ภาคที่ 4 บทที่ 44 ปะทะกับด่านสู่พิสดาร (2)

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 44 ปะทะกับด่านสู่พิสดาร (2)

ท่าดาบ พุ่งออกไปพร้อมกับกำลังเกือบทั้งหมดของซูเฉินที่หมายปลิดชีพซาเค่อ

แต่เมื่อดาบกำลังจะเข้าปะทะ ร่างของซาเค่อก็พลันส่องแสงทองออกมา

เมื่อเห็นแสงสีทองนั่น ชายหนุ่มก็รู้ว่าแย่แล้ว

และแน่นอนว่าแสงสีทองนั่นหยุดชะงักท่าดาบทรงพลังไว้ทันที หยุดมันเอาไว้ไม่ทันได้ถูกร่างของซาเค่อ ไม่ว่าซูเฉินจะใส่แรงไปเพียงไหนก็ไม่อาจทะลวงผ่าน

เป็นเพราะพลังอันทรงพลังตรงหน้า

ไม่แน่ว่าอาจเป็นเครื่องมือต้นกำเนิดใช้แล้วหมดไปอันล้ำค่า เพราะซูเฉินยังได้ยินเสียงเหมือนบางอย่างกำลังปริแตกอยู่

ถึงกระนั้นก็ยังไม่พอ ท่าดาบนี้ไม่ได้หวังทำลายเครื่องมือต้นกำเนิด แต่หมายเอาชีวิตซาเค่อต่างหาก

ภายใต้การโจมตีเต็มกำลังของซูเฉิน เกราะแสงสีทองสั่นสะท้าน กรีดเสียงเหมือนเหล็กออกมา มันยังไม่ได้แตกออก แต่ก็ถูกกดดันจนผิดรูป กระทั่งลำคอซาเค่อยังถูกบีบให้ต้องเอียงไปข้างหนึ่ง

เปรี๊ยะ !

เมื่อเกิดเสียงลั่นเปรี๊ยะ ซาเค่อก็คอหักไปด้านหนึ่ง แรงกดดันหนั่นแน่นหักคอเขาในพลัน

ซูเฉินรีบกระแทกฝ่ามือ ส่งร่างของซาเค่อกระเด็นไปทันที

ซาเค่อได้สติที่กลางอากาศ ความเจ็บปวดที่ลำคอเป็นแรงกระตุ้นให้เขาไม่น้อย

ซาเค่อที่เพิ่งตื่นจากฝันพบว่าเครื่องมือต้นกำเนิดเอาชีวิตรอดของตนถูกทำลายไปแล้ว พริบตาเดียวก็คอหักอีกต่างหาก

หรือก็คือในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้เขาได้ตายไปหนหนึ่งแล้ว

“ไม่ !” เขาร้องหวน ลำคอเบี้ยวไปดูน่าประหลาด

พลังต้นกำเนิดประเภทดินพวยพุ่งไปที่ลำคอด้วยเขาพยายามรักษาบาดแผลตนอย่างรวดเร็ว

ซูเฉินสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามฟื้นพลังที่ใส่ไปกับท่าดาบ หากเป็นปกติเขาคงปล่อยระเบิดเหยี่ยวเพลิงกดดันอีกฝ่ายต่อแล้ว แต่เมื่อจูเซียนเหยาดูอยู่เช่นนี้ เขาจึงได้แต่ ‘ปล่อยซาเค่อไป’

“บัดซบ !” ซาเค่อกัดฟันตะโกนลั่น แท่นบงกชบนศีรษะเริ่มส่องสว่าง มันหมุนวนไปทั่วร่างเขาพร้อมกับแสงสีขาว

ตอนนี้ซาเค่อไม่ดูเบาศัตรูอีกต่อไป หันมาต่อสู้เต็มกำลังแล้ว ลำคอที่หักไปเมื่อครู่ก็ฟื้นฟูโดยเร็ว

