ตอนที่ 1207 ถามตามตรง
ซูหลีที่รับฟังอยู่ด้านข้างถึงกับตะลึงงัน
เดิมฉินเย่หานสั่งให้องครักษ์ข้างกายไปจัดการเรื่องบางอย่าง…ก็ไม่รู้ว่าไปกระทำสิ่งใด อย่างไรซูหลีก็รู้สึกว่าการเดินทางมาพระราชวังน้ำพุร้อนครานี้ ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องธรรมดา
“กระหม่อมกำลังสงสัยว่า เรื่องครั้งนี้เกี่ยวข้องกับ…” จี้เหิงหรานพูดถึงตรงนี้พลันหยุดชะงักเสียดื้อๆ เขาเหลือบตามองไปที่ซูหลีด้วยอย่างลังเลปราดหนึ่ง
สายตาของเขาทำให้ซูหลีอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาทันใด
ซูหลีเอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็น “ไยใต้เท้าจี้ถึงไม่พูดต่อเล่า หรือเป็นเพราะจี้ฮูหยินจะเดินทางมาถึงในวันนี้ ใต้เท้าจี้จึงอารมณ์ดีจนลืมไปแล้วว่าตนจะพูดอะไรออกมา?”
“ซูหลี พูดจาก็เคารพกันด้วย!” จี้เหิงหรานแสดงสีหน้าเย็นชาทันที สีหน้าของเขาดูไม่น่าดูอย่างยิ่ง
ซูหลีเห็นดังนั้นมุมปากจึงโค้งขึ้น สีหน้ามีความเย็นยะเยียบอย่างบอกไม่ถูก
นางไม่สนใจจี้เหิงหราน เพียงเดินไปด้านหน้าก้าวหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยเสียงเบาว่า “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องต้องการกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”
ฉินเย่หานชำเลืองมองนางครู่หน่ง หลังจากเกิดเรื่องเมื่อครู่นี้ ดูเหมือนว่าท่าทางโดยรวมของนางจะแปรเปลี่ยนไปไม่น้อย
“พูดเถอะ”
หลังจากได้รับคำอนุญาตจากฉินเย่หานแล้ว นางกลับไม่พูดอะไรออกมาในทันที แต่กลับเหลือบตาเพ่งเล็งไปทางจี้เหิงหรานที่อยู่ด้านข้างครู่หนึ่ง
จี้เหิงหรานถูกนางใช้สายตาเช่นนี้จ้องมอง ดูแล้วรู้สึกขุ่นเคืองใจเป็นอย่างยิ่ง ซูหลีผู้นี้ช่างเป็นคนที่ไม่รู้จักถอยให้กับผู้อื่นสักนิดโดยแท้ สายตาเช่นนี้ของนางเป็นการตอบโต้ท่าทางที่จี้เหิงหรานหยุดชะงักไปเมื่อครู่นั้น
“ฝ่าบาท กระหม่อมออกไปรอด้านนอกก่อนพ่ะย่ะค่ะ!” ในเมื่อนางไม่อยากเอ่ยต่อหน้าตน จี้เหิงหรานก็ไม่ได้อยากฟังถึงขนาดนั้น เขายกมือขึ้นในทันที จากนั้นเตรียมจะเดินออกไปจากหอเก็บตำรา เพื่อให้พวกเขาอยู่ที่นี่กันสองต่อสอง
“ใต้เท้าจี้ช้าก่อน” คาดไม่ถึงว่าเขาเพิ่งจะเอ่ยจบก็ถูกซูหลีเรียกไว้เสียก่อน
จี้เหิงหรานขมวดคิ้ว เขาจะออกไปก็ไม่ถูก จะอยู่ต่อก็ไม่ถูก นี่นางต้องการกระทำสิ่งใดกัน
นี่นางต้องการปะทะกันซึ่งๆหน้าหรือ
“ใต้เท้าซูมีอะไรจะสั่งสอนข้าหรือ” สีหน้าของจี้เหิงหรานเย็นชามาก เขาตวัดสายตามองซูหลีปราดหนึ่ง เอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา
“เรื่องสั่งสอนนั่นข้ามิกล้า เพียงแต่เมื่อเรื่องหนึ่งติดอยู่ก้นบึ้งหัวใจของซูหลี ข้าจึงถือโอกาสนี้ถามใต้เท้าจี้ต่อพระพักตร์ฝ่าบาท”
ทว่ากวาดสายตาดูสีหน้าของซูหลี พบว่าโดยรวมดูเคร่งเครียดและจริงจังเป็นอย่างยิ่ง
แม้แต่สีหน้าก็ดูแข็งกระด้าง
จี้เหิงหรานดูท่าทางของนางแล้วอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ แต่กลับเอ่ยว่า “เชิญใต้เท้าซูพูดเถิด”
ทว่าดวงตาของฉินเย่หานที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เข้มขึ้นครู่หนึ่ง และจ้องซูหลีตาไม่กะพริบ
“ที่นี่ก็มีเพียงฝ่าบาทและเขากับเจ้าอีกสองคนเท่านั้น ข้าก็ไม่อยากจะพูดอ้อมค้อม” ซูหลีหลับตาลง ฉินเย่หานยอมที่จะเชื่อใจนาง ถ้าอย่างนั้นนางก็จะเชื่อใจฉินเย่หานครั้งหนึ่ง
ใช่หรือไม่ใช่ ขอเพียงฉินเย่หานเอ่ยปาก นางก็ยอมที่จะเชื่อใจเขาแล้ว!
