พ่อบ้านยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู เห็นทั้งสองเดินเข้ามา กล่าวอย่างนอบน้อม “นายท่าน แม่นางเมิ่งมาแล้วขอรับ”

 

 

“รีบเชิญนางเข้ามา” น้ำเสียงเบิกบานยินดีของเปาชิงเหอดังลอยออกมา

 

 

ซุนฮุ่ยปล่อยมือที่คล้องแขนเมิ่งเชี่ยนโยว พูดว่า “เจ้าเข้าไปเถอะ ข้าจะกลับไปทำอาหาร”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า กล่าวขอบคุณแล้วเดินเข้าไปในห้องรับแขก กำลังจะทำความเคารพเปาชิงเหอ

 

 

เปาชิงเหอกลับลุกขึ้น เข้ามาประคองรับ ยกยิ้มพูดด้วยใบหน้าชื่นบาน “แม่นางเมิ่งไยต้องเกรงใจเล่า เชิญนั่งเถอะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวขอบคุณ นั่งลงบนเก้าอี้ข้างเมิ่งฉี มองประเมินเปาชิงเหอแวบหนึ่ง เห็นเขากระปรี้กระเปร่ากว่าเมื่อสี่ปีก่อนมาก ยกยิ้มพูดว่า “ดูท่าความเป็นอยู่และอาหารการกินของเมืองหลวงจะดีต่อสุขภาพท่านมากนะเจ้าคะ ใต้เท้าเปาดูอ่อนเยาว์ลงกว่าเมื่อสี่ปีก่อนอีกเจ้าค่ะ”

 

 

เปาชิงเหอหัวเราะร่วน “ไม่เจอกันสี่ปี แม่นางเมิ่งพูดเก่งขึ้นไม่น้อยเทียว ไม่ใช่ความเป็นอยู่ในเมืองหลวงที่ดีต่อร่างกายข้าดอก แต่เพราะงานที่แม่ทัพฉู่จัดแจงให้ข้าเบาสบายเกินไป แต่ละวันไม่มีเรื่องให้ต้องกลัดกลุ้มกังวล ทำงานอย่างสบายอกสบายใจ จึงทำให้ดูมีชีวิตชีวาขึ้น”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้าเห็นพ้อง “แม่ทัพฉู่จัดเตรียมงานให้ท่านได้ดียิ่ง รอบคอบถี่ถ้วนเป็นอย่างมาก”

 

 

“ทว่า ชีวิตของผู้คนเมืองฝั่งเหนือก็ยังคงแร้นแค้น ข้าไม่สบายใจมาตลอด เมื่อครู่ได้ยินคุณชายเมิ่งบอกว่าพวกเจ้าจะมาเปิดโรงงานที่เมืองฝั่งเหนือ ก็ดีใจมาก จะได้แก้ปัญหาความเป็นอยู่ของผู้คนไปได้ส่วนหนึ่ง พวกเจ้าพูดมาเถอะ ต้องการให้ข้าทำอะไร ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขใด ขอเพียงข้าทำได้ ข้าจะสนับสนุนพวกเจ้าเต็มที่” เปาชิงเหอพูดอย่างเบิกบานใจ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ไม่อ้อมค้อม พูดตามตรงว่า “พวกเราหมายตาโรงงานร้างแห่งหนึ่งไม่ไกลจากจวนของท่าน พวกเราเข้าไปสำรวจภายในแล้ว พบว่าสถานที่ใหญ่โต สอดคล้องความต้องการใช้ทำเป็นโรงงานของพวกเรา ดังนั้นพวกเราจึงอยากซื้อเปิดเป็นโรงงานอีกครั้ง”

 

 