แต่เคราะห์ร้ายที่ความสามารถในการฟื้นฟูยังช้ากว่าร่างกายที่ถูกทำลาย

ก่อนซาเค่อจะตั้งลำคอตรงได้ ดาบหั่นภูผาก็ตวัดเข้ามาอีกครั้ง

คนทั้งสองแลกกระบวนท่ารุนแรงกันหลายครั้ง

หากซูเฉินเป็นดั่งภูเขาสูงใหญ่ เคลื่อนตัวไปไม่หวั่นเกรง ซาเค่อก็เหมือนกับมหาสมุทรที่เคลื่อนกายหลีกทุกครั้งที่สบโอกาส

คนด่านสู่พิสดารมีกำลังสำรองมหาศาล ไม่อาจใช้เครื่องมือต้นกำเนิดชั้นดีไม่กี่ชิ้นเอาชนะได้

ร่างหินผาขนาดยักษ์ตวัดแขน เกิดเป็นฝุ่นทรายคลุ้งตลบ คลื่นพลังปั่นป่วน

แต่เมื่อทั้งสองฝ่ายสู้เต็มกำลัง ซูเฉินกลับเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

ซูเฉินรู้สึกตะลึงนักที่ตาเหยี่ยวซาเค่อไม่ได้ยากจน ทั้งยังมีเครื่องมือต้นกำเนิดทรงพลังหลายชิ้น

นอกจากเครื่องมือต้นกำเนิดเกราะทองที่ใช้ช่วยชีวิตนั่นและมุกพิภพลำดับที่ห้า ซาเค่อก็คว้าของอีกอย่างขึ้นมา คือเม็ดทรายสีทอง

เม็ดทรายสีทองกระจายตัวไปในอากาศ กลายเป็นสายธารสีทองที่เริ่มหลั่งไหลไปทั่วห้อง

ซูเฉินพลันรู้สึกว่าพื้นที่ภายในห้องตกไปอยู่ในการควบคุมของศัตรูแล้ว สายธารนี้บีบคั้นซูเฉินให้ตกอยู่ในการควบคุมของซาเค่อ ขยับตัวยังยากเย็นนัก

แต่ยังไม่จบเท่านั้น ซาเค่อยังหยิบกระเป๋าหนึ่งขึ้นมาแล้วโยนมันออกไป เป็นอสูรกายกิ้งก่าระดับต่ำตัวหนึ่งที่คลานออกมาแล้วอ้าปากใส่ซูเฉิน เคราะห์ดีที่ที่นี่ไม่ได้มีพื้นดินจริง ๆ มันจึงใช้วิชาดินที่มันถนัดไม่ได้ ดังนั้นกำลังส่วนมากจึงถูกจำกัด ทว่าแรงบีบคั้นที่กดดันซูเฉินก็ทำให้เขาแทบเสียสติแล้ว

หลังจากนั้น ซาเค่อก็หยิบรูปภาพหนึ่งออกมา มือหนึ่งยื่นออกมาจากภาพคว้าร่างซูเฉินไว้ เขาจึงได้เห็นมันชัด ๆ มันเป็นหนึ่งในภาพแขวนบนโถงทางเดินที่พวกเขาเพิ่งเดินผ่านมานั่นเอง ไม่รู้ทำไมมันถึงยอมให้ซาเค่อ ถูกเขาใช้งานเสียได้

สมบัติเริ่มถูกนำออกมาใช้ทีละชิ้น ๆ บีบให้ซูเฉินต้องรีบหาคำตอบ

ซาเค่อหัวเราะเสียงทะมึน “เจ้าหนู คิดหรือว่าจะใช้เครื่องมือต้นกำเนิดชั้นดีไม่กี่ชิ้นเอาชนะข้าได้ ?”

ทั้งกระแสพลังงาน ทั้งธารเม็ดทราย และยังอสูรกายนั่น พวกมันล้วนกดดันเขาไม่หยุดหย่อน

เห็นดังนั้น กระทั่งจูเซียนเหยายังเอ่ยเสียงเครียด “ยังมีวิชาอื่นอีกหรือไม่ ?”

ได้ยินแล้วซูเฉินก็ตวัดสายตาเหยียดหยามใส่ “จะให้ข้าตามแก้ปัญหาที่เจ้าก่อหรือ ?”

