาด ทว่าก็ไม่ได้พูดขัดจังหวะนาง

 

 

“ใต้เท้าจี้เป็นคนที่ฉลาด คงจะรู้จักหัวหน้าคณะเสนาบดีอาวุโสในอดีตอย่างหลี่รุ่ยอิงกระมัง” หลังจากซูหลีหายใจเข้าลึกก็เอ่ยประโยคนี้ออกมา

 

 

จู่ๆนางก็เอ่ยถึงหลี่รุ่ยอิง สีหน้าของจี้เหิงหรานจึงมีความมึนงง จากนั้นเอ่ยว่า “ต้องรู้สึกอยู่แล้ว เพียงแต่ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดใต้เท้าซูพลันเอ่ยถึงหลี่รุ่ยอิง”

 

 

“เหตุผลอื่นข้าขอไม่พูดถึง ข้าแค่อยากจะถามใต้เท้าจี้ว่า หลี่รุ่ยอิงและคนทั้งสกุลหลี่ถูกใส่ร้ายว่าเป็น ‘กบฏต่อต้านราชสำนัก’ จนถูกสังหารทั้งสกุล สกุลจี้หรือจี้เก๋อเหล่าท่านลุงของใต้เท้าจี้ หรือว่าตัวใต้เท้าจี้เองได้มีส่วนร่วมกันเรื่องนี้หรือไม่!?”

 

 

ทันทีที่นางพูดจบ ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบงัน!

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1208 ใครกันที่โกหก

 

 

ซูหลีพูดอย่างไม่อ้อมค้อม ทั้งยังพูดเข้าประเด็นหลักเช่นนี้จริงๆ

 

 

ทำให้จี้เหิงหรานถึงกับตะลึงไปครู่หนึ่ง

 

 

ไยนางถึงถามประโยคนี้ออกมา

 

 

“…เพราะเหตุใดใต้เท้าซูถึงถามคำถามเช่นนี้ออกมา สกุลหลี่?…” ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย

 

 

“ข้าบอกแล้ววว่า เรื่องส่วนที่เหลือใต้เท้าจี้ไม่จำเป็นต้องทราบอย่างชัดแจ้ง เพียงตอบข้าว่า มีส่วนร่วมกับเรื่องนี้หรือไม่ก็พอแล้ว!” เรื่องเหล่านั้นซูหลีเตรียมจะบอกฉินเย่หาน

 

 

ทว่านี่ไม่หมายความว่านางจะยินยอมบอกเรื่องสำคัญขนาดนี้กับจี้เหิงหราน

 

 

“ประหลาดนัก!” จี้เหิงหรานย่นคิ้วเป็นปม นี่ไม่มีต้นสายปลายเหตุก็จะให้เขาตอบคำถามนี้ เป็นใครก็รู้สึกถึงว่าแปลกประหลาด

 

 

อีกทั้งเรื่องของสกุลหลี่ผ่านไปนานมากแล้ว แม้ยามที่เพิ่งเกิดเรื่องขึ้น จะทำให้ทั้งเมืองหลวงมีสภาพแวดอันตรายถาโถมเข้ามา ทว่าเขาจำได้อย่างชัดเจนว่าสกุลซูกับสกุลจี้ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันอย่างสิ้นเชิง

 

 

เป็นคนที่ไม่มีความสัมพันธ์กัน

 

 

จู่ๆนางก็ถามคำถามเช่นนี้ออกมา หรือจะไม่ประหลาดกัน

 

 

อีกทั้งฟังความหมายที่ซูหลีสื่อออกมาแล้ว คล้ายกับสกุลหลี่ได้รับความไม่เป็นธรรม ถูกใส่ร้ายมิปาร

 

 

จี้เหิงหรานขมวดคิ้ว อดที่จะมองไปทางฉินเย่หานที่นั่งอยู่ที่นั่งหลักของห้องนี้มิได้

 

 

“ไม่ต้องถามให้มากความ” คิดไม่ถึงว่าหลังจากฉินเย่หานเงียบไปครู่หนึ่ง จะเอ่ยคำพูดประโยคนี้ออกมา “เจ้าเพียงตอบคำถามของนางก็พอ ตอบตามความจริง!”