จี้เหิงหรานมองนางด้วยสีหน้าแปลกประหลาด ทว่าก็ไม่ได้พูดขัดจังหวะนาง
“ใต้เท้าจี้เป็นคนที่ฉลาด คงจะรู้จักหัวหน้าคณะเสนาบดีอาวุโสในอดีตอย่างหลี่รุ่ยอิงกระมัง” หลังจากซูหลีหายใจเข้าลึกก็เอ่ยประโยคนี้ออกมา
จู่ๆนางก็เอ่ยถึงหลี่รุ่ยอิง สีหน้าของจี้เหิงหรานจึงมีความมึนงง จากนั้นเอ่ยว่า “ต้องรู้สึกอยู่แล้ว เพียงแต่ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดใต้เท้าซูพลันเอ่ยถึงหลี่รุ่ยอิง”
“เหตุผลอื่นข้าขอไม่พูดถึง ข้าแค่อยากจะถามใต้เท้าจี้ว่า หลี่รุ่ยอิงและคนทั้งสกุลหลี่ถูกใส่ร้ายว่าเป็น ‘กบฏต่อต้านราชสำนัก’ จนถูกสังหารทั้งสกุล สกุลจี้หรือจี้เก๋อเหล่าท่านลุงของใต้เท้าจี้ หรือว่าตัวใต้เท้าจี้เองได้มีส่วนร่วมกันเรื่องนี้หรือไม่!?”
ทันทีที่นางพูดจบ ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบงัน!
ตอนที่ 1208 ใครกันที่โกหก
ซูหลีพูดอย่างไม่อ้อมค้อม ทั้งยังพูดเข้าประเด็นหลักเช่นนี้จริงๆ
ทำให้จี้เหิงหรานถึงกับตะลึงไปครู่หนึ่ง
ไยนางถึงถามประโยคนี้ออกมา
“…เพราะเหตุใดใต้เท้าซูถึงถามคำถามเช่นนี้ออกมา สกุลหลี่?…” ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย
“ข้าบอกแล้ววว่า เรื่องส่วนที่เหลือใต้เท้าจี้ไม่จำเป็นต้องทราบอย่างชัดแจ้ง เพียงตอบข้าว่า มีส่วนร่วมกับเรื่องนี้หรือไม่ก็พอแล้ว!” เรื่องเหล่านั้นซูหลีเตรียมจะบอกฉินเย่หาน
ทว่านี่ไม่หมายความว่านางจะยินยอมบอกเรื่องสำคัญขนาดนี้กับจี้เหิงหราน
“ประหลาดนัก!” จี้เหิงหรานย่นคิ้วเป็นปม นี่ไม่มีต้นสายปลายเหตุก็จะให้เขาตอบคำถามนี้ เป็นใครก็รู้สึกถึงว่าแปลกประหลาด
อีกทั้งเรื่องของสกุลหลี่ผ่านไปนานมากแล้ว แม้ยามที่เพิ่งเกิดเรื่องขึ้น จะทำให้ทั้งเมืองหลวงมีสภาพแวดอันตรายถาโถมเข้ามา ทว่าเขาจำได้อย่างชัดเจนว่าสกุลซูกับสกุลจี้ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันอย่างสิ้นเชิง
เป็นคนที่ไม่มีความสัมพันธ์กัน
จู่ๆนางก็ถามคำถามเช่นนี้ออกมา หรือจะไม่ประหลาดกัน
อีกทั้งฟังความหมายที่ซูหลีสื่อออกมาแล้ว คล้ายกับสกุลหลี่ได้รับความไม่เป็นธรรม ถูกใส่ร้ายมิปาร
จี้เหิงหรานขมวดคิ้ว อดที่จะมองไปทางฉินเย่หานที่นั่งอยู่ที่นั่งหลักของห้องนี้มิได้
“ไม่ต้องถามให้มากความ” คิดไม่ถึงว่าหลังจากฉินเย่หานเงียบไปครู่หนึ่ง จะเอ่ยคำพูดประโยคนี้ออกมา “เจ้าเพียงตอบคำถามของนางก็พอ ตอบตามความจริง!”