“นั่นก็เพราะเจ้าวางแผนใส่ข้า !”

“เพราะเจ้าหวังชิงของของเราต่างหาก”

“ข้าทำอะไรตามใจตน มันใช่เรื่องเจ้าหรือไร ?” จูเซียนเหยาเอ่ยพร้อมจ้องเขม็ง

“หึ ! สตรีก็เป็นเช่นนี้ ใช้เหตุผลเอาชนะไม่ได้ก็ไม่ใช้มันเสียเลย”

ทั้งสองยังคงทะเลาะกันต่อ ทว่าสถานการณ์รอยข้างกลับยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ

ทรายสีทองเริ่มหมุนคว้างขึ้น ล้อมคนทั้งสองเอาไว้จนสมบูรณ์ เช่นเดียวกับกลิ่นอายสังหารร้อนแรงที่วาดผ่านนัยน์ตาซาเค่อ

จูเซียนเหยาเอ่ยเสียงขรึม “นี่ อย่าเพิ่งเถียงเลยเถอะ เจ้าใช้วิชาลวงจิตเมื่อครู่ได้อีกหรือไม่ ? ลองใช้อีกทีสิ !”

“ไม่ได้ผลแล้ว เขาเตรียมตัวมาแล้ว อีกทั้งมีแท่นบงกชปกป้องจิตไว้ เขาจะตื่นขึ้นได้เอง ข้าทำให้เขาสับสนไม่ได้อีกแล้ว” ซูเฉินตอบ

ซาเค่อผู้นี้แกร่งไม่ใช่น้อย หาจุดอ่อนของวิชาสรรพสิ่งลวงตาพบในคราเดียวที่ถูกวิชา และใช้แท่นบงกชปกป้องจิต กับใช้พลังจำนวนหนึ่งคอยกระตุ้นร่างไว้ หากถูกวิชาอีกก็จะตื่นขึ้นโดยเร็ว ดังนั้นวิชาสรรพสิ่งลวงตาจึงนับว่าไร้ผลกับเขาแล้ว

“ทำอะไรไม่ได้แล้วหรือ ?” จูเซียนเหยาเอ่ยเสียงผิดหวัง

“ก็อาจไม่ใช่ !” ซูเฉินพลันไม่ใส่ใจกับการโจมตีของซาเค่อ ดาบหั่นภูผาตวัดใส่ภาพวาด ก่อนเพลิงทะมึนจะไหลเข้าไปตามแขนของสตรีที่ยื่นออกมา ตัดมันขาดฉับราวกับมีดสีดำ จากนั้นเพลิงดำก็ลามเข้าไปในภาพ เกิดเสียงร้องลั่นดังตามมา

ทว่าผลลัพธ์ของการหันไปสนใจกับภาพวาดทำให้ดาบทรายของซาเค่อทำลายเกราะซูเฉินได้ในที่สุด แสงสีทองส่องสว่างจากร่างกายเขา กระทั่งมีชุดคลุมเส้นใยปะการังมาสเริม ซูเฉินก็ยังกระเด็นลอยไปพร้อมกับเสียงคำราม เกราะหนักลึกลับเกิดรอยแตกทั่วตัว

“ตาย !” ซาเค่อร้องลั่นพลางซัดอีกการโจมตีออกมา เขาคิดจะใช้โอกาสนี้ปลิดชีพซูเฉินเสีย

เป็นตอนนั้นเองที่ซูเฉินพลันตะโกนขึ้น “มาเลย !”

ซาเค่อตกใจไปครู่หนึ่งแล้วกระโดดหลบไป

คิดหลอกข้าหรือ ?

ทว่าที่เบื้องหลังพลันมีลมหอบหนึ่งพัดผ่าน

แย่แล้ว !