 

 

หลังจากได้ยินคำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของฉินเย่หาน จี้เหิงหรานยิ่งไม่เข้าใจมากกว่าเดิม

 

 

ทว่าเขานั้นพอจะเข้าใจว่า ภายในเรื่องนี้ค่อนข้างที่จะซับซ้อน ไม่แน่ฝ่าบาทอาจทรงทราบแล้ว ทว่าอาจไม่สะดวกให้เขารับรู้เรื่องนี้

 

 

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่มีอยากรู้อยากเห็นอะไรมากมายแล้ว

 

 

จี้เหิงหรานอยู่ข้างกายฉินเย่หานมาเป็นเวลานานถึงขนาดนี้ จึงเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งที่สุดว่า เรื่องที่ตนไม่ควรรับรู้ ก็อย่ามีความอยากรู้อยากเห็นให้มากนัก!

 

 

เขาลังเลเพียงเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยว่า “…ท่านลุงใหญ่กับหลี่รุ่ยอิงมีความขัดแย้งกันอยู่จริง ทว่าท่าทีของเขาที่มีต่อหลี่รุ่ยอิงเต็มไปด้วยความดูแคลน เขาไม่เคยไปมาหาสู่กับหลี่รุ่ยอิงมาก่อน”

 

 

นี่เป็นการบอกเล่าตามความจริง

 

 

ดวงตาของซูหลีผ่อนคลายลงเล็กน้อย

 

 

ดูเหมือนสิ่งที่นางเลือกจะไม่ผิด ไม่ว่าจี้เหิงหรานเป็นคนฉลาดหลักแหลมถึงเพียงใด เมื่ออยู่ต่อหน้าฉินเย่หาน เขาก็ควรไม่ปิดบังเรื่องอะไรไว้ทั้งสิ้น

 

 

นี่เป็นความสามารถขั้นพื้นฐานของขุนนางมือสะอาด

 

 

อีกทั้งบัดนี้ซูหลียอมเสี่ยงกับความสามารถนี้ของเขา

 

 

“ทว่าหากถึงเรื่องนี้เขาพัวพันกับสกุลหลี่ เช่นนั้นข้าก็คงพูดไม่ได้แล้ว!” จี้เหิงหรานขมวดคิ้วมองทางซูหลีและเอ่ยว่า

 

 

“อย่างน้อยข้ากับสกุลหลี่ก็ไม่ได้ติดต่อกัน ตอนที่เกิดเรื่องการสังหารทั้งสกุลหลี่ ข้าก็เพิ่งเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงไม่นาน ไม่มีทางที่จะมีการติดต่ออะไรกับสกุลหลี่!”

 

 

ซูหลีได้ยินดังนั้น สีหน้าจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

 

ดูเหมือนว่า ฉินมู่ปิงกับจี้เหิงหรานจักต้องมีใครคนใดคนหนึ่งที่กำลังพูดโกหกอยู่!

 

 

นางควรจะเชื่อใครดี

 

 

“ช่วงนี้สกุลหลี่กำลังเจริญรุ่งเรือง เรายังเป็นหลิงอ๋องอยู่ เหิงหรานกับเราอยู่ในอาณาบริเวณที่ฮ่องเต้ทรงพระราชให้ หลังจากฮ่องเต้ทรงประชวร พวกเราถึงได้กลับมาด้วยกัน”

 

 

เขาไม่ปล่อยให้ซูหลีเกิดความลังเลใจนาน หลังจากที่จี้เหิงหรานอธิบายออกมา ฉินเย่หานก็พูดเสริมด้วยประโยคนี้ในช่วงท้าย

 

 

ซูหลีพลันแหงนศีรษะขึ้นและมองทางเขา

 

 

ที่จริงนางเชื่อใจเขา

 

 

อีกทั้งก่อนหน้าไม่ใช่ตัดสินใจเรียบร้อยแล้วหรือ ขอเพียงเขาเอ่ยขึ้น นางก็ยินดีที่จะเชื่อเขาอย่างหมดหัวใจ

 

 

บัดนี้เขาเปิดปากเอ่ยเช่นนี้ออกมาแล้ว นางก็ควรจะตัดสินใจเรื่องนี้ได้แล้ว