เปาชิงเหอขบคิด พลันพูดว่า “เจ้าหมายถึงโรงงานร้างของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่ถูกตรวจสอบวินัยแห่งนั้นนั่นเอง เรื่องนี้ไม่ยาก ข้าจะให้คนไปจัดการโอนโฉนดให้พวกเจ้าเดี๋ยวนี้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวโบกมือ ยิ้มพูด “ใต้เท้าเปา ท่านทำข้าตกใจแล้ว นี่ท่านจะให้เปล่าโรงงานนั้นแก่พวกเราหรือ”

 

 

เปาชิงเหอชะงักอึ้ง แล้วหัวเราะร่วน “ข้าใจร้อนไปหน่อย ลืมบอกราคาค่างวดกับพวกเจ้า”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหลุดขำ

 

 

เปาชิงเหอพูดว่า “โรงงานร้างแห่งนี้มีคดีติดอยู่ในทางการ จะให้เปล่าแก่พวกเจ้าไม่ได้ แต่มีข้าอยู่ ข้าสามารถเรียกรับเงินในราคาต่ำจากพวกเจ้าได้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูด “ข้าทราบ วันก่อนข้าเพียงได้เดินดูภายนอกคร่าวๆ วันนี้พวกเราอยากขอเข้าไปดูสภาพภายใน ให้พวกเราได้วางแผนโดยประมาณในใจก่อน”

 

 

เปาชิงเหอพยักหน้า “ไม่ยากเลย ข้าจะสั่งคนไปเอากุญแจ แล้วตามไปพร้อมกับพวกเจ้า”

 

 

ว่าแล้วก็สั่งการออกไปด้านนอก “พ่อบ้าน สั่งบ่าวที่ว่องไวออกไปศาลาว่าการ บอกว่าข้าให้เขามาเอากุญแจโรงงานเศรษฐี เมื่อได้มาแล้วให้ตรงมาที่หน้าโรงงานทันที”

 

 

พ่อบ้านรับคำ ออกไปสั่งบ่าวอีกทอด

 

 

เปาชิงเหอลุกขึ้น “ไปเถอะ ข้าจะพาพวกเจ้าไปเอง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งฉีลุกขึ้น เดินตามเขาออกไป

 

 

ชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาเห็นเปาชิงเหอแต่งกายชุดขุนนางเต็มยศ เดินนำคนสองคนไปตามทาง ให้นึกประหลาดใจ ต่างเหลียวหลังมองเป็นตาเดียว

 

 

เปาชิงเหอก็ไม่ได้สนใจ พาทั้งสองคนเดินมาถึงหน้าประตูโรงงาน

 

 

บ่าวถือกุญแจวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาพอดี

 

 

เปาชิงเหอส่งสายตาให้เขาเปิดประตู

 

 

บ่าวเดินขึ้นหน้า เปิดประตูใหญ่ออก

 

 

ทั้งสามเดินเข้าไป

 

 

เหล่าชายฉกรรจ์ที่นั่งรองานสองฝั่งถนนเห็นประตูโรงงานถูกเปิดออก ดวงตาเปล่งประกายวิบวับ ต่างวิ่งกรูเข้ามาโดยไม่นัดหมาย ยืนออหน้าประตูชะเง้อมองเข้าไปในโรงงาน

 

 

โรงงานแห่งนี้ใหญ่โตมาก ใหญ่กว่าโรงงานที่ตนเองสร้างหลายเท่าตัว อีกทั้งตัวอาคารล้วนใช้อิฐแดงสร้าง ต่อให้ไม่ได้ใช้งานนาน แต่ละตัวอาคารก็ไม่ผุพัง มีเพียงหลังคาที่รั่วชำรุดไปบ้าง ซ่อมแซมเล็กน้อยก็ใช้การได้แล้ว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนับคำนวณ มีโรงงานเดี่ยวแยกกันทั้งหมดสิบแปดอาคาร หากตนเองย้ายโรงงานที่บ้านมาก็ยังมีที่ว่างเหลือเฟือ

 

 

เมิ่งฉีสำรวจโดยรอบ ก็ให้พอใจเป็นอย่างมาก มีสถานที่เสร็จสมบูรณ์พร้อมเข้าดำเนินการ ทำให้ประหยัดเวลาและคนงานไปได้มาก