ซาเค่อรู้ว่าตนอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม พลันรู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัสเมื่อถูกซัดพลังจากด้านหลังเกิดเป็นรูใหญ่ เขาซัดพลังไปด้านหลังโต้กลับไป ได้ยินเสียงร้องของผู้ลอบโจมตีที่ถูกซัดร่างกระเด็น

“เป็นเจ้า !” ซาเค่อเห็นว่าคนที่ลอบโจมตีคือเฮ่อซื่อ

ไม่มีใครคิดว่าคนผู้นี้จะมาอยู่ที่นี่ในจังหวะนี้ได้

“เป็นเขาหรือ !?” จูเซียนเหยาอึ้งไป

“มีคนสำรองพร้อมไว้ไม่เสียหายนี่” ซูเฉินว่า

“ย่าห์ !!!” ซาเค่อร้องลั่น สั่งกิ้งก่าให้สกัดซูเฉินไว้แล้วกระโจนใส่เฮ่อซื่อ

เขาจะฆ่าเฮ่อซื่อก่อน

แต่พอหันไป ร่างของซูเฉินก็หายวับไป ปรากฏขึ้นอีกทีเบื้องหลังซาเค่อ ดาบหั่นภูผาแทงลงตรงรูที่เฮ่อซื่อเพิ่งโจมตีเอาไว้

เพลิงดำระเบิดออกไป

“อ๊ากกกกก !” ซาเค่อตวัดมือขวาต้านท้าน มุกพิภพที่ห้าปะทะเข้ากับแขนขวาซูเฉิน ตัดแขนถึงข้อศอกกระเด็นไปทันที

เฮ่อซื่อหาดดาบกลับไป เล็งที่ลำคอซาเค่อ ส่วนซาเค่อก็ออกหมัด มือซ้ายทะลวงเข้ากลางท้องเฮ่อซื่อ

จูเซียนเหยากระโดดลอยมา จากนั้นใช้ท่าดัชนีจิ้งจอกสวรรค์เข้าที่ลูกตาซาเค่อ

แผละ

ลูกตาของซาเค่อระเบิดออกทันใด

หากแต่พริบตานั้น ทรายสีทองก็พลันย้อนกลับมาเป็นสองเท้าแล้วซัดเข้าใส่จูเซียนเหยาจนร่างกระเด็นไป

พริบตาต่อมา มือซ้ายของซูเฉินก็ทะลวงเข้าร่างของซาเค่อ

สว่านทะลวงเกราะ

หมัดโลกันตร์คลั่ง

เกิดระเบิดพลังขนานใหญ่ทะลวงร่างหินของซาเค่ออีกครั้งหนึ่ง

กิ้งก่าที่กำลังคลานอยู่บนพื้นร้องหวน ซูเฉินหันไปจ้องตามัน ใช้วิชาสรรพสิ่งลวงตาหยุดกิ้งก่าจนนิ่งอึ้งไป

หากแต่ซาเค่อยังโต้กลับไปด้วยลูกเตะเล็งที่เข่า บีบให้ชายหนุ่มทรุดลงกับพื้น

จูเซียนเหยากระโจนเข้ามาอีก ส่งถูกถีบเข้าที่ลำคอซาเค่ออย่างแรง

คอเขาหักอยู่แล้ว เพิ่งจัดมันกลับมาได้ใหม่เพียงเล็กน้อยมันก็หักอีกครา ทำให้ศีรษะห้อยลงไปถึงอก

แต่แม้จะต้องหอบหายใจก็ยังนับว่าไม่ใช่บาดแผลร้ายแรงนัก

คลื่นพลังลมรุนแรงซัดร่างจูเซียนเหยากระเด็นไป พริบตานั้นเขาก็ตวัดแขนซ้ายซัดเฮ่อซื่อ จนร่างอีกฝ่ายกระแทกพื้นโดยแรง

ซาเค่อเก็บมือชุ่มเลือดกลับมา “ต้องรู้ให้ได้ว่าเจ้าเป็นใคร !”

จากนั้นก็ออกหมัดใส่ซูเฉิน

ตู้ม !

หน้ากากบนใบหน้าซูเฉินแตกกระจาย จมูกถูกหมัดหักไม่มีชิ้นดีจนหงายหลังไป

หากแต่จังหวะนั้นเองที่ดาบหั่นภูผาซัดถูกซาเค่อ ทะลวงเข้าร่าง แยกร่างส่วนบนออกเป็นสองส่วน !