หลังจากได้ยินคำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของฉินเย่หาน จี้เหิงหรานยิ่งไม่เข้าใจมากกว่าเดิม
ทว่าเขานั้นพอจะเข้าใจว่า ภายในเรื่องนี้ค่อนข้างที่จะซับซ้อน ไม่แน่ฝ่าบาทอาจทรงทราบแล้ว ทว่าอาจไม่สะดวกให้เขารับรู้เรื่องนี้
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่มีอยากรู้อยากเห็นอะไรมากมายแล้ว
จี้เหิงหรานอยู่ข้างกายฉินเย่หานมาเป็นเวลานานถึงขนาดนี้ จึงเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งที่สุดว่า เรื่องที่ตนไม่ควรรับรู้ ก็อย่ามีความอยากรู้อยากเห็นให้มากนัก!
เขาลังเลเพียงเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยว่า “…ท่านลุงใหญ่กับหลี่รุ่ยอิงมีความขัดแย้งกันอยู่จริง ทว่าท่าทีของเขาที่มีต่อหลี่รุ่ยอิงเต็มไปด้วยความดูแคลน เขาไม่เคยไปมาหาสู่กับหลี่รุ่ยอิงมาก่อน”
นี่เป็นการบอกเล่าตามความจริง
ดวงตาของซูหลีผ่อนคลายลงเล็กน้อย
ดูเหมือนสิ่งที่นางเลือกจะไม่ผิด ไม่ว่าจี้เหิงหรานเป็นคนฉลาดหลักแหลมถึงเพียงใด เมื่ออยู่ต่อหน้าฉินเย่หาน เขาก็ควรไม่ปิดบังเรื่องอะไรไว้ทั้งสิ้น
นี่เป็นความสามารถขั้นพื้นฐานของขุนนางมือสะอาด
อีกทั้งบัดนี้ซูหลียอมเสี่ยงกับความสามารถนี้ของเขา
“ทว่าหากถึงเรื่องนี้เขาพัวพันกับสกุลหลี่ เช่นนั้นข้าก็คงพูดไม่ได้แล้ว!” จี้เหิงหรานขมวดคิ้วมองทางซูหลีและเอ่ยว่า
“อย่างน้อยข้ากับสกุลหลี่ก็ไม่ได้ติดต่อกัน ตอนที่เกิดเรื่องการสังหารทั้งสกุลหลี่ ข้าก็เพิ่งเข้ามาอยู่ในเมืองหลวงไม่นาน ไม่มีทางที่จะมีการติดต่ออะไรกับสกุลหลี่!”
ซูหลีได้ยินดังนั้น สีหน้าจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ดูเหมือนว่า ฉินมู่ปิงกับจี้เหิงหรานจักต้องมีใครคนใดคนหนึ่งที่กำลังพูดโกหกอยู่!
นางควรจะเชื่อใครดี
“ช่วงนี้สกุลหลี่กำลังเจริญรุ่งเรือง เรายังเป็นหลิงอ๋องอยู่ เหิงหรานกับเราอยู่ในอาณาบริเวณที่ฮ่องเต้ทรงพระราชให้ หลังจากฮ่องเต้ทรงประชวร พวกเราถึงได้กลับมาด้วยกัน”
เขาไม่ปล่อยให้ซูหลีเกิดความลังเลใจนาน หลังจากที่จี้เหิงหรานอธิบายออกมา ฉินเย่หานก็พูดเสริมด้วยประโยคนี้ในช่วงท้าย
ซูหลีพลันแหงนศีรษะขึ้นและมองทางเขา
ที่จริงนางเชื่อใจเขา
อีกทั้งก่อนหน้าไม่ใช่ตัดสินใจเรียบร้อยแล้วหรือ ขอเพียงเขาเอ่ยขึ้น นางก็ยินดีที่จะเชื่อเขาอย่างหมดหัวใจ
บัดนี้เขาเปิดปากเอ่ยเช่นนี้ออกมาแล้ว นางก็ควรจะตัดสินใจเรื่องนี้ได้แล้ว