 

 

หลังการสำรวจ เมิ่งเชี่ยนโยวพอเข้าใจสภาพโดยรวมของโรงงานแล้ว หันไปถามเปาชิงเหอ “ใต้เท้าเปา ไม่ทราบว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่ถึงจะซื้อโรงงานแห่งนี้ได้”

 

 

เปาชิงเหอเห็นปฏิกิริยาของพวกเขา รู้ว่าพวกเขาถูกใจสถานที่แห่งนี้ ทั้งตนเองก็มีตัวเลขในใจแล้ว ได้ฟังเมิ่งเชี่ยนโยวถาม ก็ตอบกลับทันที “หนึ่งหมื่นตำลึง เป็นอย่างไร”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเบิกตาโพลง เป็นครั้งแรกที่ร้องลั่นอย่างเสียอาการ “ท่านว่ากระไรนะ”

 

 

เปาชิงเหอตกใจสะดุ้ง ขมวดคิ้วถาม “ราคานี้สูงเกินไป”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าเสียอาการไป ลนลานโบกมือ “ไม่ใช่ ไม่ใช่เจ้าค่ะ ใต้เท้าเปาไม่ได้ล้อข้าเล่นดอกนะ โรงงานใหญ่โตเช่นนี้ท่านจะคิดข้าเพียงหนึ่งหมื่นตำลึง”

 

 

พอได้ยินว่านางไม่ได้คิดว่าแพง เปาชิงเหอก็เบาใจลง พูดอย่างเบิกบาน “หาได้ล้อเล่นไม่ หนึ่งหมื่นตำลึงจริงๆ”

 

 

“จะเป็นไปได้อย่างไร ต่อให้ราคาสิ่งปลูกสร้างเมืองฝั่งเหนือจะถูกเพียงไร ก็ไม่มีทางจะเป็นราคานี้ได้” เมิ่งเชี่ยนโยวพูด

 

 

“กับคนอื่นไม่เหมือนกัน สำหรับแม่นางแล้ว ข้ายังพอมีอำนาจคิดราคาอาคารในราคาต่ำให้เจ้าได้ อีกทั้ง หลังจากเจ้าเปิดโรงงาน จะรับสมัครคนงานจำนวนมาก ช่วยข้าแก้ปัญหาปากท้องคนได้ส่วนหนึ่ง ทำให้เมืองฝั่งเหนือสงบน่าอยู่มากขึ้น” เปาชิงเหอพูด

 

 

“แต่ว่า ใต้เท้าเปาให้ราคาต่ำเช่นนี้ จะมีคนกล่าวหาว่าท่านปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ให้คนอื่นจับผิดท่าน ทำเรื่องร้องเรียนรายงาน ถึงตอนนั้นจะกลายเป็นความผิดมหันต์ที่ข้าได้กระทำต่อท่าน” เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวอย่างเป็นห่วง

 

 

เปาชิงเหอส่ายหน้า “แม่นางเมิ่งวางใจเถอะ เมืองฝั่งเหนือเป็นพื้นที่ยากแค้น ไม่มีเงินทองให้หาประโยชน์ พวกขุนนางไม่มีใครอยากมาอยู่ กรมขุนนางรู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นจึงไม่สืบความเรื่องนี้ อีกทั้งข้าก็ไม่ได้ให้เจ้าเปล่า ข้าได้เก็บเงินตามความเหมาะสมแล้ว” เปาชิงเหอตอบ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปสบตาเมิ่งฉี ต่างเห็นความปลาบปลื้มยินดีในแววตากันและกัน

 

 

เมิ่งฉีพยักหน้า

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดทันควัน “เมื่อใต้เท้าเปากล่าวเช่นนี้ เช่นนั้นข้าจะไม่เกรงใจอีก ข้าตัดสินใจซื้อโรงงานนี้เจ้าค่ะ”

 

 

เปาชิงเหอผงกศีรษะ “ข้าจะให้คนไปดำเนินเรื่องโอนโฉนด ไม่ทราบว่าจะให้เขียนเป็นชื่อใคร”

 

 

“ชื่อพี่รองข้า”

 

 

“ชื่อน้องสาว”

 

 

เมิ่งฉีและเมิ่งเชี่ยนโยวพูดขึ้นพร้อมกัน

 

 

เปาชิงเหอมองพวกเขาอย่างประหลาดใจ

 

 

เมิ่งฉีพูดว่า “เขียนชื่อน้องสาวขอรับ ภายหน้าจะให้เป็นเครื่องแต่งงานของนาง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “พี่รอง พวกเราคุยกันแล้วไม่ใช่หรือ โรงงานเป็นของท่านและพี่ใหญ่ ร้านก๋วยเตี๋ยวและฉั่งฉิกเป็นของข้า ตอนนี้ท่านจะให้โรงงานข้ามาอีกทำไม”

 

 

“ต่อไปเจ้าจะต้องมาใช้ชีวิตถาวรในเมืองหลวง มีเครื่องแต่งงานมากหน่อยย่อมดีกว่า” เมิ่งฉีพูด

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวข่มขู่เขา “หากท่านมอบโรงงานนี้ให้ข้า ร้านค้าที่จะซื้อพรุ่งนี้จะให้พวกเขาคนละร้าน”

 

 

เปาชิงเหอได้ยินบทสนทนาของสองพี่น้องก็หัวเราะครืน “เด็กๆ บ้านอื่นพอมีทรัพย์สมบัติก้อนใหญ่เช่นนี้ มีแต่จะคิดหาวิธีแย่งมาครอบครอง พวกเจ้าสองพี่น้องนี่อย่างไร กลับผลักไสให้กันและกัน ข้าว่าที่คุณชายเมิ่งพูดก็มีเหตุผล ภายหน้าแม่นางเมิ่งจะอาศัยอยู่เมืองหลวงระยะยาว มีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก มีเครื่องแต่งงานติดตัวไว้มากหน่อยย่อมดีกว่า”

 

 

เมิ่งฉีเห็นเปาชิงเหอยืนข้างตนเอง รีบพูดพลัน “เห็นไหม ใต้เท้าเปายังว่าเช่นนี้เลย เจ้าไม่ต้องโต้แย้งกับข้าแล้ว โรงงานนี้ให้เป็นของเจ้า หากเจ้าไม่ว่าง ข้าจะมาช่วยจัดการให้แทนก็ได้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เห็นด้วย หลังจากเปิดใช้โรงงานนี้ สินค้าที่เมืองหลวงต้องการก็จะถูกส่งออกไปจากที่นี่ จะต้องส่งผลกระทบต่อการค้าของครอบครัว คิดได้ดังนี้ก็พูดว่า “ทรัพย์สินในมือข้าก็มากพอแล้ว ไม่ต้องการโรงงานเพิ่มอีก หากท่านไม่ยินยอม ก็ช่างเถอะ พวกเราไม่ทำโรงงานนี้แล้วก็ได้”

 

 

เปาชิงเหอฟังน้ำเสียงนางไม่เหมือนคนล้อเล่น ว้าวุ่นใจฉับพลัน น้ำเสียงเร่งเร้า คำพูดโน้มเอียงไปอีกด้าน “คุณชายเมิ่ง ที่แม่นางเมิ่งพูดก็ถูก แม้ต่อไปนางจะต้องอยู่เมืองหลวงถาวร แต่นางไม่ได้แต่งงานกับคนธรรมดา เงินทองในจวนไม่มีวันขาดเหลือ ส่วนพวกเจ้าอยู่ชนบท เลี่ยงไม่ได้ที่ชีวิตอาจจะฝืดเคืองบ้าง ข้าคิดว่า โรงงานนี้ให้เป็นชื่อเจ้าน่าจะดีที่สุด”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวได้ฟังแอบขำในใจ เดิมนางแค่ต้องการพูดขู่เมิ่งฉี ไม่คิดว่าว่าใต้เท้าเปาจะตกใจแทน

 

 

เมิ่งฉีได้ยินเมิ่งเชี่ยนโยวพูดก็ชะงักอึ้งเล็กน้อย แล้วคิดถึงนิสัยของนาง รู้ว่าหากตนเองยืนหยัดจะเขียนชื่อนาง นางอาจจะไม่ซื้อโรงงานนี้จริงๆ ก็ได้ ต้องรู้ว่า โรงงานใหญ่โตนี้ไม่มีทางซื้อได้ด้วยเงินเพียงหนึ่งหมื่นตำลึง ต่อให้จุดตะเกียงหาก็ไม่มีวันเจอเรื่องดีเช่นนี้

 

 

เมิ่งฉีจ้องเมิ่งเชี่ยนโยวครู่หนึ่ง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวจ้องกลับอย่างไม่โอนอ่อนให้ สีหน้าเด็ดเดี่ยวขึงขัง

 

 

เมิ่งฉีไม่มีทางเลือก จำต้องถอยหนึ่งก้าว “ก็ได้ ไม่เขียนเป็นชื่อเจ้า แต่ก็ไม่เขียนชื่อข้า เขียนชื่อท่านพ่อก็แล้วกัน”

 

 

สิ่งที่เมิ่งฉีคิดก็คือ ใส่ชื่อเมิ่งเอ้ออิ๋นไว้ชั่วคราว กระทั่งตอนเมิ่งเชี่ยนโยวแต่งงาน ค่อยยกให้นางเป็นเครื่องแต่งงาน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกลับคิดไปอีกทาง นึกว่าเขียนเป็นชื่อเมิ่งเอ้ออิ๋น ภายหน้าเมิ่งฉีและเมิ่งเสียนจะได้แบ่งครึ่งกัน เห็นดีเห็นงามด้วยทันที “ดี งั้นก็เขียนเป็นชื่อท่านพ่อเถอะ”

 

 

เปาชิงเหอเห็นสองพี่น้องมีความคิดเห็นตรงกันแล้ว ก็โล่งใจ รีบสั่งการบ่าว “เจ้าจงไปศาลาว่าการ บอกว่าโรงงานนี้มีคนซื้อแล้ว ให้พวกเขาเตรียมเอกสารให้พร้อม ข้าจะพาคนไปดำเนินการเดี๋ยวนี้”

 

 

บ่าวรับคำ วิ่งไปแจ้งข่าวโดยด่วน

 

 

เปาชิงเหอพาทั้งสองคนออกมาจากโรงงาน

 

 

เมิ่งฉีหันหลังไปลงกลอนประตู ทั้งเก็บกุญแจไว้กับตัวเอง

 

 

ชายฉกรรจ์ที่รองานทำเข้ามามุงล้อม คนที่มีความกล้าเปล่งเสียงหยั่งเชิงถามเปาชิงเหอ “ใต้เท้าเปา โรงงานนี้กำลังจะเปิดอีกครั้งหรือขอรับ”

 

 

เปาชิงเหอพยักหน้า “ถูกต้อง สองท่านนี้ก็คือนายท่านคนต่อไปของโรงงานนี้”

 

 

มีคนถามขึ้นพลัน “แล้วจะรับคนงานหรือไม่ขอรับ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวยิ้มตอบ “จะเปิดรับสมัครคนงานด้วย”

 

 

กลุ่มคนแตกตื่น ต่างกรูกันเข้ามา ล้อมพวกเขาไว้ตรงกลาง ส่งเสียงซักถามยกใหญ่ “ท่านว่าข้าพอใช้ได้หรือไม่” “อย่างข้าได้หรือไม่” สถานการณ์เริ่มโกลาหล

 

 

ทั้งสามคนถูกเบียดจนแทบไม่มีที่ยืนแล้ว เปาชิงเหอกลัวจะเบียดไปโดนเมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งฉี เปล่งเสียงเกรงขามขึ้นพลัน “ถอนออกไปให้หมด ใครกล้าเบียดขึ้นหน้ามาอีก ในวันสมัครงานจะไม่ได้รับเลือกเป็นคนแรก”

 

 

คนแถวหน้าที่อยู่ใกล้ที่สุด ได้ยินดังนั้นตกใจรีบถอยหนี คนด้านหลังได้ยินไม่ถนัด พยายามเบียดเข้ามา สถานการณ์วุ่นวายอลหม่าน ทว่า ก็ยังเหลือที่ว่างให้ทั้งสามคน

 

 

เปาชิงเหอกระแอมเสียงดังสองครั้ง ความโกลาหลสงบลงทันที

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกลั้นขำ คนเหล่านี้ต่างมีปฏิกิริยาตอบสนองไว เจ้าหน้าที่ทางการกระแอมก็รู้ทันทีว่าพวกเขามีเรื่องจะพูด

 

 

เป็นดังว่า เปาชิงเหอขยับลูกคอ เปล่งเสียงพูดกับชาวบ้าน “วันนี้พวกเขาเพียงเข้ามาดูสถานที่ จะเปิดรับสมัครเมื่อไหร่นั้น พวกเราจะติดป้ายประกาศไว้ทางนั้น ถึงตอนนั้นให้พวกเจ้าเข้ามาดูเอง”

 

 

ยังไม่รู้ว่าจะเปิดโรงงานเมื่อใด ชาวบ้านต่างมีสีหน้าผิดหวัง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวทนดูไม่ได้ พูดเสียงกังวาน “วันนี้พอพวกเราดำเนินเรื่องเสร็จ พรุ่งนี้จะมารับสมัครคนซ่อมแซมอาคาร คนที่มีฝีมือซ่อมอาคารให้มารายงานตัวในวันพรุ่งนี้ได้ ส่วนจะเปิดโรงงานได้เมื่อใดนั้น คาดว่าจะต้องรออีกครึ่งเดือน เพราะพวกเรายังเตรียมวัตถุดิบไม่พร้อม”

 

 

ในกลุ่มคนมีคนยกมือขึ้นทันที “นายหญิง พวกเราทำได้”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “วันพรุ่งหากพวกท่านยังหางานทำไม่ได้ ก็ให้มาลงชื่อในเวลานี้ได้”

 

 

ใกล้เข้าหน้าหนาวแล้ว เดิมก็หางานยากอยู่แล้ว อีกทั้งทำงานที่นี่ก็อยู่ไม่ไกลจากบ้าน คนทั้งหมดต่างดีใจพูดว่า “พวกเราไม่ไปทำงานที่อื่นแล้ว จะรองานในวันพรุ่งอยู่ที่นี่”

 

 

คนที่เหลือมองพวกเขาอย่างอิจฉา

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกวาดตามองพวกเขา “ข้าจำพวกท่านได้แล้ว วันพรุ่งไม่ต้องรีบมารอ เข้ามาช่วงเวลานี้ก็พอ”

 

 

“ขอรับ” คนทั้งหมดขานรับคำ

 

 

คนที่เหลือเห็นว่าไม่มีงานให้ตนเอง ต่างแยกย้ายไปอย่างผิดหวัง พวกเขาทั้งสามก็ได้เดินจากไป

 

 

เจ้าหน้าที่เอกสารได้ยินคำแจ้งจากบ่าว เข้าไปหยิบโฉนดและเอกสารซื้อขายออกมาเตรียมไว้อย่างชื่นบาน

 

 

เปาชิงเหอพาทั้งสองคนเดินเข้ามา เจ้าหน้าที่เอกสารพูดขึ้นด้วยความยินดี “ใต้เท้าเปา ผู้น้อยเตรียมไว้หมดแล้ว ทั้งสองท่านเพียงประทับลายนิ้วมือก็ได้แล้วขอรับ”

 

 

เปาชิงเหอพยักหน้า นำโฉนดและเอกสารมาให้เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งฉี ให้พวกเขาได้ตรวจดู

 

 

ตัวโฉนดไม่มีปัญหา ส่วนเอกสารซื้อขายก็เป็นรูปแบบเดิม เมิ่งเชี่ยนโยวเคยซื้อเรือนและร้านค้ามาแล้ว จึงมองผ่านๆ แล้วส่งให้เมิ่งฉี

 

 

เมิ่งฉีดูอย่างละเอียด ดูเสร็จก็พยักหน้า “ไม่มีปัญหา”

 

 

“ถ้าไม่มีปัญหาก็ประทับลายนิ้วมือเถอะ” เจ้าหน้าที่เอกสารพูดอย่างหน้าตาชื่นบาน

 

 

เมิ่งฉีประทับลายนิ้วมือ ล้วงตั๋วเงินหนึ่งหมื่นตำลึงออกมาจากอกเสื้อมอบให้เจ้าที่

 

 

เจ้าหน้าที่เปิดดู ถึงกับชะงัก หันไปมองเปาชิงเหอ

 

 

เปาชิงเหอพยักหน้าเล็กน้อย

 

 

เจ้าหน้าที่เข้าใจทันที ยกยิ้มแล้วเก็บเงินขึ้น มอบโฉนดให้เมิ่งฉี “คุณชาย ท่านรับโฉนดนี้ไป ต่อไปโรงงานนี้ก็เป็นของท่านแล้ว”

 

 

เมิ่งฉีรับมา พับอย่างระวังแล้วเก็บไว้ในอก

 

 

เปาชิงเหอลุกขึ้น พูดว่า “ไป กลับไปกินข้าว คาดว่าฮูหยินจะเตรียมอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว”

 

 

เจ้าหน้าที่เอกสารเข้าใจพลัน ไม่แปลกที่ขายโรงงานในราคาถูกเช่นนี้ ที่แท้ก็เพราะเป็นญาติของใต้เท้านี่เอง

 

 

เดิมพ่อบ้านจะออกไปซื้อผัก ระหว่างทางเจอเมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งฉี พาพวกเขาย้อนกลับมาบ้าน ลืมเรื่องซื้อผักไปเสียสนิท กระทั่งฮูหยินเปาจะลงครัวเอง เห็นว่าไม่มีวัตถุดิบ พ่อบ้านถึงนึกออก รีบสั่งบ่าวอีกคนออกไปซื้อกับข้าวด้วยกัน

 

 

เมืองฝั่งเหนือแร้นแค้น ไม่มีผักสดดีๆ ปกติพวกเขาก็กินไปตามที่มี แต่เมิ่งเชี่ยนโยวเป็นแขก ฮูหยินเปาคว้าแขนบ่าวไว้ ให้เขาออกจากเมืองฝั่งเหนือ ไปตลาดสดย่านคึกคักในเมือง ซื้อผักและเนื้อสดใหม่กลับมา

 

 

ต่อให้บ่าววิ่งเร็วปานใด ไปกลับก็ต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ดังนั้นตอนที่พวกเปาชิงเหอกลับมา อาหารจึงยังทำไม่เสร็จ

 

 

เปาชิงเหอจึงพาทั้งสองคนกลับมาห้องรับแขก สั่งบ่าวไปเปลี่ยนน้ำชามาใหม่ ทั้งสามดื่มไปคุยไป ถามเมิ่งเชี่ยนโยวว่าเตรียมจะเปิดโรงงานกี่แห่ง เมิ่งเชี่ยนโยวก็บอกแผนการคร่าวๆ ของตัวเองออกมา

 

 

เปาชิงเหอได้ยินว่านางจะเปิดโรงงานหลายอาคาร ก็ตื่นเต้นมือสั่นจนน้ำชาในถ้วยกระเด็นออกมา “แม่นางเมิ่ง เจ้าช่วยข้าได้มากเทียว โรงงานที่จะเปิดนี้ต้องการคนงานไม่น้อยเลยสินะ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ไม่น้อยเจ้าค่ะ ข้าจะทยอยย้ายการค้าของครอบครัวมาอยู่เมืองหลวงด้วย ดังนั้นยังต้องให้ใต้เท้าเปาช่วยอีกเรื่องหนึ่งเจ้าค่ะ”

 

 

เปาชิงเหอลนลานพูด “แม่นางเมิ่งพูดมาได้เลย ขอเพียงข้าช่วยได้ จะช่วยให้ถึงที่สุด”

 

 

“ข้าอยากให้ท่านช่วยรับสมัครคนงาน เงื่อนไขธรรมดามาก ขอเป็นชายรูปร่างกำยำและหญิงขยันขันแข็ง อายุราวสิบห้าถึงสามสิบห้าปีเจ้าค่ะ”

 

 

“ผู้หญิงก็ได้หรือ” เปาชิงเหอตกใจถาม

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ขอผู้หญิงที่ทำงานคล่องแคล่ว กรอกกุนเชียงได้เร็ว”

 

 

เปาชิงเหอรับคำเต็มปากเต็มคำ “ไม่มีปัญหาเลย ข้าจะให้พวกเขาไปติดประกาศ ประเดี๋ยวก็มีคนเข้ามาสมัครทำงานเอง”

 

 

“ไม่ทราบว่าจะต้องคิดค่าแรงคนงานอย่างไร”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวถามอีก

 

 

“เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้ ตอนบ่ายข้าจะให้คนออกไปสอบถามให้ วันพรุ่งพวกเจ้าค่อยเข้ามาฟังคำตอบ”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า

 

 

คนทั้งหมดพูดคุยอีกครู่หนึ่ง พ่อบ้านก็เปล่งเสียงอย่างนอบน้อมหน้าประตู “นายท่านขอรับ ฮูหยินบอกว่าอาหารเรียบร้อยแล้ว ให้ท่านพาแม่นางเมิ่งและคุณชายเมิ่งเข้าไปได้ขอรับ”

 

 

คนทั้งหมดลุกขึ้น เดินมายังห้องอาหาร

 

 

ฮูหยินเปาและซุนฮุ่ยเตรียมอาหารไว้หลากหลายมากมาย ทั้งหมดสิบสองจาน

 

 

คนทั้งหมดกินอาหารเที่ยงอย่างสุขสำราญใจ เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งฉีนั่งต่ออีกครู่หนึ่ง จึงลุกขึ้นขอตัวลา

 

 

เปาชิงเหอและฮูหยินเปารวมถึงซุนฮุ่ยที่อุ้มม่อเอ๋อร์ ออกมาส่งพวกเขาถึงหน้าประตู มองดูทั้งสองขึ้นรถม้าจากไปไกล ถึงกลับเข้าไปในบ้านอย่างอิ่มเอม

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งฉีก็ไม่ได้ไปที่อื่นต่อ สั่งคนรถให้บังคับรถม้ากลับเมืองฝั่งใต้ทันที

 

 

คนรถคุ้นชินเส้นทางแล้ว บังคับรถม้าด้วยความรวดเร็ว ไม่ถึงครึ่งชั่วยามกว่าก็มาถึงหน้าบ้าน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งฉีลงจากรถม้า เตรียมจะเข้าไปด้านใน สาวใช้ที่แต่งกายเยี่ยงสาวใช้เดินออกมาจากข้างรถม้าที่จอดรออยู่ แสดงความเคารพทั้งสองคน ถามอย่างมีมารยาท “ไม่ทราบว่า นายท่านแห่งสำนักคุ้มภัยอาศัยอยู่ที่นี่ใช่หรือไม่”